ธุรกิจ
BMW ทุ่ม มากกว่า 1,600 ล้านบาท ผลิตแบทเตอรีไฟฟ้า

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เดินหน้าวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางนวัตกรรมและความยั่งยืนครั้งสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ ด้วยการก่อสร้างโรงงานการผลิตแบทเตอรีไฟฟ้าแรงดันสูงในจัง หวัดระยอง
ดร. มิลาน นูเดลโควิช กรรมการบริหาร BMW AG ด้านการผลิต กล่าวว่า โรงงานผลิตแบทเตอรีไฟฟ้าแห่งใหม่นี้ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 4,000 ตรม. นับเป็นการขยายการดำเนินงานครั้งสำคัญของ บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เพื่อต่อยอดไปสู่การผลิตแบทเตอรีไฟฟ้าแรงดันสูง และยังเป็นการเตรียมความพร้อมของบริษัทฯ ในการเดินหน้าสู่การผลิตยานยนต์พลังงานไฟฟ้า 100 % รุ่นแรกของ BMW ที่จะได้รับการผลิตภายในโรงงานในจังหวัดระยองในช่วงครึ่งหลังของปี พศ. 2568 โดยกระบวนการผลิตดังกล่าวยังรวมถึงการประกอบ และการผสานเซลล์แบทเตอรีที่นำเข้าจากต่างประเทศ ในกระบวนการบรรจุแบทเตอรีขั้นสุดท้ายด้วยระบบจักรกลอัตโนมัติที่ล้ำสมัย พร้อมสำหรับนำมาใช้ติดตั้งในยานยนต์พลังงานไฟฟ้า 100 % การขยายกระบวนการผลิตครั้งนี้ ยังสะท้อนให้เห็นถึงหมุดหมายสำคัญของ BMW Group ในการสานต่อพันธกิจเพื่อความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี และโซลูชันยนตรกรรมที่ยั่งยืน
BMW Group ได้ลงทุนมากกว่า 1,600 ล้านบาท หรือประมาณ 42 ล้านยูโร ในการพัฒนาโครงการที่ล้ำสมัยโครง การนี้ ซึ่งรวมถึงเทคโนโลยี Gen5 ล่าสุด โดยเงินลงทุนจำนวนมหาศาลกว่า 1,400 ล้านบาท หรือประมาณ 36 ล้านยูโร จะถูกนำไปใช้ในการจัดซื้อและติดตั้งอุปกรณ์รวมถึงเครื่องจักรที่ล้ำสมัย สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ BMW Group ในการนำเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่มาสู่ประเทศไทย
“การผลิตแบทเตอรีไฟฟ้าแรงดันสูงในพื้นที่ระยองถือเป็นขั้นตอนต่อไปของการก้าวไปข้างหน้า ในแผนการขับเคลื่อนด้านพลังงานไฟฟ้าให้แก่เครือข่ายการผลิตของเรา โดยหลักการ "Local for Local" เป็นแนวคิดที่เรายึด ถือ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจ สร้างโอกาสในการจ้างงาน และถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ประเทศไทย และภูมิ ภาคอาเซียน”
BMW Group ไม่เพียงมุ่งมั่นพัฒนาทรัพยากรบุคคลในองค์กรเท่านั้น แต่บริษัทฯ ยังมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย รวมถึงในระดับโลก ในการเปลี่ยนผ่านไปสู่เทคโนโลยียานยนต์แนว ทางใหม่ที่จะช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ในปีนี้ BMW Group ยังได้ผนึกกำลังร่วมกับองค์กรยูนิเซฟ ในประเทศไทย เพื่อขยายโอกาสทางด้านอาชีพให้แก่เยาวชนคนรุ่นใหม่ ผ่านโครงการการจัดการศึกษาแบบ STEM ที่บูรณาการความรู้ใน 4 สาขาวิชา ได้แก่ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และ คณิตศาสตร์เข้าด้วยกัน เพื่อเป็นอีกช่องทางในการให้คำแนะนำทางอาชีพ และบ่มเพาะทักษะสำคัญให้แก่เยาว ชนไทย