ธุรกิจ
ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์
Honda แนะนำ HR-V E:HEV ไมเนอร์เชนจ์
Honda (ฮอนดา) แนะนำ HR-V E:HEV (เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี) ไมเนอร์เชนจ์ คุ้มค่า พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของได้ง่ายกว่าเดิม ด้วยราคาพิเศษช่วงเปิดตัว เริ่มต้นเพียง 89X,XXX บาท เปิดให้จองสิทธิ์ พร้อมมอบข้อเสนอพิเศษ ฟรีบัตรน้ำมันมูลค่า 5,000 บาท สำหรับลูกค้าที่ลงทะเบียนจองสิทธิ์เพื่อเป็นเจ้าของตั้งแต่ 10 กันยายน-27 พฤศจิกายน 2567 และรับรถตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน-31 ธัน วาคม 2567*
บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เผยสเปค Honda HR-V E:HEV รุ่นไมเนอร์เชนจ์ ยกระดับความคุ้มค่าอีกขั้น ด้วยราคาประมาณการ ทั้ง 3 รุ่นย่อย เริ่มต้นที่
• รุ่น E:HEV E ขยายฐานลูกค้าไปหลากหลายกลุ่ม เพื่อให้เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น คุ้มค่า ด้วยราคาแนะนำช่วงเปิดตัว เพียง 89X,XXX บาท*** จำนวนจำกัด เมื่อจอง และรับรถตั้งแต่ 28 พฤศจิกา ยน-31 ธันวาคม 2567*
• รุ่น E:HEV EL เพิ่มฟังค์ชันที่เติมเต็มทุกการใช้งาน ด้วยราคาประมาณการ 1,0XX,XXX บาท***
• รุ่น E:HEV RS ดีไซจ์นเอกซ์คลูซีฟ พร้อมฟังค์ชันการใช้งานครบครัน ด้วยราคาประมาณการ 1,1XX,XXX บาท***
พร้อมอัพลุคความสปอร์ทพรีเมียมทั้งภายนอก และภายใน และเพิ่มเติมหลากหลายฟังค์ชันเพื่อตอบโจทย์การใช้งาน และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่หลากหลายได้อย่างลงตัว
มาพร้อมข้อเสนอพิเศษ สำหรับลูกค้าที่สนใจลงทะเบียนจองสิทธิ์เพื่อเป็นเจ้าของ ตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน-27 พฤศจิกายน 2567 พร้อมทำการจอง และรับรถตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน-31 ธันวาคม 2567* รับฟรี บัตรเติมน้ำมันมูลค่า 5,000 บาท* โดยมาพร้อมข้อเสนอดอกเบี้ยพิเศษ* สำหรับเจ้าของรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ Honda และครอบครัว (Honda Loyalty) รวมถึงแคมเปญ “Honda Happy Trade-in” ขายรถคันเดิมเพื่อออกรถยนต์ Honda HR-V E:HEV ใหม่ รับเพิ่มบัตรน้ำมันสูงสุด 30,000 บาท* และข้อเสนอพิเศษอื่นๆ ที่มอบความคุ้มค่าให้แก่ลูกค้า เมื่อจอง และรับรถตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2567-28 กุมภาพันธ์ 2568* พร้อมประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 และเปิดให้ลูกค้าได้สัมผัสเป็นครั้งแรกที่บูท Honda ในงาน Motor Expo 2024 และโชว์รูม Honda ทั่วประเทศ
Honda HR-V E:HEV ใหม่ อัพลุคความสปอร์ตแกร่งสไตล์เอสยูวีไปอีกขั้น
ดีไซจ์นภายนอกโดดเด่นด้วยการออกแบบด้านหน้าดีไซจ์นใหม่ ที่มาพร้อมกับกระจังหน้าใหม่ ที่สะท้อนความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะรุ่น
ไฮไลท์ดีไซจ์นภายนอก รุ่น E:HEV RS
• ใหม่ ! การออกแบบด้านหน้าดีไซจ์นใหม่ ยกระดับความสปอร์ทแกร่งยิ่งขึ้น ที่มาพร้อมกับกระจังหน้าโครเมียมแบบสปอร์ทในดีไซจ์นใหม่ พร้อมสัญลักษณ์ RS
• ใหม่ ! ไฟท้ายแบบ LED Light Strip ดีไซจ์นใหม่ สี Smoke เสริมความสปอร์ทโดดเด่นยิ่งขึ้น
• ใหม่ ! ล้ออัลลอยดีไซจ์นสปอร์ทขนาด 18 นิ้ว กับสีใหม่ สีดำ Berlina Black แบบ Diamond Cut
ไฮไลท์ดีไซจ์นภายนอก รุ่น E:HEV EL และรุ่น E:HEV E
• ใหม่ ! การออกแบบด้านหน้าดีไซจ์นใหม่ ยกระดับความสปอร์ทแกร่งยิ่งขึ้น ที่มาพร้อมกับกระจังหน้าใหม่ สีเดียวกับตัวรถ
โดยมาพร้อมสีภายนอกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีใหม่ ! สีกากีแซนด์ (มุก) ที่มาพร้อมหลังคาสีดำสไตล์ทูโทน (เฉพาะรุ่น E:HEV EL และ E:HEV RS) สีแดงอิกไนท์ (เมทัลลิค) ที่มาพร้อมหลังคาสีดำสไตล์ทูโทน (เฉพาะรุ่น E:HEV RS) พร้อมด้วยสีขาวพรีเมียมซันไลท์ (มุก) สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิค) สีขาวแพลทินัม (มุก) และสีดำคริสตัล (มุก)
ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง โปร่งโล่ง สะดวกสบายทุกที่นั่ง พร้อมเพิ่มเติมฟังค์ชันการใช้งานใหม่ในทุกรุ่นย่อย ได้แก่
• ใหม่ ! การออกแบบคอนโซลกลางใหม่ ด้วยการแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนทั้งส่วนบน และส่วนล่าง โดยมาพร้อมช่องเก็บของพร้อมถาดอเนกประสงค์ มอบความสะดวกสบายยิ่งขึ้นในการใช้งาน
• ใหม่ ! ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple Car Play และ Android Auto แบบไร้สาย และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto
• มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว พร้อม ใหม่ ! จอแสดงไฟเบรค
• ใหม่ ! อัพเกรดช่องเชื่อมต่อ USB เป็นทั้งหมด 4 ตำแหน่ง ในทุกรุ่นย่อย โดยมาพร้อมช่องเชื่อมต่อ USB Type-C จำนวน 3 ช่อง (ด้านหน้า 1 ช่อง และด้านหลัง 2 ช่อง) และช่องเชื่อมต่อ USB Type-A ด้านหน้า จำนวน 1 ช่อง
สะดวกสบายกับเทคโนโลยี และฟังค์ชันการใช้งานล้ำสมัย** ที่ตอบโจทย์สมาร์ทไลฟ์สไตล์ อาทิ
