ธุรกิจ
ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์
MG เผย MG4 Electric โตขึ้น 45 % พร้อมเดินหน้าส่งมอบให้แก่คนไทย
บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิต และผู้จำหน่ายรถยนต์ MG ในประเทศไทย เผยยอดขายในไตรมาสแรกของปี โดย New MG4 Electric ขึ้นแท่นรถอีวียอดนิยมในประเทศไทยคิดเป็นอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 45 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยมียอดขายสะสมทั่วโลก ณ ปัจจุบันมากกว่า 180,000 คัน ตอกย้ำการเป็นรถแฮทช์แบคอีวีรุ่นยอดนิยมทั่วโลก โดย MG ได้นำรถรุ่นนี้เข้ามาผลิตในประเทศไทย ทำให้ผู้บริโภคสามารถเป็นเจ้าของยนตรกรรมคุณภาพในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย
พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า MG เป็นแบรนด์รถยนต์ที่บุกเบิกตลาดอีวีในประเทศไทยให้ได้รับความนิยม โดย ณ ปัจจุบัน เราถือเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีความหลากหลาย และครอบคลุมมากที่สุด ทั้งในรูปแบบของเอสยูวีอีวี รถสเตชันแวกอนอีวี รถแฮทช์แบคอีวี รถ e-MPV และรถโรดสเตอร์อีวี ซึ่งสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ และรองรับการใช้งานที่แตกต่าง โดยเฉพาะรุ่น New MG4 Electric ที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลกอย่างรวดเร็ว การันตีด้วยตัวเลขยอดขายสะสมรวมทั่วโลกกว่า 180,000 คัน ภายในระยะเวลาเพียง 1 ปี 10 เดือน ทั้งยังสร้างความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญให้แก่แบรนด์ MG ในตลาดอีวีประเทศไทย โดยมียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 45 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา และในส่วนของยอดรวมทุกรุ่นของรถไฟฟ้า MG สามารถสร้างสถิติครองส่วนแบ่งการตลาด (Market Share) ในไตรมาสแรกด้วยสัดส่วน 14.7 % โดยมียอดรวมทุกรุ่นกว่า 2,661 คัน
New MG4 Electric เป็นรถแฮทช์แบคไฟฟ้าของ MG โดยเป็นโกลบอลอีวีรุ่นแรกที่พัฒนาขึ้นบน Nebula Pure Electric Platform ที่ดีไซจ์นมาเพื่อรถอีวีโดยเฉพาะ มาพร้อมหลากหลายจุดเด่นที่บ่งบอกเอกลักษณ์เฉพาะตัวของการเป็น “อีวีสายพันธุ์แท้” ที่ขับสนุกเร้าใจ ไม่ว่าจะเป็น การกระจายน้ำหนักแบบสมมาตร 50:50 ตัวถังมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ (Low Centre of Gravity) ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังอิสระแบบ 5-Link Suspension ทำให้รถรุ่นนี้มีสมรรถนะ และการควบคุมที่ดีเยี่ยม เพียบพร้อมด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐาน Advanced Synchronized Protection System มากถึง 26 ระบบ ถือเป็นโมเดลที่มีความครบครันทั้งสมรรถนะ ดีไซจ์น เทคโนโลยี ความปลอดภัย ที่มาพร้อมกับความคุ้มค่า ด้วยราคาจัดจำหน่ายเริ่มต้นที่ 709,900 บาท ในรุ่น Standard Range ที่สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 423 กม. ตามมาตรฐาน NEDC และราคา 889,900 บาท ในรุ่น Long Range