ธุรกิจ
ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์
Great Wall Motor เปิดตัว GWM Training Center แห่งแรกในไทย
Great Wall Motor เปิดตัวศูนย์อบรมแห่งใหม่ “GWM Training Center” รองรับการฝึกอบรมพนักงานขาย น้อง iAM (Intelligent Ambassador) ช่างเทคนิค พร้อมเสริมความแข็งแกร่งด้านการขาย และบริการหลังการขายของบุคลากรได้อย่างตรงจุด สร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าทั่วประเทศ ผ่านการซ่อม และบำรุงรักษารถยนต์ไฟฟ้าด้วยความรู้ และทักษะที่ถูกต้องตามมาตรฐานสากล ทะยานขึ้นสู่ความเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า (xEV Leader) 3 อันดับแรกของแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ภายในปี 2569 อย่างเต็มกำลัง ควบคู่ไปกับการยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทยอย่างยั่งยืน
ณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า Great Wall Motor มุ่งมั่นที่จะส่งมอบผลิตภัณฑ์ การบริการ ที่เปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ให้แก่ผู้บริโภค โดยการพัฒนาขีดความสามารถให้ครอบคลุมรอบด้าน ควบคู่ไปกับการพัฒนาบุคลากรให้ได้มาตรฐานตามที่บริษัทกำหนด การเปิดศูนย์อบรมแห่งใหม่ หรือ GWM Training Center เพื่อรองรับ และฝึกอบรมพนักงานขาย และช่างเทคนิคของ Great Wall Motor ทั่วประเทศ ซึ่งพนักงานทุกคนจะต้องผ่านการฝึกอบรมที่ศูนย์อบรมดังกล่าว เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะมีความรู้ความสามารถในการให้บริการลูกค้า และซ่อมบำรุงรถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่นของ Great Wall Motor ได้อย่างถูกต้องตามมาตรฐานสากล ความพร้อมของบุคลากรที่มีทักษะระดับสูงเหล่านี้ จะเป็นแรงผลักดันอันสำคัญที่จะช่วยสานเจตจำนงของบริษัทฯ ในการก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านยานยนต์พลังงานไฟฟ้าของไทย พร้อมช่วยเติมเต็มระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าให้พัฒนาอย่างสมบูรณ์ และเป็นรูปธรรม รวมถึงมีส่วนช่วยรองรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตอย่างรวดเร็วในยุคปัจจุบัน
การเปิดศูนย์ฝึกอบรมในครั้งนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ด้านการขาย และบริการหลังการขายที่สำคัญของบริษัทฯ ในการพัฒนาคุณภาพบุคลากร เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ผู้บริโภคอย่างรอบด้าน สะท้อนถึงการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งของ Great Wall Motor ที่จะยกระดับประสบการณ์ และการบริการแก่ลูกค้า ผ่านกลยุทธ์ด้านต่างๆ ที่จะประกอบกันกลายเป็นฟันเฟืองที่สำคัญในการเดินหน้าเพื่อก้าวขึ้นสู่การเป็น 1 ใน 3 ของผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าของไทย พร้อมส่งมอบ “New Energy” “New Intelligence” และ “New Experience” ด้วยบริการ และผลิตภัณฑ์คุณภาพ เพื่อร่วมกันยกระดับประเทศไทยให้ก้าวเข้าสู่สังคมรถยนต์พลังงานใหม่อย่างเต็มภาคภูมิ