• ฝากระโปรงท้ายไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี พร้อมระบบปิดอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Hands-Free Power Tailgate with Walk Away Close)
• ใหม่ ! รุ่น E:HEV EL เพิ่มเบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง
• ใหม่ ! รุ่น E:HEV EL เพิ่มอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger)
• ใหม่ ! รุ่น E:HEV EL และรุ่น E:HEV E อัพเกรดช่องเชื่อมต่อ USB เป็นทั้งหมด 4 ตำแหน่ง โดยมาพร้อมช่องเชื่อมต่อ USB Type-C จำนวน 3 ช่อง (ด้านหน้า 1 ช่อง และด้านหลัง 2 ช่อง) และช่องเชื่อมต่อ USB Type-A ด้านหน้า จำนวน 1 ช่อง
• ใหม่ ! รุ่น E:HEV EL และรุ่น e:HEV E แผงบังแดดคู่หน้าพร้อมกระจกส่องหน้าแบบมีฝาปิด มาพร้อมไฟส่องสว่าง
• ใหม่ ! รุ่น E:HEV E เพิ่มช่องปรับอากาศตอนหลัง
• ใหม่ ! รุ่น E:HEV E เพิ่มจำนวนลำโพงเป็น 6 ตำแหน่ง
มั่นใจยิ่งขึ้นในทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย และเทคโนโลยีการขับขี่ระดับพรีเมียม**
• ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda Sensing ที่เพิ่มเติมฟังค์ชันใหม่ ! ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ (Adaptive Driving Beam: ADB) (รุ่น E:HEV RS)
• ใหม่ ! ไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (Active Cornering Light: ACL) (รุ่น E:HEV RS)
• ใหม่ ! เซนเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด (รุ่น E:HEV RS)
• ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Descent Control: HDC)
• ระบบเบรคมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake)
• ระบบ Auto Brake Hold
• ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda Lane Watch) (รุ่น E:HEV EL และรุ่น E:HEV RS)
ทุกรุ่นย่อย มาพร้อมระบบขับเคลื่อนฟูลล์ไฮบริด E:HEV ที่มอบสมรรถนะทรงพลังจากการทำงานร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ในระบบเกียร์อัตโนมัติ E-CVT กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมด้วยแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน ตอบสนองทันใจ มั่นใจในทุกการออกตัวกับแรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 253 นิวทันเมตร ที่ 0-3,500 รตน. ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมสูงสุดถึง 25.6 กม./ลิตร และมีอัตราการปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 94 กรัม/กม. ให้คุณก้าวสู่ทุกจุดหมายได้อย่างอิสระ พาคุณไปได้ไกลกว่า 800 กม. ด้วยน้ำมันเพียง 1 ถัง****
เตรียมพบกับการประกาศราคา และเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Honda HR-V E:HEV ใหม่ ในวันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน 2567 ผ่านทาง Live ถ่ายทอดสดออนไลน์ทางออฟฟิเชียลแอคเคานท์ "Honda Thailand" ในช่องทาง Facebook, YouTube Channel, TikTok และ Instagram ตั้งแต่เวลา 12:45 น. เป็นต้นไป พร้อมให้ลูกค้าได้สัมผัสทั้งที่บูท Honda ในงาน Motor Expo 2024 และที่โชว์รูม Honda ทั่วประเทศ
หมายเหตุ:
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับที่ปรึกษาการขายโชว์รูม Honda ทั่วประเทศ
**อุปกรณ์มาตรฐานแตกต่างกันในแต่ละรุ่น
***ราคาประมาณการยังไม่รวมราคาสีพิเศษ (มุก) และหลังคาสีดำ (ทูโทน)
****ตัวเลขระยะทางที่แสดงข้างต้น อ้างอิงและไม่เกินจากการคำนวณตาม Eco Sticker (ขึ้นอยู่กับสภาพถนน และพฤติกรรมการขับขี่ของแต่ละบุคคล)
TOAVH กางแผนธุรกิจสร้างรายได้ 1.1 หมื่นล้าน
TOAVH กางแผนธุรกิจสร้างรายได้ 1.1 หมื่นล้าน ตั้งเป้าโต 5 % เตรียมทุ่มงบ 650 ล้านบาท สยายปีกสู่ธุรกิจสีเขียว ปักหมุดตั้งโรงงานสีฝุ่นแห่งใหม่ ขึ้นแท่นผู้นำกำลังการผลิตสูงสุดในไทย พร้อมต่อยอดธุรกิจดีเลอร์รถยนต์ รุกตลาดรถไฟฟ้า จับมือ 5 พันธมิตรแบรนด์จีน ร่วมสร้างความแข็งแกร่งธุรกิจรักษ์สิ่งแวดล้อม
ณัฏฐวุฒิ ตั้งคารวคุณ ประธาน กลุ่มบริษัทในเครือ TOA Venture Holding (TOAVH Group) เปิดเผยว่า ในปี 2567 ทาง TOAVH มีนโยบายที่จะขยายธุรกิจสู่การเติบโตที่แข็งแกร่ง และมั่นคง โดยให้ความสำคัญกับแนวคิด “ดีต่อสุขภาพ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” ด้วยการพัฒนานวัตกรรมด้านการผลิต และการเลือกสรรผลิตภัณฑ์ และบริการที่ให้ความปลอดภัยต่อสุขภาพของผู้บริโภค และดีต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการตอบสนองต่อความต้องการสูงสุดของผู้บริโภคคนไทยอย่างแท้จริง
ดังนั้น เพื่อรองรับแนวคิด และนโยบายดังกล่าว ทาง TOAVH ได้ขยายการลงทุนในธุรกิจสีเขียวของกลุ่มบริษัทในเครือ ด้วยงบประมาณด้านการลงทุน รวมทั้งสิ้น 650 ล้านบาท โดยแบ่งการลงทุนด้านต่างๆ ดังนี้
