รถล่าสุด
Mazda 2 โฉมใหม่ ! เด่นด้วยสไตล์ New Wave และตัวทอพสไตล์ Sport ราคา 599,000-830,000 บาท
Mazda 2 กับดีไซจ์นใหม่ Sport Design และ New Wave Design
Mazda 2 มีเส้นสายแนวใหม่ เริ่มจากสไตล์ New Wave Design (มีในรุ่น 1.3 C, 1.3 S และ XD) มีความโดดเด่นด้านการออกแบบด้วยกันชนหน้าใหม่ กระจังหน้าใหม่ และล้อลายใหม่ แผงคอนโซลด้านในหลากสี จับคู่กับสีภายนอก และลวดลายของล้อที่แตกต่างหลากหลายได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังเลือกใช้ Bioplastic เป็นส่วนประกอบในการผลิตคอนโซล ทั้งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และได้วัสดุที่มีคุณภาพสูง รวมถึงการเลือกใช้ฟีล์มหลังคาที่ผลิตจากวัสดุไวนิล ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากการผลิต เมื่อเทียบกับการเคลือบสีแบบทูโทน
นอกจากนี้ Mazda 2 ยังมีการตกแต่งในแบบ Sport Design (มีในรุ่น 1.3 SP และ XDL) เน้นมาดสปอร์ทโฉบเฉี่ยว ด้วยกันชนหน้า พร้อมกระจังหน้าแบบ Mesh Grille ดีไซจ์นใหม่ ยกระดับความสปอร์ทด้วยกระจกมองข้าง และหลังคาสีดำ ที่เข้ากับความสปอร์ทของกระจังหน้าได้อย่างลงตัว และมาพร้อมกับล้อแมกขนาด 16 นิ้ว ลายใหม่ ขณะที่ภายในมอบความสปอร์ทพรีเมียมด้วยเบาะหนังสีดำสลับกับผ้า Grand Luxe Suede สไตล์สปอร์ทแบบใหม่ ให้ความประณีตด้วยวัสดุคุณภาพสูง ตกแต่งสีแดงที่กรอบช่องแอร์ และเบาะนั่งเดินตะเข็บสีแดง
เสริมรุ่นพิเศษอีก 2 รุ่น ได้แก่ Rookie Drive และ Clap Pop (เสริมจากรุ่น 1.3 C)
เพื่อเป็นการสร้างสีสัน และความสดใสขึ้นไปอีกขั้น Mazda 2 โฉมล่าสุด มาพร้อมรุ่นพิเศษอีก 2 รุ่น ได้แก่ Rookie Drive เพิ่มความแตกต่างโดดเด่นกับดีไซจ์นภายนอก ไม่ว่าจะเป็น กระจังหน้าสีขาวแบบใหม่ หลังคาสีขาว หรือสีดำ ที่ออกแบบให้แตกต่างตามสีภายนอก มีการตกแต่งด้วยสีส้ม Racing Orange บนชุดสปอยเลอร์หลัง ชุดครอบกระจกมองข้าง คิ้วตกแต่งกันชนหน้า และกันชนหลัง รวมถึงฝาครอบล้อ พร้อมชุดสติคเกอร์ตกแต่งพิเศษ
อีกหนึ่งรุ่นพิเศษกับ Clap Pop เพิ่มความสปอร์ทที่ไม่เหมือนใคร กระจังหน้าแบบใหม่ มาพร้อมกระจกมองข้าง และฝาครอบล้อสีขาว Ceramic Metallic กระจังหน้าสีขาว และหลังคาสีขาว เพื่อเพิ่มความแตกต่างที่โดดเด่นยิ่งขึ้น พร้อมชุดสติคเกอร์ตกแต่งพิเศษของรุ่น Clap Pop ตอบโจทย์ลูกค้ารุ่นใหม่ที่ต้องการรถที่ถ่ายทอดบุคลิกที่แตกต่างไม่ซ้ำใคร
ส่วนขุมพลัง มี 2 ทางเลือก คือ เครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร (Skyactiv-G) กำลังสูงสุด 93 แรงม้า ที่ให้ทั้งสมรรถนะความแรง และการขับขี่ดีเยี่ยม ประหยัดน้ำมันเฉลี่ยถึง 23.3 กม./ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ 1.5 ลิตร (Skyactiv-D) กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ให้ทั้งพละกำลัง และประหยัดน้ำมันเฉลี่ยถึง 26.3 กม./ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ เสริมด้วยระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง (GVC Plus) ที่ช่วยควบคุมสมรรถนะในการขับขี่ให้แม่นยํา และสมดุล เพื่อให้ผู้ขับรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับรถอย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ตั้งแต่ก่อนเข้าโค้ง ในโค้ง และนอกโค้ง เพื่อมอบความปลอดภัย และความสะดวกสบายให้ผู้โดยสารทุกตำแหน่ง
