ธุรกิจ
Bentley เปิดตัว New Flying Spur Speed
Bentley Motors เปิดตัว New Flying Spur (ฟลายอิง สเปอร์) ใหม่ สุดยอด Grand Tourer ระดับซูเพอร์คาร์แบบ 4 ประตูใหม่ ซึ่งเป็นเจเนอเรชันที่ 4 และถือเป็น 4-Door Supercar รุ่นแรกหลังจากที่รุ่น Flying Spur ได้เคยสร้างมาตรฐานใหม่ให้แก่อัครยนตร กรรมแบบ 4 ประตูสมรรถนะสูงมาเกือบ 2 ทศวรรษ
สำหรับการเปิดรับคำสั่งจอง New Flying Spur Speed (ฟลายอิง สเปอร์ สปีด) ใหม่ Bentley Bangkok โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้า และตัวแทนจำ หน่ายรถยนต์ Bentley (เบนท์ลีย์) อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย มอบข้อเสนอที่ดีที่สุดสำหรับการสั่งจองรถ ยนต์ Bentley รุ่น New Flying Spur Speed ราคาเริ่มต้นที่ 25.5 ล้านบาท พร้อมรับเอก สิทธิ์การบริการหลังการขายมาตรฐานโรง งานผู้ผลิตด้วยการรับประกันแบทเตอรีไฮบริดที่ "นานที่สุด" ถึง 8 ปี หรือ 160,000 กม. (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) การรับประ กันโดยโรงงานผู้ผลิต และบริการผู้ช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชม. (24-Hour Bentley Roadside Assistance) นาน 3 ปีเต็ม พร้อมรับสิทธิ์การต่อการรับประกันโดยโรงงานผู้ผลิต (Bentley Extended Warran ty) สูงสุด 4 ปี
Flying Spur ใหม่เปิดตัวในรุ่น Speed รุ่นย่อยที่เน้นสมรรถนะในการขับขี่จากขุมพลังแบบ Ultra Performance Hybrid ใหม่ที่จะมอบพละกำลังและประสิทธิภาพในการขับขี่ ตัวรถมอบความเงียบสงบในโหมด EV ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าได้ไกลกว่า 76 กม. ซึ่งเหมาะสำหรับการขับขี่ในพื้นที่ปลอดมลพิษ หรือการเดินทางในเมือง โดยตัวรถมีอัตราการปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำกว่า Flying Spur Speed รุ่นก่อนถึง 90 % เมื่อผู้ขับขี่ต้องการขับขี่ที่เร้าใจยิ่งขึ้น เครื่องยนต์รุ่น V8 แบบไฮบริดที่มอบพละกำ ลังรวมกว่า 782 แรงม้า มากกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 147 แรงม้ายังทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟ ฟ้าเพื่อส่งมอบประสิทธิภาพในการขับขี่ที่ดีเยี่ยมด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.5 วินาที
สำหรับการออกแบบ แม้ว่าการออกแบบภาย นอกจะยังคงดีไซจ์นที่คุ้นเคย แข็งแกร่ง และสง่างามแบบในรุ่น Flying Spur เจเนอเรชันที่ 3 ซึ่งเปิดตัวในปี 2562 ได้เป็นอย่างดี แต่เครื่องยนต์รุ่นใหม่หมดจดที่จับคู่กับระ บบไฟฟ้าใหม่จะนำมาซึ่งชุดเทคโนโลยียานยนต์ที่ทันสมัยที่สุดที่จะขับเคลื่อนอัครยน ตรกรรมรุ่นใหม่รุ่นนี้