ที่สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 540 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC ซึ่งทำให้ผู้บริโภคสามารถเป็นเจ้าของ และเข้าถึงยนตรกรรมคุณภาพได้ง่ายขึ้น รวมถึงรุ่นสมรรถนะสูงอย่าง XPower ที่มาพร้อมมอเตอร์คู่สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 200 กม./ชม. และวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 480 กม. ตามมาตรฐาน NEDC ในราคาจำหน่ายที่ 1,119,900 บาท
Michelin นำเสนอยาง 3 กลุ่ม สำหรับรถพลังงานไฟฟ้า
Michelin เสนอผลิตภัณฑ์ยาง 3 กลุ่มประเภท ได้แก่ ยางฤดูร้อน, ยางฤดูหนาว และยางทุกฤดูกาล ที่พัฒนาขึ้นสำหรับ Porsche Macan รถสปอร์ทพลังงานไฟฟ้า 100 % โดยเฉพาะ ทั้งนี้ Michelin เป็นผู้ผลิตยางรถยนต์เพียงรายเดียวซึ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ยางที่ผลิตขึ้นเป็นพิเศษพร้อมทางเลือกหลากหลายให้แก่ Porsche แบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมัน
Michelin และ Porsche ทำงานร่วมกันมาเป็นเวลากว่าครึ่งศตวรรษเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมให้ก้าวรุดหน้า สำหรับ Porsche Macan รถสปอร์ทอเนกประสงค์พลังงานไฟฟ้า 100 % ซึ่งเปิดตัวเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ถือเป็นหนึ่งในโครงการความร่วมมือระหว่าง Michelin และ Porsche ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มพัฒนารถยนต์รุ่นแรกในตระกูล Macan ซึ่งเผยโฉมเมื่อปี 2557 ทั้งนี้ การนำเสนอผลิตภัณฑ์ยาง 3 กลุ่มประเภทสำหรับรถ Macan รุ่นล่าสุด เป็นการตอกย้ำจุดยืนของ Michelin ในฐานะผู้บุกเบิก และพันธมิตรผู้ผลิตยางมาตรฐานติดรถที่เชื่อถือได้
ยางรถยนต์ที่ผลิตขึ้นเป็นพิเศษสำหรับรถสปอร์ทไฟฟ้า Porsche Macan
การเกิดขึ้นของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยางรถยนต์ เพื่อตอบสนองลักษณะเฉพาะด้านดีไซจ์นของรถสปอร์ทไฟฟ้า Porsche Macan โดย Michelin ได้นำความรู้เชิงลึก และความชำนาญที่มีเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้ามาใช้อย่างเต็มที่ ความสำเร็จที่ได้มาเป็นผลจากการค้นคว้าวิจัยนานหลายปี และการเรียนรู้ทางเทคโนโลยีซึ่ง Michelin สั่งสมมาจากประสบการณ์การมีส่วนร่วมในการแข่งรถระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าประเภทที่นั่งเดี่ยวชิงแชมพ์โลก World Formula E Championship มากกว่า 8 ฤดูกาล ซึ่งในการแข่งขันรายการนี้ Porsche ได้เข้าร่วมลงสนามมาตั้งแต่ปี 2562
ยางสำหรับรถสปอร์ทพลังงานไฟฟ้าต้องไม่เพียงให้สมรรถนะเช่นเดียวกับยางสำหรับรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สันดาป แต่ยังต้องตอบสนองความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ และเสียงที่เกิดจากยางล้อสัมผัสผิวถนน ยิ่งกว่านั้น น้ำหนักแบทเตอรียังทำให้รถมีมวลรวมเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้ต้องการยางที่มีศักยภาพสูงขึ้น และกระทบต่อระยะทางที่วิ่งได้ (Mileage) นอกจากนี้ เนื่องจากเครื่องยนต์พลังงานไฟฟ้าให้แรงบิดเต็มพิกัดที่ความเร็วเป็นศูนย์ ความสามารถในการขับขี่จึงเป็นอีกปัจจัยสำคัญ และเป็นความท้าทายทางเทคนิค นอกจากจะคำนึงถึงปัจจัยแวดล้อมที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในขั้นตอนการพัฒนายางทั้ง 3 กลุ่มประเภทสำหรับรถสปอร์ทไฟฟ้า Porsche Macan ซึ่ง Michelin ยังเคารพต่อคุณสมบัติอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Porsche ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่ง
Michelin Pilot Sport EV NE0: ยางฤดูร้อนที่ได้รับการออกแบบขึ้นเป็นพิเศษสำหรับรถขับเคลื่อน 4 ล้อ โครงสร้างภายใน และเนื้อยางทำให้ยางมีความสามารถในการขับขี่เป็นเยี่ยม และทนทานต่อพลังงานสูง ยางรุ่นนี้ซึ่งมีสัญลักษณ์เฉพาะ NE0 ระบุไว้บนแก้มยางเพื่อแสดงว่าออกแบบขึ้นเป็นพิเศษสำหรับรถ Porsche พัฒนาขึ้นจากความเชี่ยวชาญของ Michelin ในด้านแรงต้านทานการหมุนของล้อ (ช่วยให้ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ) และด้านสมรรถนะการยึดเกาะบนถนนเปียก และถนนแห้ง โดยให้ประสิทธิภาพ และสมรรถนะทั้ง 2 ด้านดังกล่าวสูงสุด...ไม่ว่าระยะทางวิ่งจะอยู่ที่เท่าไร ทั้งยังให้ความสำคัญเป็นพิเศษในเรื่องเสียงที่เกิดจากยางล้อสัมผัสผิวถนน ซึ่งเป็นเรื่องที่ควบคุมได้ยากสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า
Michelin Pilot Alpin 5 SUV NE0: ยางฤดูหนาวที่ได้รับการออกแบบเพื่อให้ความปลอดภัยระดับสูง และสมรรถนะขั้นสูงสุดเมื่อใช้งานบนถนนที่เต็มไปด้วยหิมะซึ่งทั้งเปียก และเย็น บลอคดอกยางที่มีร่องบากขนาดเล็กบนหน้ายางได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ประสิทธิภาพการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น และระยะการหยุดรถที่ควบคุมได้เมื่อใช้งานบนสภาพถนนลื่น นอกจากนั้น ยางสำหรับรถเอสยูวีรุ่นนี้ยังให้ความแข็งแกร่งด้วยแก้มยางแบบเสริมแรง ทั้งยังมาพร้อมตราสัญลักษณ์ “เกล็ดหิมะ และภูเขาสามยอด” (3PMSF) ที่แสดงว่าผ่านการรับรองมาตรฐานยางสำหรับใช้งานในฤดูหนาว
Michelin Pilot Sport A/S 4 NE0: ยางทุกฤดูกาลซึ่งพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับรถสปอร์ท และรถยนต์ระดับไฮเอนด์รุ่นนี้ ให้สมรรถนะที่ผสานคุณสมบัติของยางฤดูร้อน และยางฤดูหนาวเอาไว้อย่างดีที่สุด โดยนอกจากจะใช้งานได้ดีในสภาพอากาศร้อนแล้ว ยังคงให้ประสิทธิภาพที่ดีแม้เมื่ออุณหภูมิจะต่ำกว่า 7 องศาเซลเซียส หรือ 44.6 องศาฟาเรนไฮท์ ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องยุ่งยากเปลี่ยนมาใช้ยางฤดูหนาวเมื่อเข้าเดือนพฤศจิกายน และเปลี่ยนกลับไปใช้ยางเส้นเดิมอีกครั้งในช่วงปลายเดือนมีนาคม นอกจากนั้น ยางรุ่นนี้ยังมีความยืดหยุ่นในการใช้งาน จึงเหมาะสำหรับผู้ขับขี่ที่มองหายางฤดูหนาวเพื่อใช้งานในสภาพอากาศสุดขั้ว ขณะเดียวกันก็ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในช่วงกลางฤดูกาล