1. กลุ่มธุรกิจสีอุตสาหกรรม และชิ้นส่วนยานยนต์ ได้ขยายการลงทุนในส่วนของ TOA Performance Coating Corporation (TOAPC) โดยตั้งโรงงานผลิตสีฝุ่น (Powder Coating) แห่งใหม่ ที่นิคม อุตสาหกรรมเอเซีย (สุวรรณภูมิ) บนพื้นที่ 10 ไร่ รวมมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้น 300 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตได้อย่างเป็นทางการ ภายในปี 2569 ซึ่งโรง งานแห่งใหม่นี้ จะมีกำลังการผลิตเบื้องต้นอยู่ที่ 3,000 ตัน/ปี
พร้อมกันนี้ ได้ขยายการลงทุนอีก 130 ล้านบาท ในโรงงาน TOAPC ปัจจุบัน ที่สมุทรปราการ ด้วยการติดตั้งเครื่องจักรใหม่ ที่มีเทคโนโลยีอันทันสมัย เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตสีฝุ่นสำหรับรองรับความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน หลังติดตั้งครื่องจักรแล้วเสร็จ โรงงานแห่งนี้ จะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 6,000 ตัน/ปี และจากการลงทุนในครั้งนี้ จะส่งผลทำให้ TOAPC มีกำลังผลิตรวมทั้งสิ้น 9,000 ตัน/ปี นับเป็นผู้ผลิตสีฝุ่นที่มีกำลังผลิตสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย
ปัจจุบัน ผู้บริโภคให้ความสนใจผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัย และดีต่อสุขภาพ ทั้งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซี่งผลิตภัณฑ์สีฝุ่น เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยช่วยลดสารระเหย (VOCs) และลดการปล่อยแกสเรือนกระจก (CO2) มากถึง 40 % เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์สีน้ำมัน ทั้งช่วยลดค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้บริโภค อีกด้วย ทำให้ความต้องการผลิตภัณฑ์สีฝุ่นโดยรวม มีการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปีๆ ละ 10 % คิดเป็นมูลค่า 3,000 ล้านบาท หรือประมาณ 30,000 ตัน/ปี
ด้วยเหตุนี้ ทาง TOAVH ได้เล็งเห็นความสำคัญของตลาดสีฝุ่นที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จึงได้ทุ่มงบการลงทุนด้านการผลิตในธุรกิจดังกล่าว เพื่อขยายฐานการผลิตสำหรับรองรับความต้องการของผู้บริโภค ควบคู่การสร้างความแข็งแกร่ง และโอกาสในการเติบโตสู่ความเป็นผู้นำตลาดสีฝุ่นต่อไปในอนาคต
2. กลุ่มธุรกิจผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ ภายใต้ชื่อ “ไพรม์มัส กรุ๊ป” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งธุรกิจหลักของ TOAVH ได้มุ่งเน้นขยายธุรกิจสู่ตลาดรถยนต์กลุ่ม EV โดยให้ความสำคัญกับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่มีเทค โนโลยีล้ำสมัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในปีนี้ TOAVH ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าของจีน จำนวน 5 แบรนด์ ได้แก่ Zeekr (ซีเคอร์), Deepal (ดีพอล), MG (เอมจี), Omoda & Jaecoo (โอโมดา แอนด์ แจคู) และ Aion (ไอออน) ซึ่งล้วนเป็นแบรนด์รถยนต์ระดับชั้นแนวหน้า ที่มีศักยภาพด้านการแข่งขัน โดยมีศูนย์วิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์, โรงงานผลิตยานยนต์ และผลิต ภัณฑ์สำหรับรองรับความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างหลากหลาย ซึ่งการขยายธุรกิจในครั้งนี้ จะสร้างความแข็งแกร่ง และมั่นคงอย่างยั่งยืนให้แก่ธุรกิจในกลุ่มผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ได้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ได้ขยายการลงทุนในธุรกิจดังกล่าวด้วยเม็ดเงิน 220 ล้านบาท สำหรับการก่อสร้างโชว์รูม-ศูนย์บริการแห่งใหม่ของ Zeekr จำนวน 1 แห่ง บนถนนราชพฤกษ์ และการปรับโฉมโชว์รูม-ศูนย์บริการ จำนวน 6 แห่ง รวมทั้งโชว์รูม MG Evolution เพื่อรองรับการขยายธุรกิจสู่แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าทั้ง 5 แบรนด์ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าคนไทยอย่างครบถ้วน และครบวงจร ส่งผลทำให้คาดการณ์ว่า ปีนี้ ธุรกิจผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ จะมียอดขายสะสมโดยรวมเพิ่มขึ้น 10 % หรือคิดเป็นรายได้ เติบโตเพิ่มเป็น 7 %
“ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และได้รับความนิยมจากผู้บริโภคคนไทยเป็นจำนวนมาก โดยในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า BEV มียอดจดทะเบียนสะสมรวม 69,047 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 17.4 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ขณะที่ยอดจดทะเบียนสะสมโดยรวม-สิงหาคม 2567 มีตัวเลขสูงถึง 200,109 คัน จากตัวเลขดังกล่าว สะท้อนถึงความสนใจของผู้บริโภคที่มีต่อรถยนต์ไฟฟ้า ที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรม และเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ทั้งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อันแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ตระหนัก และมีความรับผิดชอบสิ่งแวด ล้อมเพิ่มมากขึ้น”
ณัฏฐวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการขยายการลงทุนธุรกิจสีเขียวในครั้งนี้ จะส่งผลทำให้ธุรกิจในเครือของ TOAVH มีผลิตภัณฑ์ และบริการสำหรับรองรับความต้องการของตลาดโดยรวมมากขึ้น ทั้งสร้างการเติบโต และความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจเป็นอย่างมาก โดยปีนี้ ทาง TOAVH ตั้งเป้ารายได้ 11,000 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 5 % เมื่อเทียบกับปี 2566 แบ่งสัดส่วนรายได้ของกลุ่มธุรกิจสีอุตสาหกรรม และชิ้นส่วนยานยนต์ อยู่ที่ 40 % คิดเป็นมูลค่า 4,400 ล้านบาท, กลุ่มธุรกิจผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ สัดส่วน 50 % คิดเป็นมูลค่า 5,500 ล้านบาท และกลุ่มธุรกิจอื่นๆ อีก 10 % คิดเป็นมูล ค่า 1,100 ล้านบาท
Great Wall Motor ปรับกลยุทธ์สู้ศึกรถจีน
Great Wall Motor (ประเทศไทย) ย้ำชัด ยังคงเดินหน้าดำเนินธุรกิจในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง และในระยะยาว ท่ามกลางความท้าทายของอุตสาหกรรมยานยนต์ และสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ประกาศจุดยืน “ประเทศไทย” เป็นประเทศยุทธศาสตร์ในภูมิภาคอาเซียน และตลาดรถยนต์พวงมาลัยขวาของ Great Wall Motor (กเรท วอลล์ มอเตอร์) ภายใต้ "Great Wall Motors International"
เจมส์ หยาง รองประธาน Great Wall Motor ตลาดต่างประเทศ กล่าวว่า Great Wall Motor ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาครบ 3 ปีเต็ม และกำลังจะก้าวเข้าสู่ปีที่ 4 พร้อมความมุ่งมั่นตั้งใจในการนำผลิตภัณฑ์ และบริการที่มีคุณภาพสู่มือผู้บริโภคชาวไทย ภายใต้ความท้าทายของอุตสาหกรรมรถยนต์ และสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ทำให้เราต้องมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจให้ตอบโจทย์คนไทยให้มากที่สุด
กลยุทธ์สำคัญ 3 ด้าน ที่ปรับปรุง และพัฒนาความสามารถในการแข่งขันภายใต้ภาวะการณ์ที่ท้าทายในปัจจุบัน เพื่อให้ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยได้อย่างแข็งแกร่ง และมั่นคง สร้างรากฐานเพื่อเติบ โตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ประกอบด้วย
ด้านผลิตภัณฑ์ Great Wall Motor จะมีการปรับกลยุทธ์การวางแผนผลิตภัณฑ์ที่จะนำมาจำหน่ายในประเทศไทย เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าชาวไทย รวมถึงการนำผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีเทคโนโลยีของระบบขับเคลื่อนแห่งอนาคต (Powertrain) อันหลากหลายเข้าสู่ตลาด นอกจากนี้ Great Wall Motor จะลงทุนเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง และใช้ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่มีคุณภาพในประเทศให้มากขึ้น เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการผลิต และส่งออกที่สำคัญของรถยนต์พวงมาลัยขวา และซ้ายของ Great Wall Motor ไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกอีกด้วย
ด้านบริการหลังการขาย Great Wall Motor มีการยกระดับมาตรฐานศูนย์บริการซ่อมตัวถัง และสีผ่านโครงการ “Certified Body and Paint” โดยมีพาร์ทเนอร์ สโตร์ จำนวน 6 แห่ง ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่ผ่านการรับรองจาก Great Wall Motor เพื่อมอบความมั่นใจในคุณภาพงานซ่อมให้แก่ลูกค้า โดยในอนาคต บริษัทฯ วางแผนที่จะขยายโครงการดังกล่าวไปยังจังหวัดต่างๆ ให้ครอบ คลุมทั่วประเทศอีกด้วย สำหรับด้านการบริหารจัดการอะไหล่ Great Wall Motor ยังมีแผนในการสร้างโรงเก็บอะไหล่ขนาดใหญ่ในประเทศจีน เพื่อรองรับความต้องการอะไหล่จากตลาดต่างประเทศรวมถึงประเทศไทย ทำให้การจัดส่งอะไหล่ที่ต้องนำเข้าจากประเทศจีนเป็นไปอย่างรวด เร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ Great Wall Motor ได้มีการพัฒนาการบริการส่งอะไหล่ไปยังศูนย์บริการทั่วประเทศได้ภายใน 1 วัน รวมถึงมีแผนในการขยายคลังเก็บอะไหล่ในประเทศไทย เพื่อรองรับการเพิ่มขึ้นของจำนวนรถยนต์ และรถรุ่นใหม่ๆ ที่จะเปิดตัวในอนาคต รวมถึงการจัดหาผู้ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ภายในประเทศให้มากยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการอะไหล่ของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
ด้านการพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่าย ถึงแม้ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา Great Wall Motor จะเผชิญกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงแนวทางการดำเนินธุรกิจของผู้จำหน่ายหลายราย ซึ่งเป็นผลจากภาวะการแข่งขันสูง และการเข้ามาของแบรนด์ใหม่ๆ อย่างไรก็ตาม เรายังคงเดินหน้าในการขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายในการให้บริการลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบัน Great Wall Motor มีเครือข่ายผู้จำหน่ายทั้งสิ้น 71 แห่ง โดยในปี 2567 นี้ เรามีการเปิดพาร์ทเนอร์ สโตร์ เพิ่มเติมไปแล้วถึง 11 แห่ง ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และต่างจัง หวัด ได้แก่ GWM ไลฟ์ นนทบุรี, GWM GT Auto พัฒนาการ, GWM มหานคร พหลโยธิน กม. 25, GWM เอก อารีย์, GWM บางกอก ถนนจันทน์, GWM คาร์แมน วงศ์สว่าง, GWM ฑีฆ อุดรธานี, GWM อนุภาษ ภูเก็ต กะทู้, GWM YAD ยะลา, GWM ระยองปลวกแดง และ GWM ชูเกียรติ สงขลา นอกจากนี้ เรายังคงเดินหน้าขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าในการส่งมอบผลิตภัณฑ์ และบริการที่มีคุณ ชภาพสู่มือผู้บริโภคชาวไทยทั่วประเทศ
