ทดลองขับ(formula)
ทดลองขับ Deepal L07 & S07 ดี (เกิน) พอหรือไม่ !?!
คลิพรีวิว Deepal L07 และ S07
กระแสรถยนต์ไฟฟ้ากำลังมาแรงอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีค่ายรถใหม่ๆ ตบเท้าเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยหลายเจ้า หนึ่งในค่ายรถที่มาแรง คือ Changan นำเสนอแบรนด์ใหม่ เน้นความทันสมัยกับ Deepal พร้อมรถยนต์ไฟฟ้า 2 รุ่น L07 และ S07 เปิดราคาในงาน Thailand International Motor Expo 2023 ที่ผ่านมา พร้อมการตอบรับที่มากมายเกินคาด ! แต่หลายคนยังไม่มีโอกาสได้ขับรถยนต์ไฟฟ้า 2 รุ่นนี้มากนัก ครั้งนี้เราจึงได้มาทดลองขับทั้ง Deepal L07 และ S07 เพื่อทำความรู้จักรถยนต์ไฟฟ้ามาแรงกันมากขึ้น !
รูปแบบของสนามทดลองขับที่ทาง Deepal จัดเตรียมเอาไว้มี 2 ส่วนด้วยกัน นั่นคือ ส่วน Urban DriveStyle เป็นการขับในสนามโกคาร์ทของ Impact Speed Park มีโค้งต่อเนื่อง และเป็นโค้งมุมแคบ ไม่เน้นการใช้ความเร็วสูง แต่เน้นการทดสอบการหักเลี้ยว และความคล่องแคล่วโดยรวมของตัวรถ ส่วนถัดมาเป็นการทดสอบสมรรถนะของตัวรถทั้ง 2 รุ่น ใช้ความเร็วได้สูงขึ้น และการเข้าโค้งความเร็วสูง รวมถึงทดสอบความหนึบแน่นของตัวรถด้วยการขับแบบสลาลอม และการตอบสนองของระบบรองรับ ปิดท้ายด้วยการทดสอบระบบช่วยเหลือการขับขี่ และระบบกล้องมองภาพรอบคัน
เริ่มด้วยรุ่น Deepal S07
เราเริ่มการทดลองขับกับ Deepal S07 รถยนต์ไฟฟ้าสไตล์ครอสส์โอเวอร์ รูปทรงคมเข้ม ทันสมัย กับมิติตัวถังที่ใหญ่โตระดับ C-SUV ของบ้านเรา ระยะฐานล้อถึง 2,900 มม. ล้อแมกขนาด 20 นิ้ว (มีความสูงจากพื้นถนนที่ 165 มม.) ขณะที่ห้องโดยสารมีการออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจจาก “เรือยอชท์” มีลักษณะโอบล้อมรอบผู้โดยสาร ตกแต่งด้วยวัสดุหนังแท้รอบคัน จอแสดงผลหลักขนาดใหญ่ถึง 15.6 นิ้ว แบบ Sunflower นั่นคือ จอภาพสามารถหันทิศทางซ้าย/ขวาไปยังผู้ขับ หรือผู้โดยสารด้านข้างผู้ขับได้ (ทั้งแบบอัตโนมัติ และตามการปรับของผู้โดยสาร) ส่วนสเปคของมอเตอร์ไฟฟ้า มีกำลังสูงสุด 258 แรงม้า (ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง) แรงบิดสูงสุด 32.6 กก.-ม. ความจุแบทเตอรี 66.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง
การขับแบบ Urban DriveStyle กับ Deepal S07
