ข่าวจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า AI (Artificial Intelligence หรือ ปัญญาประดิษฐ์) ปีนี้มีบทบาทในระดับอุตสาหกรรมมาก ซึ่งในอุตสาหกรรมผลิตรถได้นำ AI มาใช้งานอยู่แล้ว โดยเฉพาะงานด้านการค้นคว้า และพัฒนา ซี่ง Toyota ได้ใช้ AI ในการออกแบบ ภายใต้การพัฒนาโดยสถาบันการวิจัยของ Toyota (Toyota Research Institute: TRI)
Toyota ใช้ AI ในการออกแบบระดับแรกโดยกำหนดเงื่อนไข จากนั้นนำมาตัดสินใจด้านวิศวกรรม โดยวิศวกรต้องปรับรูปแบบอีกหลายครั้ง จนกว่าจะสอดคล้องกับเงื่อนไขที่ต้องการ จากภาพจะเห็นรถ 2 ประตูคูเปขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นผลงานการออกแบบโดย AI และจะต้องผ่านการปรับเปลี่ยนโดยมนุษย์ต่อไป
ผลงานจาก AI จะถูกนำมาใช้สร้างแรงบันดาลใจให้แก่นักออกแบบ แต่ไม่สามารถรองรับความซับซ้อนด้านวิศวกรรม และการตัดสินใจด้านความปลอดภัย ซึ่งต้องใช้ในการผลิตรถจริง โดย Toyota ได้ผสมผสานความแข็งแกร่งของระบบวิศวกรรมดั่งเดิมเข้ากันกับความสามารถของ AI ได้อย่างพอดี
สำหรับเทคนิคการออกแบบรถแบบใหม่ ทาง TRI (สถาบันการวิจัยของ Toyota หรือ Toyota Research Institute) ได้ใช้ตัวแปรอย่าง “สัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน” (drag coefficient) หรือ “มิติของแชสซีส์” ที่จะมีผลต่อความสูงของตัวรถ และขนาดของห้องโดยสาร หรือการกำหนดเงื่อนไขให้ AI ด้วยข้อความที่เจาะจงอย่าง “sleek” (ปราดเปรียวหรือลู่ลม) และ “modern” (ทันสมัย) ซี่งเป็นเงื่อนไขสำคัญเกี่ยวกับระบบอากาศพลศาสตร์ที่จะมีผลต่อประสิทธิภาพการขับเคลื่อนของรถ ซึ่งก่อนหน้านี้ AI ได้มีส่วนช่วยให้การออกแบบรถใช้มอเตอร์ไฟฟ้าของ Toyota ได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพการขับเคลื่อนสูง
แม้แต่ค่าย BMW กำลังทดลองการใช้งาน AI กับการออกแบบรถ และจะขยายไปยังงานด้านอื่นต่อไป แต่ BMW จะไม่ปล่อยให้ AI ได้ดำเนินการด้านการออกแบบทั้งหมด ซึ่งเป็นแนวคิดเดียวกับ Toyota และในที่สุดก็จะใช้คนในการปรับงานด้านออกแบบ