เปิดตัวแล้วกับ Volvo XC90 Plug-in Hybrid Facelift เอสยูวีขนาด Mid-Size ยอดนิยมรุ่นปรับโฉมใหม่เป็นครั้งที่ 3 ของ Volvo ที่เรียกเสียงฮือฮาได้จากการประกาศนโยบายใหม่ว่าจะยังจำหน่ายรถเครื่องยนต์สันดาปขุมพลังแบบ Plug-in Hybrid รวมถึงเน้นปรับปรุงเทคโนโลยี และวัสดุภายในรถให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นอีกด้วย
ในช่วงปี 2017 ที่ผ่านมา ค่ายรถยนต์จากสแกนดิเนเวียนอย่าง Volvo ได้ตัดสินใจครั้งใหญ่กับทิศทางการตลาด และการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป้าหมายที่พวกเขาเลือก คือ การทำให้บริษัท Volvo จะผลิต และจำหน่ายรถยนต์ของตนเป็นระบบไฟฟ้าทั้งหมดให้ได้ ภายในปี 2030 ซึ่งตอนนี้มีรหัสอย่าง EX30, EX40, EC40, EX90 เกิดขึ้น
แต่แล้วกลับไม่เป็นตามที่คาดการณ์ไว้เพียงระยะเวลาไม่ถึง 5 ปี Volvo ได้ยกระดับให้แบรนด์เข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าล้วนทั้งกระดานทุกไลน์อัพ ซึ่งได้ยอดขายในระดับพอใช้ แต่ในแง่การพัฒนารถต่อสู้คู่แข่งในตลาดกลับไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร อันมาจากกระแสต่างชาติที่เริ่มเสียงแตกในความนิยม ดังนั้นจะเป็นทิศทางที่ส่งสัญญาณว่า Volvo อาจต้องถอยเพื่อปรับทิศทางในการตลาด เรื่องการยุติการผลิตรถที่ใช้เครื่องยนต์ให้ไกลไปจากเดิม โดยเริ่มในช่วงหลังปี 2030-2040 หรือในอีก 10 ปีข้างหน้าแทน
Volvo XC90 ยังใช้พื้นฐานรถมาจากเจเนอเรชันรุ่น 2 ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในปี 2014 และออกจำหน่ายมาเกือบ 10 ปี ถือเป็นรถที่ได้กระแสตอบรับที่ดีมากในกลุ่มเอสยูวีขนาดกลาง ก่อนที่จะมีการปรับโฉมใหม่เป็นครั้งที่ 2 ในปี 2019 และล่าสุดปรับครั้งใหญ่ในปี 2024
การปรับโฉมใหม่ XC90 นั้น ยังคงความเป็นเอสยูวีที่บึกบืน สไตล์รถตรวจการณ์ ที่สวยงามด้วยเส้นสายเรียบง่าย ตั้งแต่เจเนอเรชันที่ 1 พัฒนามาสู่รุ่นที่ 2 ถึงแม้มีอายุครบ 10 ปีแล้วก็ตาม การออกแบบดีไซจ์นไฟหน้าแบบ Thor‘s Hammer ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ก็ยังไม่ตกกระแสแต่อย่างใด ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Volvo EX90 ที่เป็นเอสยูวีไฟฟ้าที่วางจำหน่ายมาตั้งแต่ 2023 ส่วนที่แตกต่าง XC90 จะมาพร้อมกระจังหน้า Iron Mark แบบทแยงมุมใหม่ ปรับเปลี่ยนช่องระบายอากาศแนวตั้ง ไฟท้ายแนวตั้งแบบ LED พร้อมรมดำ มาพร้อมลวดลายล้อใหม่ ตั้งแต่ขนาด 20-22 นิ้ว ยิ่งทำให้รถดูมิติสมส่วนขึ้น
นอกจากนี้ ภายในห้องโดยสารยังได้รับการปรับปรุงใหม่ มาพร้อมเบาะที่นั่งแบบ 3 แถว เน้นรายละเอียดด้วยการเพิ่มวัสดุใหม่ในการบุชิ้นส่วนต่างๆ หัวเกียร์เป็นรูปแบบคริสตัลใสงานฝีมือจาก Orrefors ทำขึ้นจากมือชิ้นต่อชิ้น และวัสดุซับเสียงในหลายจุด พร้อมลำโพงคุณภาพสูงจาก Bowers & Wilkins Premium จำนวน 19 ตัว ให้กำลังขับ 1,410 วัตต์ เสริมความสุนทรีย์ขั้นสูงสุด รวมถึงเพิ่มสัดส่วนของช่องเก็บของ และปรับขนาดที่วางแก้ว พร้อมกับย้ายแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย Wireless Charging ไปอยู่ตำแหน่งด้านหน้าเกียร์ แผงหน้าปัดได้รับการออกแบบใหม่ด้วยเค้าโครงแนวนอนมากขึ้น วัสดุรีไซเคิล และไฟส่องสว่างตอนกลางคืนที่ดีขึ้น เพิ่มฟีเจอร์ช่วยให้ใช้งานง่ายมากขึ้น