เราเริ่มการทดลองขับภายใต้โหมดการขับแบบปกติก่อน เพื่อทำความคุ้นเคยในช่วงแรก เราพบว่า Deepal S07 เป็นครอสส์โอเวอร์สไตล์เอสยูวี ที่นุ่มนวล พวงมาลัยเบาแรง แต่ยังมีความหนึบ และหนักแน่นในระดับที่พอเหมาะ ตามลักษณะของตัวถัง อาการโคลงของตัวถังมีให้สัมผัสในระดับหนึ่ง แต่ยังอยู่ในระดับที่ควบคุมรถได้ ต่อมาเราเปลี่ยนเป็นโหมดสปอร์ท คันเร่งมีการตอบสนองที่ฉับไวขึ้น (แม้จะกดคันเร่งได้เพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ จากรูปแบบของสนามโกคาร์ท) พวงมาลัยมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ยังหักเลี้ยวอย่างต่อเนื่อง และเลี้ยวมุมแคบได้ไม่ยาก
อย่างไรก็ตาม การขับแบบเน้นสมรรถนะมากขึ้น ทำให้ต้องใช้เบรคมากขึ้นในแต่ละโค้ง การชะลอความเร็วทำได้ดี ภายใต้ตัวถังครอสส์โอเวอร์ขนาดใหญ่เช่นนี้ อาการโคลงมีมากขึ้นขณะเข้าโค้ง จากการใช้ความเร็วสูงขึ้น สำหรับผู้ขับขี่อาจไม่มีปัญหา แต่ผู้โดยสารด้านหลัง (ในที่นี้ คือ ตากล้องของผู้ขับ) อาจมีอาการวิงเวียนได้ เนื่องจากระบบรองรับของรถประเภทนี้ต้องเผื่อเหลือความนุ่มนวลเอาไว้ จากตัวถังทรงสูง รวมถึงการโดยสาร และการบรรทุกสัมภาระของการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน
เราปิดท้ายด้วยการใช้โหมดประหยัด มอเตอร์ไฟฟ้ามีการตอบสนองแบบค่อยเป็นค่อยไปมาขึ้น แต่สิ่งที่ได้มา คือ การหน่วงของมอเตอร์ไฟฟ้า จากการถอนคันเร่ง หรือการเหยียบเบรค มีมากขึ้น เพื่อแปลงแรงหน่วงเป็นพลังงานไฟฟ้าได้มากขึ้น เพิ่มระยะทำการของตัวรถได้เล็กน้อย ดังนี้แล้ว ระบบรองรับ และการบังคับควบคุมของ Deepal S07 เหมาะสมกับความเป็นครอสส์โอเวอร์สไตล์เอสยูวี นุ่มหนึบ ขับขี่ได้สบาย แต่หากใช้ความเร็วสูง ต่อเนื่องถึงการเข้าโค้ง ยังต้องใช้ความระมัดระวังเป็นปกติ
การขับแบบเน้นสมรรถนะของ Deepal S07
ส่วนถัดมา เราเปลี่ยนสนามทดสอบเป็นการขับแบบเน้นสมรรถนะมากขึ้น กับช่วงทางตรงยาว กดคันเร่งตั้งแต่ออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง วัดอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (หรือใกล้เคียง) แน่นอนว่า เราใช้โหมดสปอร์ท การกดคันเร่งสุดตั้งแต่ออกตัวของ Deepal S07 ในช่วงแรก การตอบสนองของมอเตอร์ไฟฟ้ายังเน้นความไหลลื่น ค่อยเป็นค่อยไป (ไม่ใช่ส่งกำลังออกมาทันที แบบหลังติดเบาะ หรือล้อหมุนฟรี) แต่ไม่นานหลังจากนั้น ตัวเลขความเร็วจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และใช้เวลาไม่นานก็ถึงความเร็วประมาณ 100 กม./ชม. โดยตัวเลขอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ตามที่ผู้ผลิตระบุมา คือ ประมาณ 6 วินาทีปลายๆ ถือว่าฉับไวเอาเรื่อง ถัดจากช่วงทางตรงเป็นทางโค้งต่อเนื่องรูปตัว S (ต้องชะลอความเร็วลงมาระดับหนึ่ง) การเข้าโค้งต่อเนื่อง Deepal S07 ยังตอบสนองได้ดี แต่อาการโคลงของตัวรถก็มีพอสมควร แต่ยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ไม่ยาก สามารถเลี้ยวไปตามโค้งความเร็วสูงได้ดี