Flying Spur Speed ใหม่ยังมาพร้อมกับการออกแบบภายในที่ได้รับการพัฒนาด้วยตัวเลือกการเย็บแบบใหม่ การขึ้นรูปเพชรแบบ 3 มิติบริเวณแผงประตูและเสา และคุณสม บัติแบบ Wellness เพิ่มเติม อาทิ ระบบกรองอากาศด้วยการสร้างไอออนในอากาศอัจฉ ริยะ และตัวเลือกการปรับท่าทางอัตโนมัติบนเบาะโดยสารทั้ง 4 ที่นั่งที่จะมอบตัวเลือกที่หลากหลายยิ่งขึ้น
สมรรถนะที่สูงขึ้นกับอัตราการปล่อยมล พิษที่ต่ำลง
ขุมพลัง Ultra Performance Hybrid ของ Flying Spur Speed ผสานการทำงานของเครื่องยนต์รุ่น V8 ขนาด 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่ 600 แรงม้าเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า 190 แรง ม้า และระบบเกียร์คลัตช์คู่ 8 จังหวะ ได้อย่างแนบเนียน โดยในโหมดสปอร์ทขุมพลังสมรรถนะสูงกำลังจะส่งมอบพละกำลังเต็มสูบที่ 782 แรงม้า แรงบิด 1,000 นิวทันเมตร โดยแรงบิดแบบฉับพลันของมอเตอร์ไฟฟ้าจะช่วยเสริมจังหวะการขับเคลื่อนแบบครอสส์พเลนอันเป็นเสน่ห์ของเครื่องยนต์รุ่น V8 เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น Speed ก่อนหน้า Flying Spur Speed รุ่นใหม่ให้แรงบิดที่สูงขึ้นจากความเร็วเครื่องยนต์ที่ต่ำกว่า และตลอดช่วงรอบของเครื่องยนต์
Flying Spur Speed ใหม่มาพร้อมกับแรงบิด 1,000 นิวทันเมตร (738 ปอนด์-ฟุต) เพิ่มขึ้นมากกว่า 11 % เมื่อเทียบกับ Flying Spur Speed เครื่องยนต์รุ่น W12 ที่มีแรงบิด 900 นิวทันเมตร พละกำลังยังเพิ่มขึ้น 19 % จาก 659 แรงม้า เป็น 782 แรงม้า ทำให้ Flying Spur Speed ใหม่เป็นอัครยนตรกรรมแบบซีดานที่ทรงสมรรถนะที่สุดของ Bentley
เครื่องยนต์รุ่น V8 ใหม่ พละกำลัง 600 แรง ม้า แรงบิด 800 นิวทันเมตร ปราศจากระบบสุญญากาศแบบเดิม และแรงดันการฉีดเชื้อเพลิง 350 บาร์ (เพิ่มจาก 200 บาร์) ช่วยให้ การเผาไหม้สะอาดขึ้น และปล่อยไอเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น มอเตอร์ไฟฟ้าที่ช่วยลดอาการหน่วงของเทอร์โบ พร้อมด้วยเทอร์โบชาร์เจอร์สโครลเดี่ยวคู่จะช่วยลดความซับซ้อน และทำให้เครื่องยนต์ทำ งานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเพื่อลดการปล่อยไอเสีย ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ปิดการทำงานของกระบอกสูบ เนื่องจากระบบจะสามารถปิดเครื่องยนต์ได้ทั้งหมดเมื่อมีการใช้มอเตอร์ไฟฟ้า
