HONDA CIVIC (ฮอนดา ซีวิค) ซีดานยอดนิยมที่ทำตลาดมาต่อเนื่องหลายปีในบ้านเรา ล่าสุดกับการปรับโฉม พร้อมปรับปรุงอุปกรณ์ใช้งานหลายรายการ (ราคา 1,239,000 บาท) เราได้มาทดลองขับรุ่นทอพ E:HEV RS (อี:เอชอีวี อาร์เอส) จะมีความแตกต่างอย่างไรบ้างจากรุ่นก่อนหน้านี้ มาดูกันเลย
ภายนอก: สปอร์ทเข้มกว่าเดิม
จุดแตกต่างแรกของ HONDA CIVIC โฉมล่าสุด คือ ตัวถังที่ถูกอัพเกรดความสปอร์ทขึ้นมาอีกขั้น โดยเฉพาะรุ่นทอพ E:HEV RS มาพร้อมกระจังหน้า และช่องรับอากาศบนกันชนหน้าทรงรังผึ้ง และมีรูปทรงของกันชนหน้าที่เน้นสันเหลี่ยมมากกว่าเดิม (แต่สิ่งที่หายไป คือ ชุดไฟตัดหมอก) ถัดมา คือ ล้อแมกขนาด 18 นิ้ว ลายใหม่ สีเทาเข้ม ดูลงตัวกว่าล้อแมกลายเดิมของรุ่นก่อนปรับโฉม ขอบกระจกประตูเป็นสีดำ รวมถึงชุดไฟท้ายแบบรมดำ (ติดตั้งทุกรุ่นย่อย) การปรับโฉมตามจุดต่างๆ ตามที่กล่าวมา แม้จะเหมือนไม่มากมาย แต่ก็สร้างความแตกต่างด้านรูปลักษณ์โดยรวมของ HONDA CIVIC โฉมล่าสุดได้เป็นอย่างดี มีความคมเข้มเหมาะกับรหัส RS ของรุ่นทอพ
เครื่องยนต์: ไฮบริดพละกำลังเหลือเฟือ
ขุมพลังของ HONDA CIVIC E:HEV RS คือ เครื่องยนต์ระบบไฮบริด ประกอบด้วย เบนซิน 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 104 กิโลวัตต์/141 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. ส่งกำลังร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์/184 แรงม้า ที่ 5,000-6,000 รตน. กับแรงบิดสูงสุดถึง 315 นิวทันเมตร/32.1 กก.ม. ที่ 0-2,000 รตน. มีกำลังสูงสุดตามที่ผู้ผลิตระบุมา คือ 203 แรงม้า (เครื่องยนต์บลอคเดียวกันกับที่วางใน ACCORD และ CR-V (ซีอาร์-วี) จะมีกำลังสูงสุด 207 แรงม้า) พร้อมจุดเด่น คือ การประหยัดเชื้อเพลิงเฉลี่ยตามที่ผู้ผลิตระบุ คือ 25.0 กม./ลิตร
การขับเคลื่อนของระบบไฮบริด E:HEV จะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลักในช่วงออกตัว ถึงช่วงความเร็วปานกลาง การตอบสนองของคันเร่งจึงให้ความรู้สึกคล้ายรถยนต์ไฟฟ้าขนานแท้ ด้วยแรงบิดที่สูง ทำให้การเพิ่มความเร็วทำได้ไหลลื่นต่อเนื่อง ไม่จำเป็นต้องกดคันเร่งมากเกินไปเพื่อเรียกรอบเครื่องยนต์เหมือนเครื่องยนต์สันดาปปกติ เห็นได้ชัดจากการขับขึ้นเนิน เพียงเติมคันเร่งเล็กน้อย อาศัยแรงบิดในรอบเครื่องยนต์ต่ำ ตัวรถสามารถแล่นด้วยความเร็วคงที่ โดยที่รอบเครื่องยนต์ไม่สูงเกินไป เสียงของเครื่องยนต์ไม่ดังมาก เพิ่มความสะดวกสบายของการโดยสารได้ดี และช่วยให้ประหยัดเชื้อเพลิงโดยรวมอีกด้วย เราได้ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจากหน้าจอแสดงผล คือ ประมาณ 22.3 กม./ลิตร ภายใต้การขับขี่ทั่วไป มีการเร่งแซงเป็นบางช่วง นับว่าน่าพอใจกับระบบไฮบริดจาก HONDA CIVIC โฉมล่าสุด นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มโหมดการขับขี่แบบ INDIVIDUAL เป็นครั้งแรก (เฉพาะรุ่น E:HEV) สามารถปรับแต่งการตอบสนองได้ตามใจผู้ขับมากกว่าเดิม เช่น การตอบสนองของพวงมาลัย เสียงเครื่องยนต์ และการแสดงผลบนหน้าจอ