ส่วนถัดมา คือ การขับแบบ “สลาลอม” หักเลี้ยวซ้าย/ขวาอย่างต่อเนื่อง กับความเร็วประมาณกว่า 50 กม./ชม. การขับเคลื่อนล้อหลัง และพื้นถนนที่เป็นคอนกรีท ทำให้เจออาการท้ายปัดเล็กน้อย ผนวกกับช่วงล่างที่ยังมีความนุ่มนวลผสมอยู่ ต้องอาศัยการบังคับควบคุมพวงมาลัยเข้าช่วยเล็กน้อย ตัวรถยังคงแล่นผ่านสถานีสลาลอมได้ไม่มีปัญหา ในแง่ของสถานการณ์ฉุกเฉินเชื่อว่า ครอสส์โอเวอร์พลังไฟฟ้าคันนี้สามารถหลบหลีก และบังคับควบคุมได้ดีไม่น้อย ปิดท้ายด้วยการขับบนเส้นทางที่มีคานกั้นบนพื้นถนน ทดสอบการตอบสนองของระบบรองรับ เราพบว่าระบบรองรับของ Deepal S07 ดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี แรงสะเทือนมีไม่มากนัก พวงมาลัยไม่ส่ายไป/มา เหมาะกับสภาพถนนของบ้านเราที่เต็มไปด้วยพื้นผิวขรุขระ และหลุมบ่อ (เป็นจุดดีของช่วงล่างที่เผื่อความนุ่มนวลเอาไว้ในระดับที่พอเหมาะ)
เปลี่ยนมาที่ Deepal L07 แบบ Urban DriveStyle
เราเปลี่ยนคันมาที่ Deepal L07 ตัวถังซีดานสไตล์ฟาสต์แบค เส้นสายสปอร์ทลงตัว (คว้ารางวัลการออกแบบระดับโลกมาแล้ว คือ Red Dot Award) ระยะฐานล้อเท่ากับ S07 คือ 2,900 มม. เนื่องจากใช้โครงสร้างตัวถังร่วมกัน ล้อแมกขนาด 19 นิ้ว (ระยะความสูงจากพื้นถนน 150 มม.) มอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 258 แรงม้า แบทเตอรีความจุ 66.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง แต่ L07 มีระยะทำการสูงสุดมากกว่า S07 จากตัวถังที่เพรียวลมกว่า และมีน้ำหนักน้อยกว่า (ผู้ผลิตระบุมาที่ 540 กม. ส่วน S07 คือ 485 กม. ตามมาตรฐาน NEDC)
ดูสเปคกันคร่าวๆ แล้ว มาขับกันเลยดีกว่า เริ่มจากโหมดปกติก่อน เราพบว่า Deepal L07 มีระบบรองรับที่หนึบอย่างพอเหมาะ แต่ไม่แข็งกระด้าง พวงมาลัยมีการตอบสนองที่ดีมากเช่นกัน ตอบสนองดี แต่ยังคงเบาแรง แม้สนามโกคาร์ทจะมีโค้งมุมแคบต่อเนื่อง แต่การขับขี่ยังทำได้สบาย แม้จะเปลี่ยนมาใช้โหมดสปอร์ทก็ตาม คันเร่งตอบสนองไวขึ้น ต้องใช้เบรคมากขึ้นในแต่ละโค้ง แต่เรารู้สึกได้เลยว่า ระดับการกดแป้นเบรคน้อยกว่ารุ่น S07 เพียงชะลอความเร็วลงมาอย่างเหมาะสม ตัวรถสามารถแล่นผ่านแต่ละโค้งได้ไม่ยากเย็น การขับขี่มีความเพลิดเพลินดีมากสำหรับซีดานสไตล์ฟาสต์แบคคันนี้ (แน่นอนว่า ผู้โดยสารด้านหลัง คือ ตากล้องของเรา มีความวิงเวียนน้อยกว่าขณะนั่งในรุ่น S07 อย่างชัดเจน !) ส่วนโหมดประหยัด ยังเน้นการแปลงแรงหน่วงขณะถอนคันเร่ง และขณะกดแป้นเบรคมาเป็นพลังงานไฟฟ้า ซึ่งทำได้ดีเหมือนกับรุ่น S07 กับการขับขี่ที่นุ่มนวลกว่าเดิมเล็กน้อย