ไฮไลท์ใหม่กับหน้าจอสัมผัสแนวตั้งใหม่ล่าสุด ทแยงมุมที่กว้างขวางขึ้น จอคมชัดขึ้น 21 % ขนาด 11.2 นิ้วพร้อมระบบปฏิบัติการ Android Automotive ที่ได้รับการปรับปรุงซอฟท์แวร์ใหม่จาก Google เพื่อให้เข้าถึงแอพพลิเคชันต่างๆ ได้ง่ายขึ้นด้วยปลายนิ้ว และสำคัญสำหรับลูกค้าที่ใช้ XC90 รุ่นที่ 2 ตั้งแต่ปี 2020 ทาง Volvo ได้เตรียมปล่อยอัพเดทให้ลูกค้าที่ออกรถไปก่อนหน้าสามารถใช้ระบบใหม่ได้อีกด้วย
ขุมพลังเครื่องยนต์ และระบบ Plug-In Hybrid XC90 ยังไม่มีการเผยรายละเอียดจากทาง Volvo ทั้งหมด โดยคาดว่ามีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่ รหัส B5 เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร ให้กำลัง 247 แรงม้า, รหัส B6 เบนซินเทอร์โบ Supercharged พ่วงระบบ Mild Hybrid ช่วยในเรื่องลดการปล่อยมลพิษ มาพร้อมแบทเตอรี Lithum-ion 48 โวลท์ ความจุ 14.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง ให้กำลังถึง 295 แรงม้า
และรุ่น Plug-in Hybrid รหัส T8 เบนซินพ่วง Turbocharged และ Supercharged พร้อมแบทเตอรี Lithum-ion ความจุ 19 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถเสียบชาร์จไฟได้ และเมื่อเครื่องยนต์รวมกับมอเตอร์ไฟฟ้า จะมีกำลังสูงสุดถึง 455 แรงม้า แรงบิด 400 นิวทันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพียง 5.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม.ระยะทางรวมสามารถทำได้คาดว่าเกิน 800-850 กม. วิ่งไฟฟ้าล้วนสูงสุดถึง 70 กม. ตามมาตรฐาน WLTP
เทคโนโลยีความปลอดภัย Volvo ก็ยังจัดเต็มระบบช่วยเหลือการขับขี่ ADAS ระดับสูงอีกเช่นเคย ทั้งกล้องมองภาพบริเวณด้านหน้ารถ และเรดาร์ตรวจจับวัตถุรอบคัน ฯลฯ รวมถึงระบบแชสซีส์ที่พัฒนาให้รองรับการใช้งานทั้งถนนทั่วไป และออฟโรดได้ โดยระบบจะช่วยยกตัวรถขึ้นได้สูงสุด 40 ซม. และปรับให้เตี้ยลงได้สูงสุด 20 ซม. จากความสูงโดยมาตรฐาน
นอกจากนี้ เทคโนโลยีช่วงล่างถุงลมแบบแอคทีฟนี้สามารถตรวจสอบสภาพถนน และตัวรถรวดเร็วถึง 500 ครั้ง/วินาที เพื่อประมวลผลสิ่งแวดล้อมรอบด้านเพื่อคำนวน และปรับสภาพการขับขี่ที่เหมาะสม และมอบการขับขี่ที่นุ่มนวลที่สุด
นี่อาจไม่ใช่จุดจบของรถ SUV ที่ใช้น้ำมันรุ่นใหญ่ที่สุดของ Volvo แต่การนำเอา XC90 ปัดฝุ่นมันอีกครั้งก็ได้แสดงให้เห็นว่ากลุ่มลูกค้าที่ยังคงต้องการ และเรียกร้องเอสยูวีที่มีเครื่องยนต์พ่วง Plug-in Hybrid ในการใช้งาน ยังคงได้รับความนิยมอยู่ ซึ่งถือตอนนี้ยังไม่มีโมเดลเจเนอเรชันใหม่ออกมา แต่ก็มี EX90 ที่พัฒนาสำหรับขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน รุ่นปัจจุบันขายควบคู่ไปพร้อมกัน
ตอนนี้ Volvo พร้อมเปิดรับจอง XC90 Facelift รุ่นปี 2025 โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมาในกลุ่มประเทศทางยุโรป และจะเริ่มส่งมอบรถตั้งแต่ภายในสิ้นปี 2024 สำหรับตลาดเมืองไทยนั้นเป็นไปได้สูงว่าภายในสิ้นปี 2024 จะนำเข้ามาโชว์ตัวให้ยลโฉมกันอย่างเร็วที่สุด และในต้นปี 2025 Volvo Thailand คาดว่าจะนำเข้า XC90 Plug-in Hybrid มาเพื่อบุกตลาด Mid-Size Luxury พร้อมด้วยราคาจำหน่ายคาดการณ์อยู่ที่ 4-5 ล้านบาท เรียกได้ว่าจัดเต็มออพชันจากสวีเดนในราคาคุ้มค่าอย่างแน่นอน