ในโหมดไฟฟ้า (EV) E-Motor จะให้พละกำ ลัง 190 แรงม้า แรงบิด 450 นิวทันเมตร ซึ่งเพียงพอสำหรับการขับขี่ในเมือง ในขณะที่แบทเตอรีขนาด 25.9 กิโลวัตต์ชั่วโมงสามารถเดินทางได้สูงสุด 76 กม. ด้วยการใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ซึ่งเมื่อรวมระบบส่งกำลัง V8 และ E-Motor จะทำ ให้ Flying Spur ใหม่สามารถเดินทางได้ไกลกว่า 829 กม. โดยในโหมดไฟฟ้า (EV) แบบเต็มรูปแบบสามารถเดินทางด้วยความ เร็วสูงสุด 140 กม./ชม. ด้วยการใช้งานคันเร่ง 75 % สำหรับแบทเตอรีสามารถชาร์จจนเต็มได้ภายในเวลาเพียง 2¾ ชม. จากการพัฒนาของเครื่องชาร์จ และความจุแบทเตอ รีด้วยกำลังชาร์จสูงสุด 11 กิโลวัตต์
ระบบส่งกำลังสามารถจัดการการไหลเวียนของพลังงานโดยขึ้นอยู่กับโหมดที่เลือกดังนี้ โหมดพลังงานไฟฟ้า (EV), โหมดการเพิ่มพละกำลังไฟฟ้า, โหมดการเบรคแบบสร้างพลังงาน และโหมดการชาร์จที่เครื่องยนต์จะขับเคลื่อนล้อ และชาร์จแบทเตอรีไปพร้อมกัน
ระบบช่วงล่าง Bentley Performance Ac tive Chassis ถือเป็นคุณสมบัติมาตรฐานในรุ่น Flying Spur Speed ใหม่ พร้อมด้วยคุณ สมบัติที่ล้ำสมัยอื่นๆ อันได้แก่ Bentley Dynamic Ride และ All-Wheel Steering พร้อมด้วยเฟืองท้ายแบบ Limited Slip Differential ที่ควบคุมด้วยระบบอีเลคทรอนิคส์ ในขณะที่ซอฟต์แวร์ควบคุม ESC รุ่นใหม่ช่วยให้เข้าถึงรูปแบบการขับขี่ได้อย่างหลากหลาย และให้การยึดเกาะพื้นถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกสภาพถนน และด้วยการกระจายน้ำหนักที่เน้นไปทางด้านหลังที่ 48.3 : 51.7 ระบบช่วงล่าง และ ESC จึงมีพแลทฟอร์มที่จะปรับให้เหมาะสมเพื่อให้เกิดความสมดุล ซึ่งระบบนี้ใช้การกระจายแรงบิดแบบแอคทีฟจากด้านหน้าไปด้านหลังผ่านเฟืองกลาง และการกระจายแรงบิดอย่างแม่นยำผ่านแต่ละเพลาโดยใช้เบรค
Flying Spur Speed ใหม่ยังมาพร้อมกับระ บบกันสะเทือนแบบวาล์วคู่แบบใหม่ที่ล้ำสมัยช่วยให้ควบคุมการหน่วง การคืนตัว และการยุบตัวแยกจากกันได้ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถแยกความรู้สึกในด้านไดนามิคระ หว่างโหมด Comfort, Bentley และ Sport ได้อย่างชัดเจน การควบคุมตัวถังในโหมด Sport ในแบบรุ่นก่อนหน้ายังคงเช่นเดิม ในขณะที่ความสะดวกสบายในการขับขี่ในโหมด Comfort ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นอย่างมาก
การออกแบบที่ชัดเจน และโดดเด่น
รูปลักษณ์ความสปอร์ทที่เน้นสมรรถนะของ Flying Spur Speed ใหม่ได้รับการพัฒนาด้วยการใช้สีโทนเข้มที่จะทำให้ดูสปอร์ทและร่วมสมัย พร้อมด้วยกระจังหน้า กันชนหน้า และดิฟฟิวเซอร์ด้านหลังแบบใหม่เฉพาะรุ่น Speed ที่จะสร้างรูปลักษณ์ใหม่ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น และชุดแต่ง Styling Specification แบบแอโรไดนามิคที่รังสรรค์ขึ้นในเฉดสีเดียวกับตัวถัง พร้อมกับตัวเลือกเฉดสีคาร์บอนไฟเบอร์