การขับแบบเน้นสมรรถนะของ Deepal L07
มาถึงสถานีทดสอบแบบเน้นสมรรถนะกับ Deepal L07 เริ่มจากอัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่ง เรายังคงใช้โหมดสปอร์ท เหมือน S07 เมื่อกดคันเร่งสุดทันที การตอบสนองของมอเตอร์ไฟฟ้ายังคงคล้ายกัน นั่นคือ ค่อยเป็นค่อยไปในช่วงแรก ก่อนจะปลดปล่อยพละกำลังอย่างต่อเนื่องในเวลาต่อมาไม่นาน ตัวรถพุ่งไปข้างหน้าอย่างมั่นคง และนิ่งกว่า S07 (จากรูปแบบของตัวถัง และน้ำหนักโดยรวม) ทางผู้ผลิตระบุว่า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 6 วินาทีต้นๆ เท่านั้น เหลือเฟือสำหรับการขับขี่ทั่วไป และขับสนุกได้อย่างเหมาะสมด้วย
การเข้าโค้งรูปตัว S และการเข้าโค้งความเร็วสูง การยึดเกาะทำได้น่าพอใจ อาการโคลงมีเพียงเล็กน้อย แล่นไปตามแนวโค้งได้เฉียบขาด รวมถึงการขับขี่ในส่วนของ “สลาลอม” สามารถควบคุมได้ง่ายว่า S07 อาการท้ายปัดเบาๆ แก้ไขได้สบายด้วยการควบคุมพวงมาลัยเพียงเล็กน้อย สามารถแล่นผ่านแนวไพลอนได้อย่างคล่องแคล่ว รวมถึงการแล่นผ่านคานบนพื้น ระบบรองรับสามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี ความหนึบแน่นของ L07 การมีแรงสั่นสะเทือนมากกว่า S07 เล็กน้อย แต่ไม่รบกวนความสะดวกสบายของการโดยสารแต่อย่างใด
ความเห็นเพิ่มเติมจาก Deepal L07 และ S07
นอกเหนือจากการทดลองสมรรถนะกันบางส่วนกับ Deepal L07 และ S07 ทางผู้จัดงานยังเปิดโอกาสให้ทดสอบระบบช่วยเหลือการขับขี่ด้วย นั่นคือ ระบบครูสคอนทโรลแปรผันความเร็ว และระบบรักษาตัวรถให้อยู่กลางเลน พร้อมควบคุมความเร็วตามรถคันข้างหน้า จนกระทั่งรถใช้ความเร็วต่ำ และหยุดสนิท เราพบว่าระบบช่วยเหลือการขับขี่มีการทำงานที่นุ่มนวล ค่อยๆ ชะลอความเร็วลงมา เมื่อถึงระยะห่างกับรถยนต์คันข้างหน้าตามที่ปรับตั้งเอาไว้ การแล่นตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ สามารถทำได้นุ่มนวลเช่นกัน ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายต่อผู้ขับได้ดีมาก รวมถึงระบบกล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา สามารถใช้งานได้ขณะใช้ความเร็วต่ำ ภาพแต่ละมุมมองมีความคมชัด ช่วยให้การแล่นผ่านในที่แคบทำได้สะดวก อุ่นใจกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม ยังมีออพชันบางรายการที่เราคิดว่าน่าจะเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสมกว่าเดิมได้ เช่น Deepal L07 