นอกจากนี้ Mazda 2 โฉมล่าสุด ยังคงถ่ายทอดเอกลักษณ์ของการเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่มอบคุณค่าเกินความคาดหวังให้แก่ลูกค้าด้วยความสะดวกสบายจากการขับขี่ด้วยท่านั่งที่เป็นธรรมชาติ และมีวิสัยทัศน์ในการขับขี่ที่ดีเยี่ยม พร้อมยังช่วยให้เพลิดเพลินกับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย และไม่พลาดทุกการติดต่อด้วยเทคโนโลยีเชื่อมต่อไร้ขีดจำกัด Mazda Connect ที่รองรับ Apple CarPlay (เชื่อมต่อได้แบบไร้สาย) และ Android Auto ผ่านหน้าจอ Center Display แบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ควบคุมด้วย Center Commander พร้อมอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) ระบบควบคุมความเร็วคงที่ หรือ Cruise Control และยังเพิ่มความสะดวกสบายด้วยเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่ง 2 ตำแหน่ง
Mazda 2 โฉมล่าสุด ยังได้รับการพัฒนาให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น ด้วยการติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานด้านความปลอดภัยเพิ่มเติมอย่างครบครัน กับเทคโนโลยีความปลอดภัยเชิงป้องกัน มีชื่อว่า i-Activsense ที่ช่วยลดโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุ และช่วยให้ขับขี่ได้อย่างสะดวกสะบายมากยิ่งขึ้น อาทิ
- ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance (Advanced SCBS) [มีในทุกรุ่นย่อย]
- ระบบช่วยประหยัดน้ำมัน i-STOP และระบบประหยัดพลังงาน i-ELOOP [มีในทุกรุ่นย่อย]
- ระบบควบคุมการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง GVC Plus [มีในทุกรุ่นย่อย]
- ไฟหน้าพโรเจคเตอร์แบบ LED และปรับระดับแบบอัตโนมัติ [มีในทุกรุ่นย่อย]
- กระจกหน้าแบบลดเสียงรบกวน [มีในทุกรุ่นย่อย]
- ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Keyless Entry)
- ระบบแสดงภาพ 360 องศารอบทิศทาง (360 View Monitor)
- ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน (LDWS)
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (HBC)
- ระบบเตือนการชนด้านหน้า และช่วยเบรคอัตโนมัติ (SBS)
- ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (ABSM)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (MRCC)
- อุปกรณ์มาตรฐานความปลอดภัยครบครัน อาทิ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS
- ระบบป้องกันล้อลอคแยกอิสระ 4 ล้อ 4W-ABS ระบบกระจายแรงเบรค EDB และระบบช่วยเบรค BA
- ระบบควบคุมเสถียรภาพ และการทรงตัวของรถ DSC
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HLA
- เซนเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 จุด และด้านหลัง 4 จุด
- กล้องมองหลัง
- หน้าจอสี Center Display แบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว และปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander
- ที่ปัดน้ำฝนกระจกหน้าแบบหน่วงเวลา พร้อมฟังค์ชันตรวจจับน้ำฝนแบบอัตโนมัติ
- ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Sport paddle shift
- กระจกมองข้างปรับ และพับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว
- ระบบไฟหน้า เปิด/ปิดอัตโนมัติ
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS ( Traction Control System)
- ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินเตือนอัตโนมัติ เมื่อเบรคกะทันหัน ESS (Emergency Signal System)
- พวงมาลัยปรับ 4 ทิศทาง พร้อมสวิทช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย
- ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ
- คานเหล็กเสริมกันกระแทกด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง
- พนักพิงเบาะด้านหลัง สามารถแยกปรับ และพับแบบ 60:40
- กุญแจนิรภัย Immobilizer และสัญญาณกันขโมย พร้อมเซนทรัลลอค
เรื่องโดย : ภูเขม หน่อสวรรค์
ภาพโดย : จินดา ลัยนันท์/บริษัทผู้ผลิต
คอลัมน์ Online : รถล่าสุด (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/455791