Motorcycle
Triumph เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ 3 เซกเมนท์
Triumph Motorcycles ขนกองทัพรถจักรยานยนต์จัดเต็มสุดคึกคักบุกงาน “มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45” ด้วยการเปิดตัวรถจักรยานยนต์ 5 รุ่นใหม่ ใน 3 เซกเมนท์ สำหรับปี 2024 เริ่มต้นที่เซกเมนตท์ Rocket ได้แก่ Rocket 3 Storm R และ Rocket 3 Storm GT รถจักรยานยนต์ที่มีเครื่องยนต์ใหญ่ที่สุดในสายการผลิตเจเนอเรชันใหม่ มาพร้อมสมรรถนะที่มากขึ้น การบังคับควบคุมที่ดียิ่งขึ้น และโทนสีที่เข้มและชวนให้จับจ้อง ต่อด้วยเซกเมนท์ Adventure ได้แก่ Tiger 900 GT Pro และ Tiger 900 Rally Pro รถจักรยานยนต์แอดเวนเจอร์ขนาด 900 ซีซี ที่พร้อมส่งมอบสมรรถนะ ขีดความสามารถ ความสะดวกสบายตลอดทั้งวัน ตลอดจนมุมมองในการขับขี่ที่มากขึ้น ปิดท้ายด้วยเซกเมนท์ Sport ได้แก่ Daytona 660 รถจักรยานยนต์สปอร์ทขุมพลังเครื่องยนต์ 3 สูบใหม่ล่าสุดขนาด 660 ซีซี มอบสมรรถนะสไตล์สปอร์ทอันน่าตื่นเต้น การขับขี่แบบไดนามิค ตลอดจนประสิทธิภาพ ขีดความสามารถ และสเปคสูงสุดในกลุ่มรถจักรยานยนต์ระดับเดียวกัน ซึ่งทั้งหมดขนมาให้ยลโฉมอย่างใกล้ชิดพร้อมเปิดรับจอง รวมถึงพบโปรโมชันสุดพิเศษเฉพาะภายในงาน อาทิ รับข้อเสนอทางการเงินสูงสุด 200,000 บาท ให้เป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ Triumph รุ่นที่ชอบได้ง่ายขึ้น ตลอดจนเพลิดเพลินไปกับส่วนลดคอลเลคชันเสื้อผ้าสูงสุด 50 % พบกันได้ที่งาน “บางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45” ณ บูธ Triumph M1 อาคารชาลเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 อิมแพคท์ เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม-7 เมษายน 2567
ชินศักดิ์ กิตติอมรกุล ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการเชิงพาณิชย์ บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า สำหรับงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ครั้งนี้ Triumph เดินหน้าการเป็นแบรนด์พรีเมียมบิกไบค์ชั้นนำสัญชาติอังกฤษ ที่ไม่หยุดนิ่งในการรังสรรค์รถจักรยานยนต์หลายประเภทและบริการครอบคลุม เพื่อส่งมอบประสบการณ์ในการขับขี่ที่เหนือระดับ และความสมบูรณ์แบบให้ผู้ขับขี่ทุกคน ล่าสุดเปิดตัวรถจักรยานยนต์ 5 รุ่นใหม่สำหรับปี 2024 ใน 3 เซกเมนท์ เริ่มต้นด้วยเซกเมนท์ Rocket ที่ประกอบไปด้วย Rocket 3 Storm R และ Rocket 3 Storm GT สุดยอดรถโรสเตอร์เจเนอเรชันใหม่ ที่มาพร้อมสไตล์โฉบเฉี่ยวสะดุดตาที่จะมอบประสบการณ์ในการขับขี่อันน่าตื่นตาตื่นใจ ด้วยเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ที่สุดในสายพานการผลิตด้วยขนาดความจุเครื่องยนต์ 2,458 ซี ซี มอบกำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นถึง 15 แรงม้า ทำให้พละกำลังสูงสุดอยู่ที่ 182 แรงม้า ที่ 7,000 