MINI Cooper SE (มีนี คูเพอร์ เอสอี) รถพลังไฟฟ้า 100 % แบบ BEV โมเดลใหม่ ยังคงความเรียบง่ายแต่มีเสน่ห์ หน้ารถที่สั้น ฐานล้อยาว และล้อขนาดใหญ่
ไฟหน้าทรงกลมอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว และเด่นชัดยิ่งกว่าเดิมด้วยโหมดไฟซิกเนเจอร์ที่มีให้เลือก 3 รูปแบบ ได้แก่ Classic, Favoured และ JCW
Classic
Favoured
JCW
กระจังหน้าทรงแปดเหลี่ยมโฉมใหม่ ที่เน้นความสปอร์ทจากกรอบสีเงิน Vibrant Silver สไตล์มีนีมอล
ตัวถังที่เพรียวลมด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศเพียง 0.28 แม้ว่ามิติตัวถังยาว/กว้าง/สูง 3,858/1,756/1,460 มม. กว้าง และสูงกว่าเดิม โดยมีความยาวฐานล้อ 2,526 มม.
ส่วนด้านท้ายซุ้มใหญ่ดูทรงพลัง ไฟท้ายทรงสามเหลี่ยม และคาดกลางด้วยแถบสีดำ ตัวอักษร Cooper และ S
ห้องโดยสารของ MINI Cooper SE ใหม่ ดูเรียบง่าย โดยแผงหน้าปัด แผงประตู และฝาปิดช่องเก็บของต่างๆ ผลิตจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล 90 %
ส่วนเบาะนั่งสไตล์สปอร์ทบุด้วยหนังสังเคราะห์สีน้ำเงิน Nightshade ซึ่งมาพร้อมกับชุดแต่ง Favoured Trim
แผงคอนโซลหุ้มด้วยผ้าถักลายตารางแบบทูโทน ในขณะที่กล่องเก็บของที่บุด้วยผ้าถักจากวัสดุพิเศษ พร้อมสายผ้าใช้เป็นหูจับเปิดที่เก็บของให้สะดวกง่ายดายยิ่งขึ้น
หน้าจอ MINI Interaction Unit ทรงกลมขนาดใหญ่ที่แผงคอนโซลด้านหน้า ซึ่งเป็นจอแสดงผล OLED ความละเอียดสูง นำเสนอประสบการณ์การใช้งานที่สะดวกสบายในแบบฉบับที่ไม่ต่างจากการใช้สมาร์ทโฟน โดยส่วนบนของหน้าจอจะเป็นพื้นที่แสดงข้อมูลสำคัญของตัวรถ เช่น ความเร็วรถ และสถานะแบทเตอรี ในขณะที่ส่วนที่เหลือของจอแสดงผลทรงกลมยังสามารถปรับเปลี่ยนให้แสดงข้อมูลการนำทาง เพลง และความบันเทิงอื่นๆ รวมถึงฟีเจอร์ด้านการเชื่อมต่อต่างๆ ได้อย่างครบครัน และสะดวกง่ายดาย นอกจากนี้ ระบบ Head-up Display ก็ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นข้อมูลสำคัญของตัวรถได้โดยไม่ต้องละสายตาจากท้องถนนอีกด้วย
หน้าจอ MINI Interaction Unit รองรับการใช้งาน MINI Experience ฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยปรับแต่งประสบการณ์การขับขี่ และเติมสีสันให้แก่ทุกเส้นทางได้ตามใจชอบ ด้วย 7 โหมดที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นโหมดขับขี่ของตัวรถ เสียงจำลองที่ช่วยเสริมบรรยากาศการขับขี่ และสีสันจากหน้าจอ รวมทั้งระบบไฟภายในห้องโดยสาร โดยในโหมดมาตรฐาน Core ห้องโดยสารจะได้รับการตกแต่งด้วยหน้าจอ และไฟในโทนสี Laguna ที่เป็นหนึ่งในสีประจำตัวของ MINI พร้อมการขับขี่โหมด Comfort และเสียงจำลองแบบมาตรฐานที่ทั้งผู้ขับขี่ และบุคคลภายนอกจะได้ยินไปด้วยกัน เพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่การขับขี่ และคนเดินถนน โหมด Go-Kart จะเปลี่ยนชุดสีหน้าจอเป็นสีดำ Anthracite ผสมกับสีแดง และระบบไฟ ambient light สีแดง เติมความดุดันให้เข้ากับการขับขี่ในแบบสปอร์ทด้วยเสียงเครื่องยนต์จากรุ่น John Cooper Works (จอห์น คูเพอร์ เวิร์คส์) ที่ปรับแต่งมาเพื่อสร้างความเร้าใจโดยเฉพาะ ส่วนโหมด Green จะตั้งค่ารถเป็นโหมดการขับขี่แบบมีประสิทธิภาพที่สุด เพื่อเพิ่มระยะทางการขับขี่สูงสุด ขณะที่หน้าจอ และระบบไฟส่องสว่างจะมาในสีเขียวนวลตา
นอกเหนือจาก 3 โหมดหลักนี้ MINI Interaction Unit ยังมีอีก 4 โหมด