"เราเชื่อว่ากลยุทธ์ทั้ง 3 ด้านของเราจะทำให้ Great Wall Motor มีความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว เราขอยืนยันว่า การดำเนินธุรกิจในประเทศไทยจะยังคงดำเนินต่อไปด้วยความมั่นคง และแข็งแกร่ง ทั้งด้านการขาย และบริการหลังการขาย เรามีความเชื่อมั่นในศักยภาพของตลาดประเทศไทย และผู้บริโภคชาวไทย และประเทศไทย ถือเป็นประเทศยุทธศาสตร์ที่ Great Wall Motor ให้ความสำคัญเสมอมา เรายังคงมุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมไทยให้เติบโตอย่างมั่นคง และผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิต และส่งออกรถยนต์ที่สำคัญของ Great Wall Motor ในระดับโลก เราจะเติบโตไปพร้อมกับคนไทย และประเทศไทยในระยะยาวอย่างแน่นอน”
จงเซิน อินดัสเทรียลกรุ๊ป เปิดตัว Cyclone
จงเซิน อินดัสเทรียลกรุ๊ป ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมเครื่องยนต์ และจักรยานยนต์ของจีน ประกาศเดินหน้าบุกตลาดไทยเต็มกำลัง ภายใต้ บริษัท จงเซิน แมชชินเนอรี แมนูแฟคเจอริ่ง (ไทยแลนด์) จำ กัด ประเดิมส่ง Cyclone RA401 (ไซโคลน อาร์เอ 401) จักรยานยนต์ครูเซอร์ระดับพรีเมียม เปิดเกมรุกสร้างแบรนด์ ควบคู่กับจุดแกร่งด้วยบริการหลังการขายที่เชื่อมั่นได้ "มีอะไหล่ไม่ต้องรอ" และ "Cyclone Assistance" เป็นหมัดเด็ดพิชิตใจลูกค้า เผยแผนในอนาคตเตรียมผลักดันไทยสู่ฮับผลิต และส่งออกในภูมิภาคอาเซียน
Gao Zhan ผู้จัดการทั่วไป บริษัท จงเซิน แมชชินเนอรี แมนูแฟคเจอริ่ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2006 และก่อตั้งโรง งานในปี 2011 เพื่อผลิตรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กภายใต้แบรนด์ของ จงเซิน ในการจำหน่ายในประเทศ ต่อมาเมื่อตลาดมีความความต้องการรถจักรยานยนต์ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ทางบริษัทจึงได้ก่อตั้งแบรนด์ Cyclone ในปี 2016 โดยมุ่งเน้นในการพัฒนารถจักรยานยนต์ที่มีดีไซจ์นสวยงาม สมรรถนะที่ดีเยี่ยม และคุณภาพที่มั่น คง รวมทั้งตั้งใจที่จะทำให้แบรนด์ Cyclone ก้าวไปสู่ระดับโลก โดยมีโรงงานที่ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง และครอบคลุมกลุ่มอาเซียน ขยายไปสู่ยุโรป และอเมริกา ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา แบรนด์ Cyclone ได้พัฒนารถหลากหลายประเภท ทั้งแนว Touring, Retro, Cruiser, Scooter และแนวสปอร์ท โดยมีขนาดเครื่องยนต์ตั้งแต่ 150-650cc และในอนาคตจะมีรุ่นที่มีขนาดใหญ่กว่าออกมาในตลาดเพิ่มเติม โดยโรงงานที่ไทยจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Cyclone อย่างน้อย 1-2 รุ่น/ปี
ในปี 2024 บริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะประกาศการดำเนินธุรกิจ และทำตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการด้วย Cyclone แบรนด์จักรยานยนต์ไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียม กับรุ่นเรือธง Cyclone RA401 สุดยอดจักรยานยนต์ Advanced Classic Cruiser ตัวจริงสไตล์อเมริกัน ดีไซจ์นโดดเด่นสุดคลาสสิคอย่างเหนือระดับ มาพร้อมกับเทคโนโลยี และฟังค์ชันที่ทันสมัยมากขึ้น กับเครื่องยนต์ขุมกำลัง 401CC 44.25 แรงม้า สามารถขับขี่ได้ทั้งในเมือง หรือการออกทริพทางไกล ด้วยสมรรถนะที่พร้อมลุยกับทุกสภาพพื้นผิวถนน มุ่งทะยานไปข้างหน้าได้อย่างมั่นใจ
สำหรับรถจักรยานยนต์ Cyclone RA401 ประเภทเครื่องยนต์ 8 วาล์ว 2 สูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ปริมาตรกระบอกสูบ 401 ซีซี, ความเร็วสูงสุด 155 กม./ชม. พละกำลังสูงสุด 44.25 แรงม้า หรือ 33 กิโลวัตต์ ที่ 9,500 รตน. แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 37 นิวทันเมตรที่ 8,000 รตน. ระบบหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงอีเลคทรอนิคส์ (EFI) จาก Bosch, ท่อไอเสียแบบคู่ทรงตอปิโด มีความเท่ และคลาสสิค, คลัทช์ F.C.C. แบบ Slipper Clutch ช่วยให้การขับขี่ในทุกจังหวะสมูธ ไม่กระชาก, ระบบเกียร์ 6 จังหวะ, เพิ่มความปลอดภัยสูงสุดด้วยระบบเบรค ABS แบบ Dual-Channel, ระบบความปลอดภัย TCS (Traction Control System) ป้องกันการลื่นไถล และล้อฟรี ส่วนการดีไซจ์นก็มีความโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นเฟรมอลูมิเนียมอัลลอย, ล้อแมกทั้งล้อหน้า และล้อหลัง โดยขนาดยางหน้าอยู่ที่ 120/80-70 ขนาดยางหลังอยู่ที่ 150/70-17 มีไฟหน้า Full LED รอบคัน, จอ TFT Full Color ปรับแสงอัตโนมัติ และสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน มาพร้อมถังน้ำมันทรงหยดน้ำขนาดใหญ่ความจุ 17 ลิตร รับประกันเครื่องยนต์ 5 ปี หรือ 50,000 กม. อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน Cyclone RA401 มีสีให้เลือกถึง 4 สีสะท้อนตัวตนของผู้ขับขี่ ทั้ง Legend Black สีดำ-Gunmetal Gray สีเทา-Jungle Green สีเขียว และ Cornsilk White สีขาว โดยราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Cyclone RA401 อยู่ที่ 189,900 บาท