นวัตกรรมใหม่ยังถูกถ่ายทอดผ่านไฟต้อน รับแบบ LED รุ่นใหม่ที่ติดตั้งใต้ประตูห้องโดยสาร ซึ่งจะฉายโลโก Bentley Wings แบบเคลื่อนไหวลงบนพื้นทุกครั้งที่เปิดประตูหน้าด้วยการใช้เทคโนโลยี “Light Sculpture” ที่เคยมีการใช้งานเป็นครั้งแรกในอัครยนตรกรรมรุ่น Batur (บาตูร์) จาก Bentley Mulliner (เบนท์ลีย์ มัลลิเนอร์)
ล้ออัลลอยขนาด 22 นิ้วแบบ Ten Swept Spoke ใหม่ มีให้เลือกสรร 2 เฉดสีในเฉดสีเทา-เงิน และเฉดสีดำ พร้อมด้วยล้ออัลลอยขนาด 22 นิ้วอีก 2 แบบที่มีให้เลือกในเฉดสีดำ สีเข้ม และเฉดสีบรอนซ์เงิน Pale Brod gar แบบเคลือบซาติน
ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง ผู้โดยสารสามารถเพลิดเพลินไปกับการออกแบบ และงานฝีมืออันเลื่องชื่อของ Bentley ด้วยการออกแบบเบาะโดยสารใหม่ทั้งหมดที่มีการเย็บลวยลายเพชรแบบ 3 มิติ และรูปแบบรอยปรุที่ได้รับการออกแบบใหม่ในส่วนตรงกลางของเบาะโดยสาร พร้อมกับการตก แต่งด้วยหนังขึ้นรูปเพชรแบบ 3 มิติ Tactile Precision บริเวณด้านในของประตูห้องโดย สารและเสา B และเพื่อให้เข้ากับการตกแต่งภายนอกด้วยวัสดุสีบรอนซ์เข้ม ภายในห้องโดยสารยังมีการตกแต่งด้วยโครเมียมสีเข้ม ซึ่งให้ความสวยงาม ร่วมสมัย และยังเพิ่มความเรียบง่ายให้แก่ภายในห้องโดยสาร การตกแต่งด้วยโครเมียมสีเข้มยังนำมาใช้กับบริเวณมือจับประตู สวิทช์ ตะแกรงลำ โพง และบริเวณอื่นๆ อีกรอบห้องโดยสาร พร้อมด้วยกราฟิคมาตรวัดสำหรับผู้ขับขี่ใหม่ที่ทำให้การออกแบบสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ในขณะที่ Bentley Rotating Display ที่มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลความละเอียดสูงขนาด 12.3 นิ้ว หน้าปัดแอนาลอก 3 หน้าปัด และแผงไม้วีเนียร์ยังคงเป็นตัวเลือกเพื่อเติมเต็มความสมบูรณ์แบบ
ผู้ครอบครองสามารถเลือกรูปแบบการออก แบบได้อย่างไร้ขีดจำกัด ซึ่งความต้องการของผู้ครอบครองในการรังสรรค์ Flying Spur ให้ไม่ซ้ำใคร ตรงตามรสนิยม และบุค ลิกของตนเองจะเน้นย้ำถึงความสามารถในการส่งพลังแห่งความเป็นไปได้อย่างในสโลแกน "The Power of the Possible"
นอกเหนือจากตัวเลือกเฉดสีกว่า 101 เฉดสี ผู้ครอบครองยังสามารถเลือกเฉดสีเดิมของเบนท์ลีย์ และเฉดสีพิเศษเพื่อให้ตรงกับความต้องการ สำหรับภายในห้องโดยสารมีตัวเลือกสีหนังหลัก 22 สี สีรอง 11 สี และรูปแบบสีอีก 4 รูปแบบ ซึ่งหมายความว่าเฉพาะหนังสามารถจับคู่เฉดสีได้มากกว่า 700 รูปแบบ พร้อมตัวเลือกรูปแบบการเย็บตะเข็บแบบตัดกัน การเดินด้าย หรือคุณสมบัติพิ เศษอื่นๆ การตกแต่งด้วยหนังยังมาพร้อมกับรูปแบบการตกแต่งพร้อมกับตัวเลือกวีเนียร์ 8 แบบ และการตกแต่งทางเทคนิคอีก 3 แบบ ซึ่งสามารถเลือกตกแต่งแบบเดี่ยว หรือแบบคู่ และยังสามารถเลือกรังสรรค์เฉดสีให้เข้ากับเฉดสีหนังภายใน หรือภาย นอกได้เช่นกัน