รตน. ในขณะที่แรงบิดเพิ่มขึ้นอีก 4 นิวตันเมตร สู่จุดสูงสุดใหม่ที่ 225 นิวตันเมตร ที่รอบต่ำ 4,000 รตน. ด้านรูปลักษณ์ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมถังน้ำมันขนาดใหญ่ 18 ลิตร ล้อหลังขนาด 16 นิ้ว และล้อหน้า 17 นิ้ว ที่ได้รับการปรับปรุง ด้วยการออกแบบล้ออลูมิเนียมหล่อแบบ 10 ก้าน ให้ความรู้สึกสปอร์ทยิ่งขึ้น และมีความคล่องตัว อีกทั้งยังมีเฟรมอลูมิเนียมที่แข็ง แกร่ง และน้ำหนักเบา ด้านคุณลักษณะเฉพาะระดับพรีเมียมด้วยชอคอับหน้าคู่หัวกลับจาก Showa ขนาดใหญ่ 47 มม. สามารถปรับได้ทั้ง Rebound และ Compression ช่วยส่งมอบประสิทธิภาพในการควบคุมอย่างน่าประทับใจ ด้านชอคอับหลังเดี่ยว RSU ของ Showa พร้อมซับแทงค์ที่สามารถปรับตั้งค่าได้เต็มระบบ รวมทั้งพลังในการหยุดรถที่เหนือชั้นเทคโนโลยีเพื่อผู้ขับขี่ อาทิ คาลิเพอร์เบรคหน้าแบบเรเดียล Brembo Stylema สเปคสูงสุด พร้อมจานเบรกคู่ขนาด 320 มม. ส่วนคาลิเพอร์เบรคหลังโมโนบลอคเรเดียล 4 ลูกสูบ Brembo M4.32 และจานเบรคหลัง 300 มม. ขณะเดียวกันยังมีระบบ Optimised Cornering ABS และ Optimised Cornering Traction Control รวมถึงระบบ Cruise Control มีโหมดการขับขี่ 4 โหมด ได้แก่ Road, Rain, Sport และ Rider-Configurable
นอกจากนี้ 2 รุ่นมีหน้าจอแผงหน้าปัด TFT แบบ Full Colour พร้อมจอยสติค 5 ทิศทางแบบเรืองแสง มีช่องชาร์จไฟ USB มีระบบสตาร์ทแบบไร้กุญแจ และลอคพวงมาลัยเป็นมาตรฐาน รวมถึงอุปกรณ์เสริมที่สามารถติดตั้งเพิ่มเพื่อเชื่อมต่อกับรถจักรยานยนต์ในการนำทางแบบ Turn-by-Turn การใช้งานควบคุมโทรศัพท์ และการฟังเพลง ตลอดจนมีอุปกรณ์เสริมของแท้มากกว่า 50 รายการให้เลือก เพื่อสร้างรถจักรยานยนต์ในสไตล์ของผู้ขับขี่
โดยรถจักรยานยนต์ Triumph Rocket 3 Strom ทั้ง 2 รุ่น ยังมาพร้อมสีดำเคลือบอโนไดซ์คุณภาพสูงรอบคัน และคุณภาพของรายละเอียดในระดับที่ไร้ที่ติ โดยแต่ละรุ่นมีตัวเลือกสีทูโทนที่แตกต่างกัน 3 รูปแบบ โดยรุ่น Rocket 3 Storm R ราคา 1,049,000 บาท มีสี Carnival Red/Sapphire Black สี Satin Pacific Blue/Matt Sapphire Black และสี Sapphire Black/Granite ในขณะที่รุ่น Rocket 3 Storm GT ราคา 1,079,000 บาท มีจำหน่ายในสีเดียวกัน โดยแตกต่างกันด้วยการสลับด้านของสี พร้อมรับประกันคุณภาพ Triumph Warranty 2 ปีแบบไม่จำกัดระยะทาง รวมถึงความคุ้มค่าของช่วงเวลาการเข้ารับบริการเชคระยะที่สูงถึง 16,000 กม. ตลอดจนฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชม. (Triumph Roadside Assistance) เป็นระยะเวลา 2 ปี