ภายใน: เพิ่มอุปกรณ์ใช้งานทันสมัย
ภายในห้องโดยสารของ CIVIC รุ่นล่าสุด ยังคงไม่ต่างจากรุ่นก่อนปรับโฉมมากนัก แต่มีการเปลี่ยนลวดลายบนตัวเบาะเล็กน้อย รวมถึงวัสดุของช่องแอร์ใช้สีแดงเข้ม แต่จุดที่มีการเปลี่ยนแปลงจะเป็นการใช้งานของผู้โดยสาร กับการเสริมระบบ GOOGLE ในตัวรถ (เป็นออพชันที่มีติดตั้งใน HONDA ACCORD (ฮอนดา แอคคอร์ด) รุ่นล่าสุด) สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับมือถือ และรองรับการสั่งงานด้วยเสียง นอกจากนี้ ยังติดตั้งระบบเครื่องเสียงของ BOSE เพื่อคุณภาพของระบบความบันเทิงที่ดีกว่ารหัส RS ของรุ่นก่อนปรับโฉม สิ่งที่ติดตั้งจากรุ่นก่อนปรับโฉม (และตอนนี้มีติดตั้งทุกรุ่นย่อย) คือ เบาะด้านหลังพับแยกได้แบบ 60:40 และช่องแอร์ด้านหลัง ทำให้ซีดานรุ่นนี้มีการใช้งานที่หลากหลาย แม้จะไม่มากเท่าตัวถังแฮทช์แบค แต่ก็รองรับการใช้งานทั่วไปได้ดีกว่าเดิม ทั้งในแง่ของการโดยสาร และการขนสัมภาระ
ระบบรองรับ: นุ่มหนึบ ไว้ใจได้
สำหรับระบบรองรับของ HONDA CIVIC E:HEV RS ให้ความรู้สึกที่นุ่มหนึบ ขับขี่ทั่วไปได้สบาย ล้อแมกขนาด 18 นิ้ว ช่วยเสริมความมั่นคงได้เช่นกัน การใช้ความเร็วสูงตัวรถมีความนิ่งที่น่าพอใจ รวมถึงความมั่นคงขณะเข้าโค้ง การแล่นผ่านพื้นผิวถนนขรุขระสามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี จุดที่น่าสนใจ คือ การปรับปรุงระบบช่วยเหลือการขับขี่ (HONDA SENSING) ให้มีการทำงานที่ลงตัวกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการตรวจจับ สามารถตรวจจับคนขี่จักรยาน และมอเตอร์ไซค์ได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงการปรับปรุงให้ระบบมีการทำงานที่เรียบเนียนกว่าเดิม เราได้ทดลองใช้งานระบบครูสคอนทโรลแปรผันความเร็ว รวมถึงระบบควบคุมตัวรถให้อยู่กลางเลน การชะลอความเร็ว หรือการเพิ่มความเร็วเมื่อไม่มีรถยนต์ข้างหน้า สามารถทำได้ไหลลื่นกว่าเดิมอย่างชัดเจน
สรุป
ซีดานมาดสปอร์ท ไฮบริดโดนใจ
ท่ามกลางยุคสมัยของการเปลี่ยนผ่านสู่รถยนต์ไฟฟ้า ทางเลือกเครื่องยนต์ไฮบริดยังคงมีความน่าสนใจ กับจุดเด่นด้านสมรรถนะ และการประหยัดเชื้อเพลิง กับการใช้งานในชีวิตประจำวันที่คุ้นเคยกันมาตลอดจากเครื่องยนต์สันดาป HONDA CIVIC E:HEV มีความโดดเด่นในส่วนนี้เป็นอย่างดี พร้อมอุปกรณ์ใช้งานที่ลงตัวกว่าเดิม เส้นสายที่สปอร์ท ลงตัวกับสมรรถนะโดยรวมของตัวรถ กับราคาของรุ่นทอพ RS ที่ 1,239,000 บาท อาจดูสูงไปบ้าง แต่ไม่น่าเป็นปัญหาสำหรับ “แฟนพันธุ์แท้” ที่รอคอยซีดานรุ่นนี้เสมอ !