Audi ประเทศไทย เปิดตัว Flagship SUV ตัวทอพสุดหรูกับขุมพลัง Plug-in Hybrid เจเนอเรชันใหม่ล่าสุด “Audi Q8 TFSI E Quattro S Line Edition One (เอาดี คิว 8 ทีเอฟเอสไอ อี กวัตตโร เอส ไลน์ เอดิชัน วัน)” พรีเมียมสุดในเซกเมนท์ ราคา 5,799,000 บาท มาพร้อมกับ New Design Language ลุคสปอร์ทสุดดุดัน กระจังหน้าดีไซจ์นล่าสุด ล้อ Audi Sport พร้อมแนะนำ 3 สีใหม่ Sakhir Gold Metallic/Chili Red Metallic และ Waitomo Blue Metallic นำเข้า 100% ประกอบนอกทั้งคัน คุณภาพพรีเมียมมาตรฐานเยอรมัน
ไฮไลท์เด่นของ Audi Q8 TFSI E Quattro S Line Edition One
• มอบความสะดวกสบายให้แก่ทุกเส้นทางด้วย Adaptive Cruise Control with Stop & Go function (ระบบรักษาความเร็ว และระยะห่างจากรถคันข้างหน้า) ง่ายเพียงปลายนิ้ว ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control (ACC) พร้อมฟังค์ชัน Stop & Go ที่สามารถหยุดรถได้อัตโนมัติเมื่อรถคันหน้าหยุด และเริ่มเคลื่อนที่อีกครั้งเมื่อรถคันหน้าเริ่มเคลื่อนที่ ในสภาพการจราจรที่ติด ขัด ออกแบบมาเพิ่มความสะดวกสบาย และความปลอดภัยในการขับขี่ โดยระบบนี้จะช่วยรักษาความเร็วที่ตั้งไว้ และปรับความเร็วอัตโนมัติ พร้อมรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถคันหน้า พร้อมระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ Driving Assistant เต็มรูปแบบให้ความปลอดภัยทุกเส้นทาง
• พบกับสีใหม่สวยสะดุดตากับ Sakhir Gold Metallic (Special Color) Chili Red Metallic และ Waitomo Blue Metallic พร้อม 4 เฉดสียอดนิยมของแฟน Audi Glacier White Metallic/Satellite Silver Metallic/Mythos Black Metallic และ Daytona Grey Pearl Effect
• ที่สุดของ Flagship SUV ของค่าย Audi ดีไซจ์นโฉบเฉี่ยวไม่เหมือนใคร ด้วยรูปทรง Sportback อันเป็นเอกลักษณ์ของ Audi ลุคสปอร์ทดุดันพร้อมชุดแต่ง S line และ Black Edition รอบคัน และล้อ Audi Sport สีดำขนาด 22 นิ้ว
• ครั้งแรกของรถในตระกูล Plug-in Hybrid ที่เปิดตัวกับ New Design Language กระจังหน้าลุคใหม่ ดีไซจ์นโดดเด่นไม่เหมือนใคร พร้อมอัพเดท Brand CI กับ Audi Ring 2D Logo และ Audi Lettering ชื่อรุ่นรถ
• ระยะทางวิ่งไฟฟ้า 71.7 กม. (WLTP) ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน Plug-in Hybrid แบบ V6 เทอร์โบชาร์จ ให้พละกำลัง รวมสูงสุด 394 แรงม้า และแรงบิดรวมสูงสุด 600 นิวทันเมตร แบทเตอรีขนาด 25.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง ความเร็ว 0-100 ใน 5.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 240 กม./ชม. รองรับการชาร์จด้วยกระแสสลับ AC 7.4 กิโลวัตต์
• Quattro แบบ Self-Locking Centre Differential เป็นระบบ Quattro ที่ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา สามารถปรับเปลี่ยนกำลังจ่ายแต่ละล้อได้เป็น 70:30 หรือ 15:85 ด้วยความอัจฉริยะของระบบนี้สามารถปรับเปลี่ยนการจ่ายกำลังได้อัตโนมัติ ตามสภาพพื้นผิว และลักษณะการขับขี่ ยึดเกาะถนนดี เข้าโค้งคม เพิ่มความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และขับสนุกเร้าใจ มั่นใจได้ทุกการขับขี่ในทุกๆ เส้นทาง
• Flagship SUV ที่มีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวางลงตัวกับครอบครัวยุคใหม่ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในรถครบครันพร้อมเครื่องเสียงระดับพรีเมียม Bang & Olufsen
Audi เป็นรถยนต์นำเข้าประกอบนอกทั้งคัน คุณภาพมาตรฐานเยอรมันทุกรุ่น ลูกค้าที่ออกรถ Audi ทุกรุ่น ได้รับการดูแลจาก Audi Protection การรับประกันรถใหม่ 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กม. แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน รถไฟฟ้า E-Tron (อี-ทรอน) และรถ Plug-in Hybrid TFSI E (พลัก-อิน ไฮบริด ทีเอฟเอสไอ อี) ใหม่ทุุกรุ่น รับประกันแบทเตอรี 8 ปี หรือ 160,000 กม. แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside Assistance ทั่วประเทศ 24 ชม. นาน 5 ปี
พร้อมบริการต่างๆ อีกมากมายเช่น บริการช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉินฟรี ไม่จำกัดจำนวนครั้ง, ฟรี บริการยก/ลากรถไปยังศูนย์บริการอย่างเป็นทางการของ Audi ประเทศไทย ภายในระยะทาง 50 กม. หรือไปยังสถานที่อื่นที่ลูกค้าต้องการภายในระยะทาง 35 กม. (ส่วนต่างคิดค่าบริการ กม. ละ 25 บาท ลูกค้าเป็นผู้รับผิดชอบค่าบริการส่วนต่าง), บริการให้คำปรึกษาทางด้านเทคนิคตลอด 24 ชม. ฟรี ในกรณีที่เกิดรถเสียฉุกเฉิน, ฟรี บริการรับกุญแจสำรอง กรณีลอครถโดยไม่ตั้งใจ เจ้าหน้าที่จะประสานงานเพื่อนำกุญแจสำรองมาให้ ณ จุดเกิดเหตุภายในระยะทาง 20 กม. (กรณีที่เกินกว่า 20 กม. คิดค่าบริการ กม. ละ 25 บาท กรณีที่ต้องการใช้ช่างกุญแจที่มีความชำนาญเพื่อหาวิธีการเข้าไปในรถนั้น จะต้องได้รับความยินยอมจากลูกค้าก่อน ค่าใช้จ่ายสำหรับช่างกุญแจจะรวมอยู่ในบริการ) รวมถึง กรณีเกิดเหตุน้ำมันหมดฉุกเฉินไม่สามารถขับเคลื่อนได้ เจ้าหน้าที่จะจัดส่งน้ำมันไม่เกิน 10 ลิตร/ครั้ง/ปี เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนไปยังสถานีน้ำมันที่ใกล้ที่สุดได้ (หากเกิดเหตุมากกว่า 1 ครั้ง/ปี ครั้งต่อไปฟรีค่าประสานงาน ลูกค้าเป็นผู้รับผิดชอบค่าน้ำมัน)