ชินศักดิ์ กล่าวเสริมว่า พร้อมกันนี้ยังเปิดตัวรถจักรยานยนต์เซกเมนท์ Adventure รุ่นล่าสุดปี 2024 ได้แก่ Tiger 900 GT Pro และ Tiger 900 Rally Pro ที่ได้อัพเกรดเครื่องยนต์ 3 สูบใหม่ขนาด 900 ซีซี อย่างมีนัยสำคัญ ให้พละกำลังเพิ่มขึ้นจากเดิม 13 % โดยให้พละกำลังสูงสุด 108 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่สูงขึ้น 90 นิวตันเมตร ในขณะที่เครื่องยนต์ใหม่ ยังให้ความสามารถในการยึดเกาะถนนที่ดีขึ้นในช่วงรอบเครื่องที่ต่ำลงด้วยเพลาข้อเหวี่ยงแบบ T-Plane ที่สมดุลกับช่วงจุดระเบิด ด้านตัวรถทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมโครงแบบแยกส่วนที่มีน้ำหนักเบา ชิลด์หน้าปรับได้ เบาะนั่งปรับสูงต่ำได้ 20 มม. และถังน้ำมันขนาด 20 ลิตร ระบบไฟ LED ทั้งหมด รวมถึงไฟหน้า DRL อันเป็นเอกลักษณ์ ไฟท้ายขนาดกะทัดรัด สวิทช์คิวบ์แบบเรืองแสง มือจับและเบาะนั่งแบบปรับอุณหภูมิความร้อนได้ มีระบบการเชื่อมต่อ My Triumph เป็นอุปกรณ์มาตรฐานทำให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงการฟังเพลง การคุยโทรศัพท์ และระบบนำทางแบบ Turn by Turn ผ่านจอแสดงผล TFT ขนาด 7 นิ้ว ที่ใช้งานง่าย และอ่านง่าย ทั้งนี้รุ่น Tiger 900 GT Pro ที่เน้นการใช้งานบนถนน มีล้ออัลลอยหล่อน้ำหนักเบาขนาด 19 นิ้วที่ด้านหน้า และ 17 นิ้วที่ด้านหลัง เพื่อความสมดุลที่สมบูรณ์แบบระหว่างการควบคุมบนถนน และความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรด ในขณะที่ Tiger 900 Rally Pro ใช้ล้อซี่ลวดแบบไม่มียางในที่มีล้อหน้าขนาด 21 นิ้ว
ในขณะที่คุณสมบัติด้านความปลอดภัยแบบแอคทีฟใหม่ทั้งหมดเพื่อสมรรถนะสูงสุดบนถนน และทางออฟโรด อาทิ เบรค Brembo Stylema Monobloc ซึ่งรุ่น Tiger 900 GT Pro มาพร้อมชอคอับหัวกลับ Marzocchi ขนาด 45 มม. ที่ปรับได้อย่างเต็มที่ พร้อมชอคอับหลังที่ปรับ Preload และ Rebound ได้ด้วยระบบอีเลคทรอนิคส์ โดยระยะยุบตัวของล้อหน้าอยู่ที่ 180 มม. ส่วนระยะยุบตัวของล้อหลังอยู่ที่ 170 มม. ส่วนรุ่น Tiger 900 Rally Pro มาพร้อมชอคอับหัวกลับ Showa ขนาด 45 มม. ที่ปรับได้อย่างเต็มที่ทั้ง Preload, Rebound และ Compression โดยชอคอับหลังสามารถปรับ Preload และ Rebound ได้ ระยะยุบตัวของล้อหน้าอยู่ที่ 240 มม. ส่วนระยะยุบตัวของล้อหลังอยู่ที่ 230 มม. อีกทั้ง 2 รุ่นยังมีเทคโนโลยีเพื่อผู้ขับขี่ อาทิ ระบบ Optimised cornering ABS และ Traction Control ที่มาพร้อมระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง (TPMS) ระบบตรวจจับแรงเฉื่อย IMU (Inertial Measurement Unit) และระบบช่วยเปลี่ยนเกียร์ของ Triumph Triumph Shift Assist เป็นมาตรฐาน โดยรุ่น Tiger 900 GT Pro มีโหมดขับขี่ทั้งหมด 5 โหมดได้แก่ Road, Rain, Sport และ Off-Road รวมถึง Rider Configurable ด้านรุ่น Tiger 900 Rally Pro มีโหมดขับขี่ 6 โหมด โดยมีโหมด Off-Road Pro เพิ่มเติมเข้ามา