ควรติดตั้งม่านบังแดดสำหรับซันรูฟพาโนรามิค (มีในรุ่น S07 เท่านั้น) รวมถึงระบบกรองอากาศอนุภาคเล็กแบบ Ion และการกรองอนุภาคในอากาศระดับ PM2.5 ซึ่งยังคงเป็นกระแสในบ้านเรา แต่ออพชันดังกล่าวกลับมีติดตั้งในรุ่น S07 เท่านั้น ส่วนทาง S07 มีออพชันที่ครบครัน แต่กลับไม่มีการติดตั้งหน้าจอแผงหน้าปัดมาให้ (มีติดตั้งในรุ่น L07 เท่านั้น) การแสดงผลด้านหน้าผู้ขับจะอยู่บนกระจกบังลมหน้ากับระบบ HUD (Head Up Display) แม้จะช่วยให้ผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากการมองถนน แต่การอ่านตัวเลข หรือการแสดงผลสะท้อนบนกระจกหน้า ก็ไม่ชัดเจนเท่ากับการมองจอแผงหน้าปัดโดยตรง การแสดงผลของระบบ HUD ควรเป็นระบบเสริมจากจอแผงหน้าปัดหลักมากกว่าการใช้งานเป็นส่วนแสดงผลทั้งหมดของตัวรถ
สรุปเบื้องต้นจากการทดลองขับ Deepal L07 และ S07
หลังจากได้ทำความรู้จักกับ Deepal L07 และ S07 ผ่านการทดลองขับในแต่ละส่วน เรามีความเห็นว่า ทั้ง 2 รุ่น เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีศักยภาพไม่น้อย แม้ค่ายรถจะเป็นค่ายหน้าใหม่ นั่นคือ Changan แต่ความจริงจังในการทำตลาดในบ้านเราไม่น้อยหน้าใคร มีการเริ่มสร้างโรงงานผลิตรถยนต์แล้วก่อนหน้านี้ รวมถึงรถยนต์ภายใต้แบรนด์ Deepal โดย S07 ได้รับความสนใจค่อนข้างมาก จากการเป็นครอสส์โอเวอร์ทรงสวย ขนาดใหญ่ ออพชันแน่น พร้อมสมรรถนะ และการขับขี่ที่ลงตัว (จากการทดลองขับครั้งนี้) ระบบรองรับยังมีความนุ่มนวล ควบคุมได้ง่าย ดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี แต่ยังต้องระมัดระวังขณะเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ขณะที่ L07 ก็มีจุดเด่นในแง่ของการเป็นรถยนต์ซีดานสไตล์ฟาสต์แบค รูปทรงโฉบเฉี่ยว การขับขี่มีความเฉียบคมมากกว่า S07 อย่างชัดเจน ขับสนุก และไหลลื่นไปกับโค้งได้ดีกว่า แถมยังมีอัตราเร่งที่ดีกว่าเล็กน้อย และระยะทำการสูงสุดไปได้ไกลกว่า ภายใต้พื้นที่ใช้สอยที่เพียงพอกับการใช้งานทั่วไป แต่ราคาที่แตกต่างกันไม่มากในความรู้สึกของผู้ให้ความสนใจ (L07 คือ 1,329,000 บาท ส่วน S07 คือ 1,399,000 บาท) รถยนต์ไฟฟ้าสไตล์ครอสส์โอเวอร์ จึงถูกเทความสนใจส่วนใหญ่ แม้เอาเข้าจริง L07 ก็มีดีไม่น้อย !
หลายแง่มุมของ Deepal L07 และ S07 ทั้งในแง่ของตัวเลขสมรรถนะ และการขับขี่ในสภาวะอื่นๆ รวมถึงการใช้งานระบบต่างๆ อันทันสมัยของรถทั้ง 2 รุ่น เราจะนำเสนอในโอกาสต่อไป เมื่อได้นำรถมาทดสอบกันเต็มๆ กับเครื่องมือวัดสมรรถนะ “ดาทรอน” ของ AutoinfoOnline ติดตามกันได้เร็วๆ นี้ !
ตารางสเปคของ Deepal L07 และ S07