พลาดไม่ได้กับแคมเปญสุดพิเศษช่วงเปิดตัว สำหรับลูกค้า 100 ท่านแรกที่จอง Cyclone RA401 จะได้รับ Gift Voucher มูลค่า 10,000 บาท และฟรีชุดแต่ง มูลค่า 10,000 บาท
เกา จาน กล่าวเสริมเพื่อความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคไทยอีกว่า บริษัท จงเซิน แมชชินเนอรี แมนูแฟคเจอริ่ง (ไทยแลนด์) จำกัด มีจุดแข็ง คือ เรื่องบริการหลังการขาย "มีอะไหล่ไม่ต้องรอ" บริษัท จงเซิน อินดัสเทรียลกรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเรานั้น ผลิตรถจักรยานยนต์ เครื่องยนต์ ส่วนประกอบ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และผลิตชิ้นส่วนเองเกือบทุกชิ้น
บริษัทฯ จึงมีสตอคอะไหล่ในทุกรุ่นอย่างเพียงพอ ทำให้ลูกค้าสามารถมั่นใจได้ว่าหากต้องซ่อม หรือเปลี่ยนอะไหล่หลังจากใช้งานผ่านไปเป็นเวลานาน ก็ยังมีอะไหล่ที่พร้อมให้บริการได้ทันท่วงที ไม่ต้องรอนานเหมือนกับที่ลูกค้าหลายแบรนด์ในตลาดที่ต้องเจอปัญหานี้ และปัจจุบันเรามีดีเลอร์ครอบคลุมทั่วประเทศ 50 แห่ง และมีจุดบริการครอบคลุมมากกว่า 300 แห่งทั่วประ เทศ และเราเองมีแผนขยายดีเลอร์ผู้แทนจำหน่าย และจุดบริการให้มากขึ้น รวมถึงมีแผนจะเปิดโชว์รูมของตัวเองเพื่อให้ลูกค้าสัมผัสกับตัวสินค้าด้วยประสบการณ์จริงในลำดับต่อไป
ด้านบริการ Cyclone Assistance เป็นบริการที่บริษัทฯ ตั้งใจมอบให้แก่ลูกค้าของ Cyclione บริการผู้ช่วยส่วนตัวช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. นาน 2 ปี ไม่ว่าจะเป็นการให้คำปรึกษาทางด้านเทคนิคฟรี ตลอด 24 ชม., ฟรี ! บริการช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉินไม่จำกัดครั้ง, ฟรี ! ตรวจเชคแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ภายในระยะทางไม่เกิน 150 กม., ฟรี ! บริการยก/ลากรถไปยังศูนย์บริการ Cyclone ในระยะทางไม่เกิน 150 กม. ลูกค้าสามารถติดต่อได้ 24 ชม. ผ่านทางเบอร์โทรศัพท์ 0-2039-5779 ซึ่งบริการนี้จะสร้างความอุ่นใจในทุกการขับขี่ภายใต้รถจักรยานยนต์ Cyclone
แผนส่งเสริมการตลาดปีนี้ บริษัทฯ จะเน้นการสร้างความรับรู้แบรนด์ และสื่อสารกับลูกค้าผ่านสื่อออฟไลน์ และออนไลน์ การทดลองใช้ผ่าน KOL และ KOC ควบคู่ไปกับการจัดกิจกรรมทางการตลาดที่จะจัดขึ้นทั่วประเทศ โดยจะโฟคัสไปที่การสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าสัมผัสจากการขับขี่จริง อาทิ การจัดทริrให้ได้ทดลองขับขี่ และกิจกรรมที่น่าสนใจอีกหลากหลายรูปแบบ
“กว่า 10 ปีที่ผ่านมาแม้บริษัทฯ และแบรนด์ ไม่ได้มีการสื่อสารประชาสัมพันธ์ทำการตลาด แต่ จงเซิน สามารถอยู่ในตลาดรถจักรยานยนต์ของไทย และได้รับการตอบรับที่ดี สะท้อนให้เห็นศักยภาพของแบรนด์ สินค้าคุณภาพสูงตามมาตรฐานบริษัทแม่ วันนี้ในการเปิดตัว Cyclone RA401 จะเป็นการย้ำต่อผู้บริโภคว่าเราพร้อมแล้วที่จะเดินหน้าบุกตลาดในไทยอย่างจริงจัง เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคว่าจะได้ใช้รถจักรยานยนต์คุณภาพ มีดีไซจ์นสวยงามตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้งานพร้อมบริการหลังการขายที่ดี และเราขอให้คำมั่นสัญญาว่า จะไม่ทอดทิ้ง และจะไม่หยุดพัฒนา เพื่อตอบสนองความต้องการ และส่งมอบความสุขให้แก่คนไทย และคนทั่วโลกต่อไป”
ไทยฮอนด้าฯ เปิดตัว New Honda ADV160 4 เฉดสีใหม่
ไทยฮอนด้าฯ ผู้ผลิต และจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ Honda (ฮอนดา) ในประเทศไทย เปิดตัว "New Honda ADV160 (ฮอนดา เอดีวี 160) ใหม่" ที่มาพร้อม 4 เฉดสีใหม่ เสริมความโดดเด่นโชว์ความเป็น SUV Bike มากกว่าเดิม ได้แก่ "สีเขียว Phenomenon Green" "สีแดง Millennium Red" "สีเทา Pearl Smoky Gray" และ "สีดำ Horizon Black" ภายใต้คอนเซพท์ "Explore The Wild Urban เปิดโหมดท้าทาย ไปได้ทุกทาง" พร้อมวางจำหน่ายแล้ววันนี้
New Honda ADV160 ได้รับการออกแบบให้มีความเท่ ในสไตล์ SUV Bike โดดเด่นมากกว่าเดิมด้วยโทนสีใหม่ เอาใจผู้ที่รักการผจญภัยด้วย "สีเขียว Phenomenon Green" สะท้อนความเป็นตัวตนสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความท้าทายให้ได้ออกไปลุยบนเส้นทางในเมือง และบนเส้นทางธรรมชาติ รวมถึง "สีแดง Millennium Red" ที่ตัดกับสีดำดูโฉบเฉี่ยว และทันสมัยมากขึ้น พร้อมกับ "สีเทา Pearl Smoky Gray" และ "สีดำ Horizon Black" ที่เสริมความเท่ และดุดัน ดีไซจ์นสะท้อนความแกร่งในสไตล์ SUV Bike