โดยศูนย์อบรมแห่งนี้จะเข้ามารองรับการฝึกอบรมพนักงานขาย น้อง iAM และช่างเทคนิคของ Great Wall Motor ทั่วประเทศ โดยการฝึกอบรมมีทั้งการฝึกฝนในภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ โดยแบ่งหลักสูตรออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ขั้นพื้นฐาน ขั้นกลาง และขั้นสูง ด้านการขาย การฝึกอบรมจะครอบคลุมทั้งความรู้ด้านแบรนด์ และผลิตภัณฑ์ เทคนิคการขาย หลักการนำเสนอผลิตภัณฑ์ต่อลูกค้า รวมถึงการหาความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าได้ตรงจุด ด้านบริการหลังการขาย เน้นความรู้ด้านเทคโนโลยีส่วนประกอบต่างๆ ของตัวรถ เทคโนโลยี และการทำงานของรถรุ่นต่างๆ และความรู้พื้นฐานของระบบไฟฟ้า องค์ประกอบ และระบบสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้า เครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง การทำงานของมอเตอร์ และแบทเตอรี รวมถึงการวิเคราะห์ปัญหา และการแก้ไขปัญหา การใช้เครื่องมือพิเศษในการซ่อมบำรุงต่างๆ นอกจากนี้ การอบรมยังครอบคลุมไปถึงความรู้ด้านการบำรุงรักษาสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของ Great Wall Motor อีกด้วย
GWM Training Center ครอบคลุมบริเวณชั้น 2 ของแอท ยู พาร์ค บางนา มีพื้นที่รวมทั้งสิ้น 530 ตารางเมตร สามารถรองรับการฝึกอบรมบุคลากรได้อย่างครบครัน เพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์ และเทคโนโลยีอันทันสมัย ประกอบด้วย ห้องฝึกอบรมเฉพาะทางถึง 4 ห้อง ได้แก่ ห้อง Sales Training สำหรับฝึกอบรมทฤษฎีเกี่ยวข้องกับการขาย ห้อง Technical Training สำหรับฝึกอบรมทฤษฎีหลักการทำงานของรถยนต์ ห้อง Overhaul Room สำหรับฝึกภาคปฏิบัติในการถอดประกอบเครื่องยนต์ และเกียร์ และห้อง Workshop ที่ใช้สำหรับฝึกภาคปฏิบัติงานบริการของช่างเทคนิค
Toyota เผยตลาดรถเดือนกุมภาพันธ์ 67 ยังชะลอตัว
ศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติตลาดรถ ยนต์เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2567 มียอดขาย 52,843 คัน ลดลง 26.1 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แบ่งการขายเป็นรถยนต์นั่ง 19,861 คัน ลดลง 20.1 % รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 32,982 คัน ลดลง 29.4 % และรถกระบะขนาด 1 ตัน มียอดขายที่ 18,839 คัน ลดลง 44 % ซึ่งยอดขายที่ลดลงมากกว่าปกติ เป็นผลมาจากการเร่งขายของกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าที่ต้องจดทะเบียนภายในเดือนมกราคม เพื่อลูกค้าจะได้รับสิทธิประโยชน์ภาษี BEV 3.0 รวมถึงผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจ เพื่อรอการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ตลอดจนแคมเปญส่งเสริมการขายที่จะเกิดขึ้นในงานจัดแสดงยานยนต์ครั้งยิ่งใหญ่ “บางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45” ทั้งนี้ตลาดรถ ยนต์นั่ง มีอัตราการเติบโตลดลงที่ 20.1 % และตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ มีอัตราการเติบโตลดลงที่ 29.4 % นอกจากนี้ การที่สถาบันการเงินยังคงเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ อาจส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของตลาดรถยนต์ เช่นกัน
ตลาดรถยนต์ในเดือนมีนาคมมีแนวโน้มที่จะขยับตัวดีขึ้น จากการที่ค่ายรถยนต์พร้อมใจกันแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ ทั้งรถยนต์นั่ง และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ ณ งานจัดแสดงยานยนต์ครั้งยิ่งใหญ่แห่ง ไตรมาสแรก “บางกอก อิน เตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45” พร้อมโปรโมชันส่งเสริมการขายจากทั้งค่ายรถยนต์ และสถาบันการเงิน เพิ่มความน่าดึงดูดใจในการเป็นเจ้าของ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะส่งผลบวกต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้
ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนกุมภาพันธ์ 2567
ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 52,843 คัน ลดลง 26.1 %
