“แบทเตอรี” เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนรถไฟฟ้า EV การดูแลรักษาเรื่องการใช้งาน และการชาร์จอย่างถูกต้อง จะช่วยถนอม และยืดอายุแบทเตอรีให้ยาวนานขึ้น กับ 5 วิธีง่ายๆ ดังนี้
1. จอดรถในที่ร่ม
ในวันที่อากาศร้อนแบบนี้ หากเป็นไปได้การจอดในร่ม จะช่วยป้องกันแบทเตอรีจากความร้อนภายนอกที่สูงเกินไป และช่วยรักษาอุณหภูมิของแบทเตอรีให้เท่า หรือต่ำกว่าอุณหภูมิแวดล้อมได้
2. อย่าปล่อยให้แบทเตอรีเหลือ 0 %
ไม่ควรปล่อยให้แบทเตอรีเหลือ 0 % แล้วค่อยชาร์จ เพราะเป็นการทำให้แบทเตอรีทำงานหนักขึ้นกว่าเดิม จนเกิดความร้อนสูง และเสื่อมสภาพได้เร็วขึ้น พยายามรักษาระดับแบทเตอรีให้อยู่ระหว่าง 30-80 % ทุกครั้งที่ทำได้
3. ไม่ชาร์จ DC บ่อยเกินไป
การชาร์จเร็ว (DC Charger ) เป็นการชาร์จกระแสตรงที่ใช้กำลังไฟสูง ทำให้ชาร์จไฟได้อย่างรวดเร็ว (เฉลี่ยเพียง 30 นาที) ดังนั้น การชาร์จเร็วบ่อยๆ จะทำให้ระบบระบายความร้อนของแบทเตอรีทำงานหนัก มีความร้อนสะสม เป็นสาเหตุให้อายุการใช้งานสั้นลง ทางที่ดีใช้การชาร์จเร็วเฉพาะเหตุการณ์ฉุกเฉิน หรือเวลาเดินทางไกลเท่านั้น ถ้าใช้งานในชีวิตประจำวัน ให้ชาร์จแบบธรรมดา (AC Charger ) หรือชาร์จกับไฟบ้านก็เพียงพอ
4. จอดรถนานแบทเตอรีต้องมากกว่า 30 %
หากมีความจำเป็นต้องจอดรถทิ้งไว้เป็นเวลานานๆ เป็นเดือน ทางที่ดีควรเหลือปริมาณไฟในแบทเตอรีอย่างน้อย 30 % เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของแบทเตอรี
5. ตรวจเชครถ และแบทเตอรี
นำรถเข้าตรวจเชคตามระยะบำรุงรักษาเสมอ เพราะรถยนต์ไฟฟ้าจำเป็นต้องมีการบำรุงรักษาเช่นเดียวกับรถยนต์ทั่วไป ทั้งเชคระยะทาง เชคยาง ตรวจสอบเบรค และตรวจสอบชุดแบทเตอรีให้มีความสมบูรณ์ ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานได้เช่นเดียวกัน
** อายุการใช้งานของแบทเตอรีรถยนต์ไฟฟ้า อยู่ที่ราว 10-20 ปี ขึ้นอยู่กับการบำรุงรักษา ดังนั้น ถ้าขาดการบำรุงรักษา หรือดูแลไม่ถูกวิธี แบทเตอรีก็อาจเสื่อมสภาพเร็วกว่าอายุการใช้งานได้
อ่านเพิ่มเติม : อัพเดท ! ราคาชาร์จรถไฟฟ้า EV ปี 2567