New Honda ADV160 เทคโนโลยีล้ำสมัย ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า และไฟท้าย Full LED พร้อมไฟ Day Time Running Light (DRL) ที่เพิ่มความชัดเจนในการขับขี่ในทุกสภาพแสง และ Tapered Handlebar ที่ช่วยเพิ่มความมั่นคงในการควบคุมรถ นอกจากนี้ ยังมีระบบความปลอดภัยยังได้รับการพัฒนาอย่างครบครัน ด้วยระบบเบรค ABS และล้อที่ออกแบบมาให้เกาะถนนดีเยี่ยม สามารถลุยได้ในทุกสภาพถนน พร้อมซับแรงกระแทกด้วย Twin Subtank ทำให้การขับขี่นุ่มนวลมากยิ่งขึ้น
New Honda ADV160 พร้อมลุยทุกเส้นทางด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ ESP+ 157 ซีซี 4 วาล์ว เร่งทันใจ ออกแบบมาให้สะดวกสบายต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน ด้วยเบาะนั่งที่มีความสูงเพียง 780 มม. ช่วยให้ขึ้น-ลงสะดวก และระบบชาร์จไฟ USB Type A ที่ตอบโจทย์ทุกการเดินทางด้วยการเชื่อมต่ออย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีระบบ Honda Smart Key และ Emergency Stop Signal (ESS) ที่เพิ่มความอุ่นใจให้แก่ผู้ขับขี่ในทุกสถานการณ์
ไทยฮอนด้าฯ พร้อมวางจำหน่าย New Honda ADV160 4 สีใหม่ ได้แก่ สีเขียว (Phenomenon Green), สีแดง (Millennium Red), สีเทา (Pearl Smoky Gray) และสีดำ (Horizon Black) ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ในราคาแนะนำ 99,900 บาท ที่ศูนย์ Honda Wing Center ทั่วประเทศ
PTT Lubricants เปิดตัว "Evotec Technology"
MotoGP Thai เปิดตัวถ้วยรางวัล
"PT Grand Prix of Thailand 2024" ชูความพร้อมเดินเครื่องเต็มระบบ บูรณาการความร่วมมือทุกมิติ พร้อมเปิดตัวทโรฟี ThaiGP ด้วยธีม "บัลลังก์เจ้าแห่งความเร็ว" สไตล์ไทยโมเดิร์นผสานความงด งามปราสาทหินพนมรุ้ง
ดร. ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า MotoGP ถือเป็นการแข่งขันกีฬาระดับโลกรายการใหญ่ที่สุดที่มีการจัดในประเทศไทย มีผู้ติดตามชมมากกว่า 800 ล้านคนทั่วโลก โอกาสสำคัญที่จะได้แสดงศักยภาพมาตรฐานการจัดแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติฝีมือคนไทย และพัฒนาอุตสาหกรรมกีฬาไทยในทุกมิติ รวมทั้งช่วยผลักดันการพัฒนาวงการมอเตอร์สปอร์ทไทยไปสู่ระดับโลกอย่างแท้จริง
"นับถอยหลังอีกเพียงไม่ถึง 1 เดือน จะเข้าสู่สุดสัปดาห์แห่งประวัติศาสตร์มอเตอร์สปอร์ทไทย จากความร่วมแรงร่วมใจของหน่วยงานทั้งส่วนกลาง-ภูมิภาค ภาคเอกชน-ประชาชนที่ร่วมกันวางแผนงานเป็นอย่างดีนั้น จะทำให้การจัดการแข่งขันในครั้งนี้จะบรรลุเป้าหมายตามที่รัฐบาลตั้งไว้ รวมทั้งทำให้การแข่งขันเป็นไปอย่างราบรื่น และประทับอยู่ในความทรงจำของทุกคนตลอดไป เป็นสนามแข่ง ขันที่ถูกยกย่องว่าที่ดีสุด มีความสุขที่สุดในโลก ครบเครื่องคุ้มค่าที่สุด ตามเป้าหมายสำคัญของกระกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่จะใช้ "มหกรรมกีฬา" ในการเป็นแรงส่งสู่เศรษฐกิจอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องทั้งระบบ สร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรรม"
รังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่ 5 ของการแข่งขัน MotoGP บนผืนแผ่นดินไทย แต่เป็นปีแรกของ PTG ในฐา นะ Title Sponsor ใหม่ของการแข่งขัน ยาวนานต่อเนื่องถึง 3 ปี สิ่งหนึ่งที่ทาง PTG มองว่าสำคัญไม่แพ้กัน คือ การได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยพัฒนาประเทศไทยตามสโลแกน "บริษัทพลังงานของคนไทย เพื่อเติมความสุขให้คนไทยอยู่ดีมีสุข" นั่นคือ การได้ประชาสัมพันธ์ประเทศสู่สายตาคนทั่วโลก แสดงศักยภาพคนไทย และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของคนในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดใกล้เคียง
"ขอเชิญชวนทุกท่านให้มาร่วมสัมผัสประสบการณ์ระดับโลก ในสีสันที่แตกต่างออกไปในครั้งนี้ ภายใต้กิจกรรมมากมายที่เตรียมไว้ต้อนรับที่ PTG Pavilion โดยได้ยกทัพแบรนด์ในเครือของ PTG ทั้ง หมด ไม่ว่าจะเป็น PT Station, PT Maxnitron, Autobacs, กาแฟพันธุ์ไทย, Coffee World, Max Card Plus ฯลฯ ขนสิทธิพิเศษ ของรางวัล และกิจกรรมสนุกๆ ให้ร่วมลุ้น แลก แจก ชม ชอพ อย่างเต็มอิ่มจุใจ รวมทั้งกิจกรรมสุด Exclusive ที่แฟนๆ จะได้กระทบไหล่นักแข่งคนดังทุกรุ่นแบบใกล้ชิด ซึ่งจะมีที่ PTG Pavilion ทีเดียวเท่านั้น คือ กิจกรรม Hero Walk และ Meet and Greet ซึ่งจะมีนักแข่งจากทุกคลาสส์ ไม่ว่าจะเป็น MotoGP Moto2 Moto3 แฟนๆ จะสามารถถ่ายภาพ และขอลายเซ็นได้อย่างใกล้ชิด โดย PTG มุ่งมั่น และตั้งใจที่จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่แฟนมอเตอร์สปอร์ทจากทั่วโลกได้มาสัมผัสกับประสบการณ์อันยิ่งใหญ่นี้ด้วยกัน"