อันดับที่ 1 Toyota 19,702 คัน ลดลง 23.1 % ส่วนแบ่งตลาด 37.3 %
อันดับที่ 2 Honda 8,587 คัน ลดลง 1.4 % ส่วนแบ่งตลาด 16.3 %
อันดับที่ 3 Isuzu 7,653 คัน ลดลง 50.2 % ส่วนแบ่งตลาด 14.5 %
ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 19,861 คัน ลดลง 20.1 %
อันดับที่ 1 Toyota 4,880 คัน ลดลง 48.4 % ส่วนแบ่งตลาด 24.6 %
อันดับที่ 2 Honda 4,721 คัน ลดลง 16.6 % ส่วนแบ่งตลาด 23.8 %
อันดับที่ 3 Mitsubishi 1,705 คัน ลดลง 9 % ส่วนแบ่งตลาด 8.6 %
ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 32,982 คัน ลดลง 29.4 %
อันดับที่ 1 Toyota 14,822 คัน ลดลง 8.2 % ส่วนแบ่งตลาด 44.9 %
อันดับที่ 2 Isuzu 7,653 คัน ลดลง 50.2 % ส่วนแบ่งตลาด 23.2 %
อันดับที่ 3 Honda 3,866 คัน เพิ่มขึ้น 27 % ส่วนแบ่งตลาด 11.7 %
ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pickup และรถกระบะดัดแปลง PPV*) ปริมาณการขาย 18,839 คัน ลดลง 44 %
อันดับที่ 1 Toyota 8,661 คัน ลดลง 36.2 % ส่วนแบ่งตลาด 46 %
อันดับที่ 2 Isuzu 6,690 คัน ลดลง 52.7 % ส่วนแบ่งตลาด 35.5 %
อันดับที่ 3 Ford 2,205 คัน ลดลง 38.6 % ส่วนแบ่งตลาด 11.7 %
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 3,304 คัน
Toyota 1,275 คัน-Isuzu 985 คัน-Ford 752 คัน-Mitsubishi 248 คัน-Nissan 44 คัน
ตลาดรถกระบะ Pure Pickup ปริมาณการขาย 15,535 คัน ลดลง 43.2 %
อันดับที่ 1 Toyoya 7,386 คัน ลดลง 35.5 % ส่วนแบ่งตลาด 47.5 %
อันดับที่ 2 อีIsuzu 5,705 คัน ลดลง 52.4 % ส่วนแบ่งตลาด 36.7 %
อันดับที่ 3 Ford 1,453 คัน ลดลง 32.2 % ส่วนแบ่งตลาด 9.4 %
Delta ประเทศไทย เปิดโรงงานใหม่แห่งที่ 8 ในไทย
บมจ. เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) บริษัทในเครือของ Delta Group เปิดตัวโรงงาน Delta แห่งที่ 8 และศูนย์วิจัยและพัฒนาแห่งใหม่ ณ นิคมอุตสาหกรรมบางปู ประเทศไทย เพื่ออำนวยความสะดวกในการขยายการผลิต และพัฒนาผลิตภัณฑ์เพาเวอร์อีเลคทรอนิคส์สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าของ Delta ไปยังลูกค้าระดับโลก
วิคเตอร์ เจิ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาตลอด 35 ปีสำหรับ Delta ประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2553 เราได้ผลิตผลิตภัณฑ์เพาเวอร์อีเลคทรอนิคส์สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย โดยโรงงาน Delta แห่งใหม่ แห่งที่ 8 ของเรา มีเป้าหมายเพื่อตอบสนองความต้องการปริมาณยานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ซึ่งศูนย์วิจัย และพัฒนาแห่งใหม่ของเราจะช่วยพัฒนาเพาเวอร์อีเลคทรอนิคส์สำหรับยานยนต์ในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าการลงทุนที่สำคัญในครั้งนี้จะนำประโยชน์มากมายมาสู่อุตสาหกรรม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย รวมทั้งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
กลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าของ Delta มีตั้งแต่ผลิตภัณฑ์การจัดการพลังงาน รวมถึงเครื่องชาร์จในตัว ตัวแปลง DC/DC และผลิตภัณฑ์ระบบส่งกำลัง รวมทั้ง Traction inverter และ Traction motor ตลอดจนโซลูชันการจัดการความร้อน และอุปกรณ์ที่ทำงานได้ด้วยตัวเอง Passive component โดย Delta มีลูกค้าระดับโลก ได้แก่ ผู้ผลิตยานยนต์ชั้นนำจากยุโรป สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี 2553 Delta ประเทศไทย ได้ผลิตผลิตภัณฑ์เพาเวอร์อีเลคทรอนิคส์สำหรับลูกค้าทั่วโลกที่โรงงาน Delta 1 ด้วยพื้นที่ 25,000 ตารางเมตร ปัจจุบันโรงงานแห่งใหม่ และศูนย์วิจัยและพัฒนาทั้ง 2 แห่งนี้ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 30,400 ตารางเมตร โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต ตอบสนองต่อการเติบโตอย่างรวดเร็วของธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า
การผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่ทันสมัย และมีประสิทธิภาพของ Delta ครอบคลุมทุกขั้นตอน ตั้งแต่การรับ และจัดเก็บวัตถุดิบไปจนถึงขั้นตอนการผลิตต่างๆ เช่น ขั้นตอนการวางชิ้นส่วนอีเลคทรอนิคส์บนแผงวงจร (SMT) ขั้นตอนการประกอบแผงวงจร (PWBA) การประกอบชิ้นส่วนต่างๆ และการ burn-in พร้อมทั้งการตรวจสอบสินค้าขั้นสุดท้ายก่อนการส่งออก การลงทุนมูลค่าเกือบ 3 พันล้านบาท สำหรับโรงงานแห่งที่ 8 และศูนย์วิจัยและพัฒนาครั้งนี้ แสดงโซลูชันอาคารอัจฉริยะ และการผลิตอัจฉริยะที่ประหยัดพลังงานของ Delta ยกระดับความสามารถในการผลิต และมาตรฐานการผลิต
เนื่องในโอกาสครบรอบ 35 ปีของการพัฒนา Delta ประเทศไทย เป็นบริษัทหนึ่งเดียวในประเทศไทยที่ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ ซึ่งเป็นดัชนีที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ในหมวด “ชิ้นส่วนอุปกรณ์ เครื่องมือ และส่วนประกอบอีเลคทรอนิคส์” ตั้งแต่ปี 2565-2566 และได้รับรางวัลผู้นำด้านการมีส่วนร่วมของซัพพลายเออร์ ประจำปี 2565 จาก CDP ในด้านความยั่งยืนของห่วงโซ่อุปทาน ณ เวลานี้ Delta ประเทศไทย กำลังเดินหน้าสู่ก้าวใหม่ของการเติบโต ด้วยการขยายขอบเขตการวิจัยและพัฒนา การผลิต และธุรกิจในตลาดท้องถิ่น พร้อมสนับสนุนการพัฒนาในอุตสาหกรรม S-curve ของประเทศไทย ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ และอุตสาหกรรมอีเลคทรอนิคส์อัจฉริยะ ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับการขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สนามช้าง ระเบิดศึก Plan B Media BRIC Superbike 2024
บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จำกัด หรือ BRIC ผู้บริหารสนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิท จ. บุรีรัมย์ ร่วมกับภาครัฐ และผู้สนับสนุนภาคเอกชน ประกาศความพร้อมการจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบ ชิงแชมพ์ประเทศไทย พร้อมเปิดตัว บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) ไทเทิลสปอนเซอร์รายใหม่ ภายใต้ชื่อรายการ Plan B Media BRIC Superbike 2024 “แพลน บี มีเดีย บีอาร์ไอซี ซูเพอร์ไบค์ ประจำปี 2567” รายการแข่งขันที่ได้รับความนิยม และยิ่งใหญ่ที่สุดของไทย ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิท จ. บุรีรัมย์
ณัฐพล อันตรเสน ผู้อำนวยการกองส่งเสริมพัฒนากีฬาอาชีพ การกีฬาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันวงการมอเตอร์สปอร์ทไทยพัฒนาแบบก้าวกระโดด มีนักบิดสัญชาติไทย โลดแล่น และสร้างชื่อเสียงในรายการแข่งขันต่างๆ ทั่วโลก การจัดการแข่งขันรายการใหญ่ชิงแชมพ์ประเทศไทย จึงมีความสำคัญอย่างมาก เป็นบันไดแห่งการฝึกฝน และพัฒนาอย่างแท้จริง ภายใต้มาตรฐาน และประสบการณ์จากการจัด MotoGP นำมาพัฒนาให้ดีขึ้นทุกปี การกีฬาแห่งประเทศไทย ยินดีให้การสนับสนุนนักแข่งไทย ทุกค่ายทุกสังกัด โดยมีโปรแกรมที่ใช้วิทยาศาสตร์การกีฬา พัฒนาร่างกาย และจิตใจนักแข่งทุกด้าน ดูแลเรื่องโภชนาการ พัฒนาขีดความสามารถให้มีความพร้อมเต็มที่ในการแข่งขันเทียบชั้นกับนักแข่งระดับโลก
