Himalayan (หิมาลายัน) รุ่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนของ Royal Enfield (โรยัล เอนฟีลด์) ที่ทันสมัย น้ำหนักเบาที่สุด และเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าที่สุด ด้วยเครื่องยนต์ระบายความร้อนด้วยน้ำ Sherpa 450 ที่จะเพิ่มประสบการณ์การขับขี่ผจญภัยให้ดียิ่งขึ้น ประกาศราคาในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 219,000 บาท
อนุจ ดัว หัวหน้าฝ่ายธุรกิจภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค กล่าวว่า รถมอเตอร์ไซค์ Royal Enfield มีความดึงดูดใจในระดับสากล เราไม่ได้เพียงแค่มอบประสบการณ์ Pure Motorcycling เท่านั้น แต่ยังมอบความสุข และความตื่นเต้นในการขับขี่ที่ไม่มีใครเทียบได้ พร้อมทั้งความหลากหลาย ความสะดวกสบาย และการใช้งานสุดง่ายดาย เรามั่นใจว่ารถจักรยานยนต์ของเราจะเป็นสิ่งที่นักขี่มอเตอร์ไซค์ต้อง การ และ Himalayan คือ ความสมบูรณ์แบบในการเติมเต็มความฝันของผู้ขับขี่ เพราะมันถูกสร้างขึ้นเพื่อลุยในทุกสภาพภูมิประเทศ และทุกสภาพอากาศ เราออกแบบรถมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ให้เป็นที่สุดสำหรับการผจญภัย เป็น "รถมอเตอร์ไซค์หนึ่งเดียว" ที่คุณต้องการในทุกการขับขี่ เพราะถ้ามันสามารถลุยเทือกเขาหิมาลัยได้ มันก็สามารถลุยทุกสิ่งในโลกนี้ได้ รถจักรยานยนต์รุ่นนี้จะดึงดูดนักขับขี่ที่ชื่นชอบการผจญภัย และความหลากหลายที่มากขึ้นในประเทศไทย ผู้ขับขี่ในไทยได้ตอบรับเป็นอย่างดี และทำให้ Royal Enfield กลายเป็นหนึ่งในผู้นำในกลุ่มรถจักรยานยนต์ขนาดกลางในประเทศ ไทย
Himalayan รุ่นใหม่นี้ มีกำลัง และแรงบิดมากขึ้น คงเอกลักษณ์ของ Royal Enfield ด้วยกำลังสูงสุด 40.02PS ที่ 8,000 รตน. และแรงบิดสูงสุด 40Nm ที่ 5,500 รตน. เครื่องยนต์ Sherpa ขนาด 452 ซีซี ใหม่สร้างแรงบิดได้ถึง 90 % ตั้งแต่รอบเครื่องยนต์ 3,000 รตน. ขึ้นไป ไม่ต้องลากรอบสูงเพื่อเพิ่มกำลัง
สำหรับตัวรถใหม่นี้ มีระยะห่างจากพื้น และช่วงล่างที่ยาวขึ้น ทำให้คุณสามารถขับขี่ในภูมิประเทศที่ท้าทายยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องกังวลว่าตัวถังจะติดพื้น ด้วยโครงสร้างใหม่ที่แข็งแกร่งขึ้น ทำให้การเลี้ยวและเข้าโค้งที่เสถียร โครงสร้างรวมถึงโช้คหัวกลับ Showa แบบตลับที่ออกแบบมาเพื่อทำงานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลายตั้งแต่ถนนเรียบไปจนถึงทางลำธารหิน ประกอบกับช่วงล่างที่มีคุณภาพยังช่วยให้ผู้ขี่ไม่ต้องเหนื่อยล้ากับการขับขี่ พร้อมลุยในทุกเส้นทางในส่วนของการรองรับแรงกระแทก Himalayan ยังคงใช้ล้อหน้าขนาด 21 นิ้ว และล้อหลังขนาด 17 นิ้ว พร้อมขอบล้ออลูมิเนียมที่พัฒนาขึ้นใหม่ และยางหลังขนาดกว้าง 140/80 เพื่อการยึดเกาะที่เหนือกว่า การควบคุมที่มั่นใจ และความเสถียรในการขับขี่ทั้งออฟโรด และออนโรด