พร้อมกันนี้ Tiger 900 GT Pro และ Tiger 900 Rally Pro ยังมีสไตล์ Tiger ที่ดุดัน และท่วงท่าเน้นการผจญภัยที่โดดเด่นได้รับการปรับปรุงใหม่ ตัวถังใหม่มีการออกแบบที่ให้ความรู้สึกเพลินตาเมื่อจ้องมองมากขึ้น ไล่ตั้งแต่จะ งอยปากด้านหน้า ผ่านคอคพิทเข้าสู่แผงด้านข้าง ตลอดจนมีอุปกรณ์เสริมมากกว่า 50 รายการ ซึ่งมีท่อเก็บเสียงใหม่ของ Akrapovic อยู่ในรายการ ซึ่งผู้ขับขี่ยังสามารถเลือกชุดอุปกรณ์เสริมที่สามารถปรับแต่งรถจักรยานยนต์ได้ตามสไตล์ที่ต้องการได้ทั้งหมด 4 แบบ ประกอบด้วย ชุด Performance, Protection, Trekker และ Expedi tion
ทั้งนี้ Tiger 900 ทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมความคุ้มค่าด้วยการรับประกันคุณภาพ Triumph Warranty 2 ปีแบบไม่จำกัดระยะทาง รวมถึงความคุ้มค่าของช่วงเวลาการเข้ารับบริการเชคระยะที่สูงถึง 10,000 กม. หรือ 12 เดือน ตลอดจนฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชม. (Triumph Roadside Assistance) เป็นระยะเวลา 2 ปี โดย Tiger 900 GT Pro ราคา 639,000 บาท มีจำหน่ายในสี Snowdonia White เป็นสีมาตรฐาน โดยมีตัวเลือกสีระดับพรีเมียมให้เลือก 2 สี ได้แก่ Graphite/Sapphire Black และ Carnival Red/Sapphire Black ด้านรุ่น Tiger 900 Rally Pro ราคา 659,000 บาท มีจำหน่ายในสี Carbon Black/Sapphire Black พร้อมตัวเลือกสี Ash Grey/Intense Orange สุดโดดเด่น หรือจะเป็นสี Matt Khaki Green/Matt Phantom Black
ขณะเดียวกันยังพบคันจริงของ Daytona 660 รถจักรยานยนต์สปอร์ทขนาดกลางที่ถือกำเนิดใหม่อีกครั้งเพื่อผู้ขับขี่รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ 3 สูบใหม่ล่าสุดขนาด 660 ซีซี ให้พละกำลังสูงสุด 95 แรงม้า ที่ 11,250 รตน. แรงบิดสูงสุด 69 นิวตันเมตร ที่ 8,250 รตน. พร้อมชุดเกียร์ 6 จังหวะ เสริมด้วยท่อไอเสียใหม่ ซึ่งมีส่วนหัวแบบ 3 ออก 1 และท่อเก็บเสียงด้านล่างขนาดกะทัดรัด พร้อมส่วนปิดท้ายจากสเตนเลสส์สตีล ทำให้ส่งมอบเสียงสไตล์สปอร์ทอันทรงพลัง ด้านอุปกรณ์สเปคระดับสูงอัดแน่น มาพร้อมชอคอับหัวกลับลูกสูบขนาดใหญ่ของ Showa ขนาด 41 มม. และชอคอับหลัง RSU แบบโมโนชอคของ Showa รองรับการปรับตั้งค่าพรีโหลด เบรคเรเดียล 4 ลูกสูบพร้อมดิสค์เบรคคู่ขนาด 310 มม. พร้อมสายเบรคแบบถัก จับคู่กับยาง Michelin Power 6 ใหม่ล่าสุดที่ติดตั้งเป็นยางมาตรฐาน เพื่อให้มั่นใจในการขับขี่ทั้งบนถนนเปียก และแห้ง อีกทั้งเทคโนโลยีที่ยกระ ดับประสบการณ์การขับขี่ และความปลอดภัย ด้วยคันเร่งไฟฟ้าที่ให้การตอบสนองของคันเร่งที่คมชัด และแม่นยำ อีกทั้งยังมีโหมดการขี่ 3 โหมด ได้แก่ Sport, Road และ Rain ซึ่งปรับการตอบสนองของปีกผีเสื้อ ไปจนถึงการตั้งค่าระบบควบคุมการยึดเกาะถนนให้เหมาะสมกับสภาวะต่างๆ