โหมด Vivid ที่ซิงค์แสงไฟภายในกับภาพปกอัลบัมของเพลงที่กำลังเล่น จากสี Color Grabber โหมด Personal ใช้ภาพพื้นหลังที่เลือกเอง โหมด Timeless เน้นความคลาสสิคทั้งภาพ และเสียง โหมด Balance ให้บรรยากาศความเรียบง่าย และสงบ
ด้านล่างของหน้าจอ MINI Interaction Unit มีแผงควบคุม Toggle Bar ที่ทำเลียนแบบ MINI รุ่นคลาสสิค
Toggle Bar ทำให้ใช้ฟังค์ชันสำคัญต่างๆ ได้ง่าย ทั้งเบรคมือ สวิทช์ควบคุมเกียร์ สวิทช์สตาร์ท/ดับเครื่อง ที่หมุนได้ทั้งซ้าย/ขวา สวิทช์เลือกโหมด MINI Experience และปุ่มควบคุมระดับเสียงเพลง
ตอบสนองทุกคำสั่ง เพียงออกเสียงเรียกว่า “Hey MINI!” หรือจะเลือกกดปุ่มสั่งการด้วยเสียงบนพวงมาลัยก็ได้ และมีผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะ ในรูปของรถ MINI ที่เป็นหน้าตาแบบมาตรฐาน และสามารถเลือกอัพเกรดผ่านแพคเกจ MINI Connected ให้เป็นน้องหมา “Spike” ได้
ทำงานผสานกับช่วงล่างที่ปรับแต่งมาเพื่อการควบคุมที่คล่องตัว ด้วยจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ ฐานล้อที่ยาวขึ้น และขยับไปชิดมุมรถทั้ง 4 ด้าน (Short overhang) ทำให้มีความคล่องตัวมากขึ้น คงไว้ซึ่งสไตล์การขับขี่แบบโกคาร์ทไว้ได้อย่างครบถ้วน การบังคับเลี้ยวที่แม่นยำ แบทเตอรีแรงดันสูง 54.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง ใน MINI Cooper SE ใหม่ พร้อมส่งพลังงานสำหรับการเดินทางที่ระยะทางสูงสุด 402 กม. ตามมาตรฐาน WLTP นอกจากนี้ ตำแหน่งการติดตั้งแบทเตอรีในพื้นรถยังทำให้รถมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ส่งผลให้รถมีความสามารถในการยึดเกา ะและการควบคุมที่ยอดเยี่ยม
แบทเตอรีของ MINI Cooper SE ใหม่ รองรับการชาร์จไฟแบบ AC สูงสุด 11 กิโลวัตต์ ในขณะที่การชาร์จไฟแบบ DC ทำได้สูงสุดที่ 95 กิโลวัตต์ โดยในโหมด DC จะสามารถชาร์จจาก 10 % ถึง 80 % ในเวลาเพียงไม่ถึง 30 นาที นอกจากนี้ แบทเตอรีรุ่นนี้ยังรองรับการตั้งค่าการชาร์จต่างๆ เช่น เวลาชาร์จ ระดับแบทเตอรีที่ต้องการ และอื่นๆ พร้อมการเข้าถึงข้อมูลแบทเตอรีจากหน้าจอมือถือผ่าน MINI App
มาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่หลากหลาย รวมถึงฟังค์ชันจอดรถอัตโนมัติอย่าง Parking Assistant และแพคเกจ Driving Assistant ซึ่งสามารถเลือกอัพเกรดเป็น Driving Assistant Plus ที่มาพร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) โดยลูกค้าสามารถเลือกสมัครได้ในแบบ 1 เดือน 1 ปี 3 ปี และตลอดอายุการใช้งาน ส่วนฟีเจอร์กุญแจรถดิจิทอล MINI Digital Key Plus ยังช่วยเพิ่มความสะดวกสบายอีกระดับ ด้วยการเปลี่ยนสมาร์ทโฟน และสมาร์ทวอทช์ให้เป็นกุญแจรถ ซึ่งสามารถเปิดใช้งาน Welcome Light ได้โดยอัตโนมัติเมื่อเจ้าของรถอยู่ในระยะ 3 ม. จากตัวรถ และสามารถปลดลอคประตูอัตโนมัติเมื่อเดินเข้ามาในระยะ 1.5 ม. รวมไปถึงการสตาร์ทเครื่องยนต์เมื่อนั่งอยู่ในตำแหน่งพร้อมจะออกเดินทาง นอกจากนี้ ยังสามารถส่งต่อ Digital Key ให้เพื่อน หรือคนในครอบครัวได้อย่างง่ายดาย และปลอดภัย
MINI Cooper SE ใหม่ ราคา 1,699,000 บาท พร้อมแพคเกจ MSI Standard โดยมี 6 สีให้เลือก ได้แก่ น้ำเงิน Blazing Blue, ขาว Nanuq White, เงิน Melting Silver ที่มาพร้อมกับหลังคาสีดำ Jetblack และเขียว British Racing Green, เหลือง Sunny Side Yellow, แดง Chili Red II ที่เลือกหลังคาดำ Jetblack หรือสีขาว Glazed White