การปรับปรุงหลักสรีรศาสตร์ของตัวรถตอบสนองต่อสรีระของผู้ขับขี่ที่เพิ่มความมั่นใจในทุกท่วงท่าการขับขี่ ส่วนหลังของถังน้ำมันเชื้อเพลิงขนาด 17 ลิตร ได้ถูกทำให้บางลงเพื่อความสบายของการวางเข่าเมื่อขับขี่ เบาะนั่งผู้ขี่ และผู้โดยสารที่แยกกันช่วยให้สามารถปรับเบาะนั่งผู้ขี่ได้สูงขึ้น 20 มม. นอกจากนี้ยังมีเบาะนั่งแบบเตี้ยเป็นตัวเลือก เบาะคนขี่สามารถปรับได้หลายระดับ ตั้งแต่ 805-845 มม. ซึ่งเมื่อรวมกับโครงสร้าง และถังน้ำมันที่แคบ และเพรียวลง ทำให้การขับขี่ และการเข้าโค้งกระชับมากยิ่งขึ้น เบาะนั่งทั้งผู้ขี่ และผู้โดยสารรวมถึงตำแหน่งการนั่งได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบความสบายสำหรับการขี่ในเส้นทางระยะยาวในทุกสภาพการขับขี่
"มอบทุกสิ่งที่คุณต้องการ และตัดทุกส่วนเกินที่กวนใจ” ด้วยเทคโนโลยีที่ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ TripperDash ใหม่ ระบบนำทางเต็มรูปแบบครั้งแรกของโลก ข้อมูลจากระบบ Google Maps พร้อมเสียงนำทางกว่า 130 ภาษา ตัวควบคุมแบบจอยสติคที่แฮนด์ด้านซ้ายช่วยให้คุณควบคุมหน้าจอรวม เพลง สายเรียกเข้า และข้อความที่เชื่อมต่อกับมือถือ และยิ่งไปกว่านั้น ยังมีเทคโนโลยี Ride-by-Wire คันเร่งแบบไฟฟ้า พร้อม 3 โหมดการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็น Performance หรือ Eco ระบบ ABS หลังสามารถปิดการใช้งานได้เพื่อประสบการณ์การขับขี่ออฟโรดที่น่าตื่นเต้นมากขึ้น"
Royal Enfield มีอุปกรณ์แต่งรถสำหรับ Himalayan ที่ต้องตาต้องใจหลากหลายรายการให้เลือก ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ และการเดินทางที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าสัมภาระอลูมิเนียม Box Aluminum Luggage หน้าจอยกสูง ที่นั่ง Adventure Seat และไฟตัดหมอก LED อุปกรณ์เสริมสไตล์แรลลี เสริมสมรรถนะการขับขี่ออฟโรดให้แก่ All New Himalayan เมื่อใช้บังโคลนหลังแรลลีคู่กับที่นั่งแรลลีที่บางลงเพื่อลุคที่ดุดันมากขึ้น ทั้งยังรองรับกระเป๋า Rackless Soft Bags และกระเป๋า Tail Pack ในขณะที่คาร์ดเบรคมือ คาร์ดคลัทช์ คาร์ดอ่าง และคาร์ดไฟหน้าที่ให้การปกป้องขั้นสูง สุดในทุกภูมิประเทศ
Royal Enfield Himalayan จะมีให้เลือก 3 เฉดสี ได้แก่ Kaza Brown, Slate Himalayan Salt, และ Hanle Black โดยรุ่น Base มีราคาอยู่ที่ 219,000 บาท รุ่น Pass (พาสส์) มีราคาอยู่ที่ 222,000 บาท รุ่น Hanley Black (ฮันลีย์ บแลค) มีราคาอยู่ที่ 226,000 บาท