โรจนสิทธิ์ มีนิจสิ้น ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายกีฬา บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยน้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง กล่าวว่า หนึ่งในไฮไลท์ของการจัด MotoGP วิถีไทยที่ได้รับเสียงชื่นชมมากที่สุด นอกจากจะได้ชมเรศที่สนุกสุดมัน แฟนความเร็วจากทั่วโลกยังได้สนุกสนานไปกับกิจกรรมบันเทิงในรูปแบบของมอเตอร์สปอร์ทเฟสติวัล ซึ่งน้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง เตรียมจัดเต็มความสนุกตลอดทั้ง 3 วัน บริเวณลานกิจกรรม เพื่อให้ผู้ชมได้สนุกเต็มอิ่ม ครบรส ได้แก่ ประสบการณ์สุด Exclusive ใน Chang House ที่จะได้รับชมการแข่งขัน MotoGP ในเทนท์ติดแอร์ขนาดใหญ่ วงดนตรี และดีเจ พร้อมมีผลิตภัณฑ์นำแร่ธรรรมชาติตราช้าง บริการตลอดทั้งวัน
คอนเสิร์ท Chang Music Connection ดลอด 3 วัน เริ่มต้นวันแรก วันศุกร์ที่ 25 ตุลาดม พบกับ "ยังโอม" เจ้าพ่อฮิพฮอพขวัญใจวัยรุ่น และปิดท้ายค่ำคืนกับศิลปินลูกท่งขวัญใจชาวอีสาน "ก้อง ห้วยไร่", วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม สนุกกันต่อกับการแข่งขัน "ศึกมวยไหย วิถีถิ่นไหย" โดยมีการประกบคู่ชกสุดมันด้วยกันถึง 7 คู่ โดยมีไฮไลท์คู่เอกอยู่ที่ ยอดกตัญญู จิตรเมืองนนท์ ปะทะ เพชรสมาน ส.สมานการ์เมนท์ เอาใจแฟนมวยทั้งไทย และต่างชาติอย่างเต็มที่ และปิดทำยค่ำคืนพบกับ "จ๊ะ นงผณี" ลุกทุ่งตัวแม่สุดเซกซี
วันสุดท้าย อาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม ปิดฉาก MotoGP 2024 ไปกับคอนเสิร์ทสุดมันจากศิลปินสุดกวนที่ยกมาทั้งแก๊งอย่าง "แจ๊ส สปุกนิค ปาปิยอง ก๊กกุ๊ก" และยังมีจุดบริการ Chang Shuttle Station บริการ "ชัดเตินแต๋น" นับร้อยคัน มาใช้ในการรับ-ส่งผู้ชมสู่เซอร์กิท ซึ่งมีที่เดียวในโลก คอยรับส่งแฟนๆ กันแบบฟรีๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย
โชติชนก ชิดชอบ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรมต่างประเทศ สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิท กล่าวว่า สนามช้างฯ พร้อมเกิน 100 % เพราะตลอดทั้งปีมีอีเวนท์ต่างๆ มากมาย ที่ต้องรองรับมาตร ฐานระดับโลกทั้ง FIM และ FIA ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพื้นผิวสนาม เจ้าหน้าที่บุคลากร หรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่พรั่งพร้อม ซึ่งปีนี้จะมีจุดเล็กๆ ที่เพิ่มมิติการแข่งขันให้สนุกเร้าใจมากยิ่งขึ้น ก็คือ เรื่อง Misano Curve ซึ่งปีที่แล้วได้เพิ่ม 1 จุด และปีนี้เพิ่มเป็น 3 จุด ที่โค้ง 1 โค้ง 5 และโค้ง 8 ซึ่งจะส่งผลให้การแข่งขันขับเคี่ยวกันสนุกยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ส่วนลานกิจกรรมปีนี้ยังได้พบกับครั้งแรกของ Thai Thai Pavilion ที่มีคอนเซพท์ต่อยอดจาก MotoGP วิถีไทย ที่จะนำเสนอเสน่ห์วัฒนธรรมของไทย ทั้งงานศิลปหัตถกรรม ของกิน ของฝาก ที่เป็นผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน นอกจากนี้ ด้านการอำนวยความสะดวกของผู้ชม จังหวัดบุรีรัมย์เป็นแกนหลักในการประสาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระบบขนส่ง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย อาสาสมัคร และที่พัก เพื่อให้ทุกๆ อย่างออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด รองรับแฟนความเร็วผู้มาเยือนให้มีช่วงเวลาที่สุดแสนจะประทับใจ รับรองว่ามาชมการแข่งขันที่สนาม สนุกกว่ารับชมที่จอโทรทัศน์ที่บ้านแน่นอน
ปีนี้เรียกได้ว่าจะเป็นปีที่มีความสุขที่สุดของแฟน MotoGP ประเทศไทย เพราะนอกจากจะได้เชียร์นักบิดระดับโลกที่ชื่นชอบ ยังได้เชียร์ "ก้อง-สมเกียรติ จันทรา" นักบิดที่เป็นความภาคภูมิใจของคนไทย แข่งขันทิ้งท้ายในรุ่น Moto2 ก่อนในฤดูกาลที่จะถึงในปี 2025 นี้ จะได้ขยับไปแข่งขันในรุ่นใหญ่ที่สุดของโลก MotoGP ได้สำเร็จ เป็นคนไทยคนแรกที่สร้างประวัติศาสตร์ให้แก่วงการกีฬารถจักรยานยนต์ของไทย
นอกจากนี้ ยังมี PT Grand Prix of Thailand 2024 Expo ที่เนรมิตลานกิจกรรมด้านหน้าสนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิท เป็นงานเอกซ์โปสำหรับคนรักมอเตอร์ไซค์ ตั้งแต่ 09.00-20.00 น. ตลอด 3 วันเต็ม โดยมีทั้งพาวิลเลียนขนาดยักษ์ และร้านค้ารายย่อยมากมาย ได้แก่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน), น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง, Honda (ฮอนดา), Yamaha (ยามาฮา), Toyota (โตโยตา), Ducati (ดูคาติ), กรมการขนส่งทางบก โดย กปถ. ฯลฯ ที่พร้อมสร้างสีสัน ความสนุกให้แก่แฟนๆ ได้ชอพสินค้าแบรนด์ดังมากมาย รวมทั้งครั้งแรกกับการเนรมิต Thai Thai Pavilion ได้สัม ผัสความสวยงามของวัฒนธรรมไทย ชม ชิม เลือกซื้อของดีของขึ้นชื่อ ร้านอาหารชื่อดังจากบุรีรัมย์ และทั่วประเทศมาไว้ในงาน
ครบจบที่เดียว โดยลานกิจกรรมนี้ผู้ถือบัตรชมการแข่งขันทุกประเภทเข้าชมฟรี หรือซื้อบัตร Admission ราคา 100 บาท/วัน หรือเหมา 3 วัน 200 บาท
ซื้อบัตรได้ที่ Counter Service All Ticket ในร้าน 7-11 ทุกสาขาทั่วประเทศ ส่วนบัตร Admission ซื้อได้ที่บูธ All Ticket หน้างาน วันที่ 25-27 ตค. เท่านั้น !