ข่าวจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า ความสัมพันธ์ของ Toyota กับรถไฟฟ้า เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นพอกับละครช่วงหัวค่ำ ซึ่งในที่สุดก็หันมาจริงจังกับการพัฒนารถไฟฟ้าแม้จะช้า แต่วางตลาดยุโรปไปแล้วด้วย C-HR+ ใหม่ และ bZ4X หรือ bZ
ล่าสุดมีข่าวว่าค่ายสามห่วงมีแผนเริ่มการผลิตรถไฟฟ้าในยุโรปตั้งแต่ปี 2571 โดยใช้ฐานการผลิตที่สาธารณรัฐเช็ก โดยตั้งใจจะให้เป็นศูนย์กลางของการผลิตรถไฟฟ้า ที่มียอดการผลิตปีละ 100,000 คัน ซึ่งสอดคล้องกับที่บริษัทเคยประกาศแผนเปิดตัวรถไฟฟ้าในยุโรป 14 รุ่น ภายในปี 2569 รวมทั้งรุ่นที่กำลังจะจำหน่าย คือ C-HR+ และ Urban Cruiser รุ่นไฟฟ้า และครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี bZ รุ่นปรับปรุงใหม่
การย้ายฐานการผลิตรถไฟฟ้ามาที่ยุโรปสอดคล้องกับแผนความยั่งยืนระยะยาวของ Toyota และสหภาพยุโรปจะแบนการผลิตรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน ภายในปี 2578 แม้ยอดขายรถไฟฟ้าตกลง 1 % แต่นับว่ายังมีอนาคตที่ดีอยู่ โดยปัจจุบันรถไฟฟ้าทำยอดขายถึง 15.4 % ของรถใหม่ที่จำหน่ายในยุโรป
อีกเหตุผลของการเลือกยุโรปเป็นฐานการผลิตรถไฟฟ้า เนื่องจากตลาดรถไฟฟ้าในยุโรปใหญ่กว่าญี่ปุ่น ที่ยอดขายรถไฟฟ้าในญี่ปุ่นมีสัดส่วนเพียง 2 % ของยอดขายรถยนต์ใหม่ทั้งหมด แม้ Toyota ต้องเผชิญกับปัญหาเดียวกับผู้ผลิตรายใหญ่หลายรายที่กำลังเผชิญกับกระแสรถไฟฟ้าจากประเทศจีนอย่าง BYD, Jaecoo และ Xpeng ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดในยุโรปถึง 5.1 %
Toyota ยังมีมุมมองตลาดด้วยความระมัดระวัง การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของบริษัท เพื่อตอบสนองความต้องการใช้รถไฟฟ้าในยุโรป รวมทั้งสถานการณ์ด้านข้อกำหนดมลพิษใหม่ในยุโรป และการแบนรถเครื่องยนต์สันดาปภายในที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
แม้ว่าเป็นแผนซึ่งมุ่งเน้นการผลิตรถไฟฟ้าออกสู่ตลาดยุโรปมากขึ้น แต่ Toyota ยังคงระมัดระวังข้อจำกัดของรถไฟฟ้าล้วน ทั้งความสะดวกการใช้งาน น้ำหนักของแบทเตอรี และระยะเดินทางที่จำกัด แทนการมุ่งผลิตรถไฟฟ้าล้วน บริษัทสามารถใช้ประสบการณ์ด้านระบบส่งกำลังไฮบริด และเทคโนโลยีขยายระยะทาง เพื่อความสะดวกในการใช้งานจริง และดึงดูดใจมากขึ้น โดยเฉพาะกับรถยนต์ขนาดใหญ่