Flying Spur ใหม่มีระบบเสียงให้เลือก 3 ระ บบอย่างระบบมาตรฐานมีลำโพง 10 ตัว และกำลังไฟ 650 วัตต์ ระบบเครื่องเสียงจาก Bang & Olufsen 1,500 วัตต์ ประกอบด้วย 16 ลำโพงพร้อมตะแกรงลำโพงเรืองแสงสำหรับลูกค้าที่ชื่นชอบไลฟ์สไตล์ และระบบเครื่องเสียงจาก Naim 2,200 วัตต์ 19 ลำโพง พร้อม Active Bass Transducers ที่ติดตั้งในเบาะโดยสารด้านหน้า และโหมดเสียง 8 โหมดสำหรับผู้ที่รักในเสียงเพลงอย่างแท้จริง นอกจากนี้ กระจกอะคูสติคแบบลามิเนทที่ติดตั้งบริเวณกระจกหน้ารถและกระจกข้างจะช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอกลง 9 เดซิเบล เมื่อเทียบกับกระจกแบบธรรมดา
ความสะดวกสบาย Wellness และความปลอดภัย
Flying Spur Speed เจเนอเรชันที่ 4 มาพร้อมกับระบบไฟฟ้ารุ่นล่าสุด ซึ่งจะช่วยยกระดับเทคโนโลยีอินโฟเทนเมนท์ และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี ผลลัพธ์ที่ได้คือประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้นในแง่ของ Wellness ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ระ บบอินโฟเทนเมนท์ และการเชื่อมต่อภายในห้องโดยสาร
นับเป็นครั้งแรกสำหรับ Flying Spur ที่มาพร้อมกับตัวเลือกในการติดตั้ง Wellness Seating Specification สำหรับเบาะโดย สารทั้ง 4 ที่นั่ง ซึ่งตัวเลือกพิเศษนี้ประกอบไปด้วยระบบปรับอุณหภูมิ และปรับท่าทางบนเบาะโดยสารแบบอัตโนมัติ โดยระบบจะตรวจวัด และรักษาอุณหภูมิของร่างกายให้เหมาะสมด้วยการปรับอุณหภูมิ ระบายอา กาศแบบแบ่งโซน และปรับแรงกดบนกล้ามเนื้อของผู้โดยสารอย่างนุ่มนวลเพื่อลดความเมื่อยล้าขณะเดินทาง
จอแสดงผลสภาพแวดล้อมบริเวณแผงหน้าปัดของผู้ขับขี่รองรับ และสามารถเปิดใช้งานการขับขี่ในโหมดกึ่งช่วยเหลือ โดยระ บบจะแสดงให้ผู้ขับขี่เห็นว่าตัวรถตอบสนองต่อรถคันอื่นอย่างไร โดยการที่รถยนต์สามารถวิเคราะห์สภาพแวดล้อมโดยรอบทำให้ผู้ขับขี่สามารถใช้ระบบช่วยจอดอัจฉ ริยะ ซึ่งเป็นระบบจอดรถยนต์แบบอัตโนมัติรุ่นล่าสุด พร้อมระบบควบคุมความเร็วได้
Flying Spur Speed ใหม่ยังมาพร้อมกับการยกระดับ Wellness และความสะดวกสบายของผู้ขับขี่ และผู้โดยสารด้วยระบบปรับอา กาศที่มาพร้อมกับเครื่องฟอกอากาศไอออนไนเซอร์ ตัวกรองอนุภาคใหม่ และหน้าจอแสดงผลคุณภาพอากาศภายนอก และภายในห้องโดยสาร ซึ่งระบบเหล่านี้ยังช่วยปรับให้ระบบทำงานประสานกับระบบนำทางด้วยดาวเทียมของรถ ทำให้ทราบว่าในทันทีว่าเมื่อใดจึงจำเป็นต้องปรับคุณภาพอากาศภายในห้องโดยสาร (เช่น การหมุนเวียนอา กาศภายในห้องโดยสารเมื่ออยู่ในอุโมงค์)