ยางทั้ง 3 รุ่นได้รับการออกแบบมาเพื่อรถสปอร์ทไฟฟ้า Porsche Macan โดยมีศักยภาพการใช้งานที่ครอบคลุมสำหรับผู้ขับขี่ พื้นผิวถนน และสภาพอากาศทุกรูปแบบ ทั้งยังให้การบังคับควบคุมรถแบบสปอร์ทที่แม่นยำอันเป็นลักษณะเฉพาะของรถยนต์ในตระกูล Macan ซึ่งที่ผ่านมาพบได้ในรถยนต์ประเภทเครื่องยนต์สันดาป แต่ปัจจุบันลักษณะเฉพาะดังกล่าวมีในรถพลังงานไฟฟ้า 100 % รุ่นล่าสุดแล้ว
Mazda จัดกิจกรรม AJGA Thailand Junior Championship 2024
เริ่มแล้ววันนี้สำหรับการแข่งขันกอล์ฟเยาวชนระดับโลก Mazda AJGA Thailand Junior Championship 2024 ที่ถูกจัดขึ้นเพื่อเปิดโอกาส และจุดประกายความฝันให้แก่นักกอล์ฟทั้งเยาวชนชาย และเยาวชนหญิงได้เข้าร่วมแข่งขันกอล์ฟระดับนานาชาติ และที่สำคัญ ผู้ที่ชนะเลิศการแข่งขันในครั้งนี้จะคว้าสิทธิ์ เข้าร่วมการแข่งขันกอล์ฟทัวร์นาเมนท์ใหญ่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาทันที โดยเยาวชนที่ได้รับโอกาสเดินทางไปเล่นกอล์ฟที่สหรัฐอเมริกานั้นจะมีโคชจากโรงเรียนชื่อดัง หรือมหาวิทยาลัยชั้นนำมาสังเกตุการณ์ และอาจได้รับการเสนอทุนการศึกษาเพื่อเข้าศึกษาต่อ และเป็นตัวแทนนักกีฬารวมถึงโอกาสในการร่วมการแข่งขัน เพื่อปูทางก้าวสู่เส้นทางการเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพในอนาคตต่อไป
การแข่งขันกอล์ฟ Mazda AJGA Thailand Junior Championship 2024 นับเป็นการจัดขึ้นครั้งแรกในประเทศ ไทย โดยมีเยาวชนจากทั่วทวีปเอเชียเดินทางเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ จำนวน 132 คน รวมทั้งเยาวชนจากประเทศไทย และเยาวชนไทยที่ Mazda ได้คัดเลือกเข้าร่วมอีก 12 คน คือ ประเภทชาย 6 คน และประเภทหญิง 6 คน การแข่งขันในครั้งนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-5 พฤษภาคม 2567 ณ สนามกอล์ฟ Lotus Valley Golf Resort จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยการสนับสนุนการแข่งขันในครั้งนี้ ประกอบด้วย Mazda Rolex Adidas และ Taylor Maid
ธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า Mazda มีความเชื่อในคุณค่าของการ Uplift ประสบการณ์การใช้ชีวิตของลูกค้า มีจิตวิญญาณความเป็นนักสู้ ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค และกล้าที่จะลุกขึ้นสู้ เฉกเช่นเดียวกับการเป็นนักกีฬาที่ต้องมีความขยันอดทน หมั่นฝึกซ้อม มีความมานะ ต่อสู้กับตนเอง และสภาพแวดล้อม เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จในอนาคต ต่อยอดไปถึงการเล่นกอล์ฟระดับอาชีพ เช่นเดียวกับนักกอล์ฟชื่อดังหลายๆ คนที่ประสบความสำเร็จ อาทิ Tiger Woods, Phil Mickelson, Jordan Spieth, Nelly Korda หรือแม้กระทั่งพโรกอล์ฟหญิงขวัญใจชาวไทย อาทิ พโรแพตตี, พโรโม, พโรเมย์ ที่เคยผ่านโครงการนี้มาแล้วทั้งสิ้น