อานนท์ พรธิติ รองประธานอาวุโส บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แพลน บี มีเดียฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งในการสนับสนุนศึกชิงแชมพ์สองล้อที่ได้รับความนิยมสูงสุดของไทย รายการแข่งฝีมือคนไทย ความภาคภูมิใจของวงการมอเตอร์สปอร์ท ซึ่งเป็นรายการที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลา 10 ปี สามารถขยายฐานผู้ชมไปสู่ประเทศ AEC รวมทั้งยังสร้างนักแข่งหน้าใหม่เพิ่มขึ้นมากมาย
ทั้งนี้ แพลน บี มีเดียฯ ในฐานะผู้นำทางด้านนวัตกรรม และสื่อโฆษณานอกที่อยู่อาศัย ยังเป็นผู้บริหารสิทธิประโยชน์กีฬาหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ฟุตบอลไทยลีก, มวย และมหกรรมกีฬาโอลิมปิค โดยกีฬามอเตอร์สปอร์ท เป็นอีกหนึ่งโอกาสใหม่ และเป็นตลาดที่ใหญ่ ที่สามารถตอบโจทย์ทางการตลาดในหลายด้าน เชื่อว่าการก้าวเข้ามาเป็นไทเทิลสปอนเซอร์ของรายการ ภายใต้ชื่อ "Plan B Media BRIC Superbike" นี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ยิ่งใหญ่ และเป็นโอกาสสำคัญในการพัฒนาวงการมอเตอร์สปอร์ทไทย พร้อมกับการพัฒนาธุรกิจกีฬาของเราให้เจริญเติบโต ให้ควบคู่ก้าวหน้าไปด้วยกัน
สุชาติ ระมาศ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR กล่าวว่า ที่ผ่านมา OR มีแนวนโยบายในการสนับสนุนกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ท รวมทั้งสนับสนุนกิจกรรมดีๆ ให้นักแข่งไทยได้มีโอกาสพัฒนาฝีมือ และได้แข่งขันในสนามเดียวกับนักแข่งระดับโลกอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ นักแข่งในรายการจะได้ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงสูตรที่ดีที่สุดจาก PTT Station ที่จะช่วยให้เครื่องยนต์เร่งแรงได้เต็มกาลัง มั่นใจได้เลยว่าเครื่องยนต์จะเต็มประสิทธิภาพ และได้มาตรฐานเดียวกัน เป็นส่วนสำคัญในการผลักดันขีดความสามารถของนักแข่งไทย และสมรรถนะของรถที่ใช้แข่งขัน รวมถึงช่วยพัฒนาวงการมอเตอร์สปอร์ทไทยให้ก้าวสู่ชัยชนะระดับประเทศ และระดับโลกต่อไป
ตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิท กล่าวว่า ปีนี้ถือเป็นการครบรอบ 10 ปี ของการจัดการแข่งขัน ตลอดระยะเวลามีความพยายามที่จะยกระดับรายการชิงแชมพ์ประเทศไทยนี้ ให้มีมาตรฐานทัดเทียมกับรายการแข่งขันระดับโลก บนสนามแข่งขันระดับโลก ด้วยนักแข่ง-ทีมงานทั้งไทย และต่างชาติกว่า 1,500 คน ทีมแข่งกว่า 130 ทีม ผู้ชนะเลิศจะได้รับสิทธิไวลด์คาร์ดเข้าแข่งขันในศึกสองล้อรายการใหญ่แห่งทวีป "Asia Road Racing Championship 2025"
เรื่องกติกาการแข่งขัน มีการพัฒนาปรับเปลี่ยนในทุกปี เพื่อให้กฎ กติกา ง่ายกับนักแข่ง ในการต่อยอดสู่การแข่งขันในระดับเอเชียมากขึ้น มีรุ่นการแข่งขันที่หลากหลาย ถึง 15 รุ่น รองรับตั้งแต่มือสมัครเล่นที่อยากลงแข่ง ไปจนถึงรุ่น Pro ให้สมกับแนวคิดที่ว่า Anyone can be a Hero
ทั้งนี้ ศึก Plan B Media BRIC Superbike แข่งขัน 4 สนาม ในฤดูกาล 2024 ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิท จ.บุรีรัมย์ สนามที่ 1 วันที่ 5-7 เมษายน, สนามที่ 2 วันที่ 31 พฤษภาคม-2 มิถุนายน 2567, สนามที่ 3 วันที่ 5-7 กรกฎาคม 2567 และสนามที่ 4 วันที่ 5-8 กันยายน 2567 แข่งขันทั้งสิ้น 5 คลาสส์ นำโดยคลาสส์สูงสุดของประเทศไทย ได้แก่ Super Bike 1000cc., Super Stock 1000cc., Super Sport 600cc., Super Sport 400cc. และ Sport Production 400cc. และแยกนักแข่งรุ่น Pro ใน 3 คลาสส์หลักออกมา เพื่อความดุเดือดยิ่งขึ้น ได้แก่ Super Bike 1000cc. (SB1 Pro), Super Sport 600cc. (SS1 Pro), Super Sport 400cc. (SS1 Pro)