ส่วนแผงหน้าปัดอเนกประสงค์หน้าจอ TFT ได้รับการออกแบบที่ไม่บดบังข้อมูลผู้ขับขี่ โดยผู้ขับขี่สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริมผ่านระบบ My Triumph ที่มีทั้งการนำทางแบบ Turn-by-Turn การเชื่อมต่อการโทรศัพท์ และฟังเพลง โดยฟังค์ชันทั้งหมดจะแสดงอย่างชัดเจนบนหน้าจอ TFT และควบคุมผ่านสวิทช์เกียร์ เพื่อความสะ ดวกในการใช้งานขณะขับขี่ ในขณะที่ DNA ของการออกแบบ และรูปลักษณ์สืบทอดจากต้นฉบับ ได้รับการปรับโฉมใหม่ด้วยมุมมองที่สดใหม่ เพื่อท่วงท่าใหม่ที่ดุดัน และเส้นสายที่สะอาดตามากขึ้น ไฟหน้า LED คู่ ผสานกับช่องรับอากาศส่วนกลาง และตัวถังแบบมีนีมอลเน้นรูปลักษณ์ที่ดูสปอร์ท ปิดท้ายด้วยไฟท้าย LED แบบโค้งมน ซึ่งทั้งหมดจะมีกราฟิค "660" สุดโดดเด่นที่ได้แรงบันดาลใจจากรถแข่งมองเห็นได้ชัดเจน
นอกจากนี้ Daytona 660 ยังมาพร้อมอุปกรณ์เสริมของแท้จาก Triumph มากกว่า 30 รายการ รวมถึงสามารถเพิ่มระบบ Triumph Shift Assist ได้อีกด้วย เพื่อปรับแต่งสมรรถนะ ความสะดวกสบาย สไตล์ และการใช้งานจริงให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ผู้ขับขี่มากยิ่งขึ้น รวมทั้งยังมาพร้อมความคุ้มค่าในการเป็นเจ้าของด้วยการรับประกันคุณภาพ Triumph Warranty 2 ปี แบบไม่จำกัดระยะทาง รวมถึงความคุ้มค่าของช่วงเวลาการเข้ารับบริการเชคระยะที่สูงถึง 16,000 กม. ตลอดจนฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชม. (Triumph Roadside Assistance) เป็นระยะเวลา 2 ปี
ทั้งนี้ Daytona 660 พร้อมให้ทุกคนจับจองเป็นเจ้าของในราคา 327,300 บาท มาพร้อม 3 สีสันให้เลือก ได้แก่ สี Satin Granite/Satin Jet Black, สี Carnival Red/Sapphire Black และสี Snowdonia White/Sapphire Black พร้อมกันนี้ยังพบข้อเสนอสุดพิเศษ เมื่อออกรถ Daytona 660 พร้อมชุดแต่งแท้จาก Triumph ที่มีให้เลือก 3 แบบ 3 สไตล์ ได้แก่ ชุดแต่ง All-New Daytona 660 Pro+ ออกรถพร้อมติดตั้ง Triumph Shift Assist Kit ในราคาพิเศษเพียง 340,800 บาท ต่อด้วยชุดแต่ง All-New Daytona 660 Touring+ ที่จะได้รับ Sports Tank Bag, Tail Pack, Tank Pad, Triumph Shift Assist Kit, Comfort Seat หรือ Low Seat ในราคาพิเศษเพียง 364,800 บาท และชุดแต่ง All-New Daytona 660 Sport+ ที่จะได้รับ Seat Cowl, Frame Protection, Tank Pad, Engine Cover Protection, Triumph Shift Assist, Scrolling LEDIndicators (Front & Rear) ทั้งหมดนี้ในราคาพิเศษเพียง 364,800 บาท
อย่างไรก็ตาม ภายในบูธ Triumph ยังมีอีกหลายไฮไลท์ อาทิ ครั้งแรกในไทย ! ของการโชว์ตัวรถจักรยานยนต์คัสตอม Speed 400 และ Scrambler 400 X ฝีมือของสำนักแต่งชั้นนำ K-Speed และ Zeus Custom ที่จะมาเสริมสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ที่มีความสนใจ และชื่นชอบในการคัสตอมรถจักรยานยนต์มากยิ่งขึ้น ไม่พอ ! พบโปรโมชันสุดพิเศษมากมาย อาทิ ข้อเสนอทางการเงินสูงสุด 200,000 บาท อีกทั้งพบส่วนลดเสื้อผ้าสูงสุดถึง 50 % เฉพาะภายในงานเท่านั้น พบกันได้ที่งาน “บางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45” ณ บูธ Triumph M1 อาคารชาลเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 อิมแพคท์ เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม-7 เมษายน 2567