ทั้งนี้ Mazda ยังคงเดินหน้าในการส่งมอบ “ความสุขในการขับขี่" Joy of Driving ภายใต้คุณค่าหลักที่ให้ความสำคัญกับการมุ่งเน้น "มนุษย์เป็นศูนย์กลาง" และมุ่งมั่นที่จะส่งมอบ "ความสุขในการดำเนินชีวิต" ด้วยการสร้าง สรรค์ประสบการณ์ความสุขให้แก่ชีวิตประจำวันของลูกค้าทุกคน Mazda เชื่อว่าในทุกช่วงเวลาที่เราเดินไปพร้อมกัน ทุกลมหายใจจะพาคุณเติบโต และไปได้ไกลกว่า พร้อมออกเดินทางไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ได้ออกไปค้นพบโลกกว้างในอีกหลากหลายแง่มุม และส่งต่อสิ่งดีๆ ให้กันและกัน Mazda พร้อมจะก้าวไปกับคุณในทุกเส้นทาง เพื่อก้าวสู่วันพรุ่งนี้ และอนาคตที่สดใส ขับเคลื่อนชีวิตไปด้วยกันให้ไกลกว่าเดิม Feel The Drive
Suzuki เสริมความแข็งแกร่งงานบริการ และอะไหล่
บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิต และจำหน่ายรถยนต์ Suzuki ประกาศปรับเสริมศักยภาพโครงสร้างการบริหารงานภายในองค์กร โดยทำการแต่งตั้ง วัลลภ ตรีฤกษ์งาม โดยเพิ่มหน้าที่เป็นผู้ดูแลด้านการวางแผนบริหารงานฝ่ายบริการ และอะไหล่ บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งมีวัตถุประ สงค์เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ทีมผู้นำของบริษัทฯ และตอกย้ำการสนับสนุนการดำเนินงานด้านเครือข่ายผู้จำหน่ายที่มีมากกว่า 105 แห่งทั่วประเทศต่อไป
ปัจจุบัน วัลลภ ตรีฤกษ์งาม ยังคงดำรงตำแหน่ง รองประธานกรรมการบริหาร ซึ่งดูแลด้านกลยุทธ์ทางการตลาด และงานขายด้วยรูปแบบที่ทันสมัย เสริมสร้างความน่าเชื่อถือ และสร้างการยอมรับในคุณภาพของรถยนต์ Suzuki มาโดยตลอด ซึ่งในการเข้ามารับผิดชอบดูแลงานด้านการวางแผนบริหารงานฝ่ายบริการ และอะไหล่เพิ่มเติมอีกหนึ่งหน่วยงานในองค์กร ก็เพื่อเป็น การยกระดับ และเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านงานบริการหลังการขาย เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตขององค์กรอย่างต่อเนื่อง และสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า ภายใต้หลักปรัชญา “Suzuki Cause We Care…เหนือกว่าความใส่ใจ คือ ความเข้าใจในทุกความต้องการ”
ทั้งนี้ วัลลภ จะรายงานการปฏิบัติงานโดยตรงต่อ ทาดาโอะมิ ซูซูกิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งในการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ถือเป็นการดำเนินการเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งขององค์กร รวมถึงเพื่อส่งเสริมศักยภาพการเติบโตของธุรกิจ และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานหลังการขายให้สอดคล้องกับทิศทางการดำเนินธุรกิจรถยนต์ Suzuki ในอนาคต
Yamaha แนะนำ Exciter 155
CUB House by Honda เปิดตัว Honda Dax125 สีน้ำเงินใหม่ Pearl Glittering Blue มาพร้อมคอนเซพท์ ON Dax WAY ฉีกจัดในแบบ Dax สะท้อนความเท่ที่ไม่ซ้ำใครในเฉดสีน้ำเงินกลิทเตอร์สุด Iconic โดดเด่นสะดุดตา เสริมความพรีเมียมด้วย ST125 Soft Emblem สัญลักษณ์รูปน้องหมาดัชชุนที่เป็นเอกลักษณ์ และโลโก Honda สีแดงสุดคลาสสิค ฉีกสไตล์ไม่ซ้ำใคร พร้อมวางจำหน่ายแล้ววันนี้
Honda Dax125 คงความเป็นเอกลักษณ์รถมีนีไบค์ปี 1960 ด้วยรูปทรง T-Bone และเบาะตอนเดียวแบบ 2 ที่นั่ง สไตล์วินเทจ ควบคู่ไปกับไฟหน้าทรงกลมที่มาพร้อมเทคโนโลยีไฟแบบ Full LED รอบคัน พร้อมกับท่อไอเสียแบบยกสูงคงความคลาสสิคแบบคูล
Honda Dax125 บิดสนุกเร้าใจด้วยเครื่องยนต์ 125 ซีซี ระบบเกียร์วน 4 จังหวะ ให้การขับขี่ที่ง่าย และสนุก มั่นใจด้วยดิสค์เบรคหน้า-หลัง และระบบเบรคแบบ ABS ป้องกันการลอคของล้อหน้า ชอคอับด้านหน้าสีเงินแบบหัวกลับ และชอคอับด้านหลังแบบสปริงคู่ รองรับน้ำหนัก และซับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี พร้อมออกไปฉีกในทุกเส้นทาง
Honda Dax125 สีน้ำเงินใหม่ (Pearl Glittering Blue) วางจำหน่ายพร้อมกับสีเทา (Pearl Cadet Gray) ในราคาแนะนำที่ 84,900 บาท ที่ CUB House Flagship Store 15 สาขาทั่วประเทศ
Ford Ranger คว้า 5 รางวัล สนาม Thailand Super Series 2024
ทีมแข่งฟอร์ด ไทยแลนด์ เรซซิ่ง (FTR) เปิดฤดูกาลแข่งขัน Thailand Super Series 2024 อย่างดุเดือดในรายการ Thailand Super Pickup โชว์ศักยภาพ และความแข็งแกร่งของรถกระบะ Ford Ranger และพัฒนาการของทีม คว้า 5 รางวัลจากการแข่งขันสนามที่ 1 และ 2 เมื่อวันที่ 4-5 พฤษภาคม 2567 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิท
การแข่งขันเริ่มขึ้นอย่างดุเดือดไม่แพ้อากาศที่ร้อนระอุ โดยแจ็ค เลมวาร์ด ในรถ Ford Ranger หมายเลข 41 และแซนดี้ เคราแก้ว สตูวิค ใน Ford Ranger หมายเลข 3 จากทีมออโรรา ฟอร์ด ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ได้พิสูจน์ฝีมือการขับขี่อันยอดเยี่ยม ในสนามแรกออกตัวจากกริดที่ 6 และ 7 ตามลำดับ ทั้งคู่ใช้ทักษะการขับที่มีชั้นเชิงเร่งแซงคู่แข่งขึ้นมาได้ จบการแข่งขัน แซนดี้ครองอันดับ 3 คลาสส์เอ และ 4 Overall ด้านแจคตามติดมาด้วยอันดับ 4 คลาสส์เอ
ต่อมาในสนามที่ 2 แซนดี้ และแจค ได้งัดเทคนิคการขับขี่มาพิชิตคู่แข่งบนสนามที่ดุเดือด โดยแจค เลมวาร์ด ได้ขึ้นนำคู่แข่งจากการออกตัวกริดที่ 6 มาเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 2 ในคลาสส์เอ และ 4 Overall ขณะที่แซนดี้ออกสตาร์ทจากกริดที่ 2 โชว์ทักษะการแข่งที่เข้มข้น ทว่าประสบอุบัติเหตุในรอบที่ 2 จนตกอันดับลงไป แต่สามารถตีตื้นขึ้นมาได้จนจบอันดับที่ 8 คลาสส์เอ
ด้านทีมซีอาร์อี ลาโนเทค ลิควิโมลี เรซซิง ได้เปิดตัว เชส-ชาคริส พาร์คส น้องเล็กคนใหม่ของทีมซีอาร์อี ลาโนเทค ลิควิโมลี เรซซิง นักแข่งชาวไทย-อเมริกัน แชมพ์คาร์ททิงวัยเพียง 16 ปี ซึ่งได้เรียนรู้เทคนิคการขับรถแข่งมาจากแซนดี้เองโดยตรง ร่วมประเดิมการแข่งรถกระบะครั้งแรกในรถ Ford Ranger หมายเลข 25 โดยแม้จะออกตัวในกริดที่ 36 ก็สามารถตีตื้นขึ้นมาแข่งจบในอันดับที่ 23 Overall ในการแข่งขันวันแรก
“Ford ขอแสดงความยินดีกับทีมฟอร์ด ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ที่ได้สร้างผลงานที่น่าภูมิใจอีกครั้งในการแข่งขัน Thailand Super Series ซึ่งนับเป็นฤดูกาลที่ 5 ตั้งแต่ก่อตั้งทีมมา เราเชื่อว่าความมุ่งมั่นของทีม และความสามารถของนักแข่งจะมีส่วนสำคัญในการพัฒนารถ และทีมแข่งให้แข็งแกร่งขึ้น และสร้างความประทับใจให้แฟนมอเตอร์สปอร์ทไทย Ford ตื่นเต้นมากที่จะได้อวดศักยภาพของรถ นักแข่ง รวมถึงวิศวกร ในการแข่งขันครั้งต่อไป” รัฐการ จูตะเสน กรรมการผู้จัดการ Ford ประเทศไทย กล่าว