ธุรกิจ
Bentley เปิดตัว New Continental GT/C Mulliner และ Flying Spur Mulliner
ครูว์-Bentley Motors เปิดตัว New Continental GT (คอนทิเนนทัล จีที) ใหม่, New Continental GTC (คอนทิเนนทัล จีทีซี) ใหม่, และ New Flying Spur (ฟลายอิง สเปอร์) ใหม่ รุ่นย่อย Mulliner (มัลลิเนอร์) ซูเพอร์คาร์เรือธงที่หรูหรา และทรงสมรรถนะที่สุดของแบรนด์กับขุมพลังแบบ Ultra Performance Hybrid ซึ่งเป็นการต่อยอดจากรุ่น Speed ที่เน้นสมรรถนะด้วยการเพิ่มตัวเลือก และรายละเอียดของความหรูหรา รุ่น Mulliner นำเสนอความแตกต่างด้านรูปลักษณ์ที่โดดเด่นด้านงานฝีมือสั่งทำพิเศษ คุณสมบัติด้าน Wellness ที่เพิ่มขึ้น และเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนา อัครยนตรกรรม รุ่น Mulliner จึงถือเป็นรุ่นเรือธงในบรรดาอัครยนตรกรรมทุกรุ่นของ Bentley ในปัจจุบัน
Bentley Bangkok โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้า และตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ Bentley (เบนท์ลีย์) อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย มอบข้อเสนอที่ดีที่สุดสำ หรับการสั่งจองรถยนต์ Bentley รุ่น New Flying Spur Mulliner ราคาเริ่มต้นที่ 27.6 ล้านบาท New Continental GT Mulliner ราคาเริ่มต้นที่ 30 ล้านบาท และ New Continental GTC Mulliner ราคาเริ่มต้นที่ 32.8 ล้านบาท พร้อมรับเอกสิทธิ์การบริการหลังการขายมาตรฐานโรงงานผู้ผลิตด้วยการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดที่ "นานที่สุด" ถึง 8 ปี หรือ 160,000 กม. (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) การรับประกันโดยโรงงานผู้ผลิต และบริการผู้ช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชม. (24-hour Bentley Roadside Assistance) นาน 3 ปีเต็ม พร้อมรับสิทธิ์การต่อการรับประกันโดยโรงงานผู้ผลิต (Bentley Extended Warranty) สูงสุด 4 ปี
อัครยนตรกรรม รุ่น Mulliner มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่หรูหราด้วยกระจังหน้าแบบ "Floating Diamond" ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Mulliner พร้อมขอบโครเมียม และแถบโครเมียมตรงกลาง กระจังหน้าแบบโครเมียมส่วนล่าง แถบโครเมียมด้านข้างของตัวถัง ท่อไอเสียโครเมียม และการตกแต่งแบบโครเมียมที่เสริมด้วยฝาครอบกระจกมองข้างในเฉดสีเงินแบบซาติน พร้อมด้วยตัวเลือกเฉดสีดำ-เงาในแบบ Mulliner Blackline Specification นอกจากนี้ รุ่น Mulliner ยังมาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 22 นิ้วที่ออกแบบด้วย 2 เฉดสี อันได้แก่ เฉดสีเทา Tungsten หรือเฉดสีดำ-เงา ซึ่งทั้ง 2 เฉดสีมากับพื้นผิวที่มัน-เงา และการตกแต่งด้วยดุมล้อโลโก Bentley แบบ Mulliner
สำหรับรุ่น Continental GT Mulliner และ GTC Mulliner เจเนอเรชันที่ 4 โดดเด่นด้วยไฟหน้าเดี่ยวคู่พร้อมรีเฟลคเตอร์ "Cut Crystal" แบบใหม่ที่ประณีต และโดดเด่น พร้อมด้วยโลโก Mulliner ที่ตกแต่งบริเวณด้านข้างตัวถังส่วนหน้า ในส่วนของรุ่น Flying Spur Mulliner งดงามด้วย Flying B ที่รังสรรค์ขึ้นด้วยโครเมียม หรือตัวเลือกเฉดสีดำ รวมถึงการตกแต่งด้วยโลโก Mulliner แบบใหม่บริ เวณช่องระบายอากาศข้างตัวถัง พร้อมด้วยรายละเอียดลวดลายแบบเพชร 2 ชั้นที่สวยงาม
ไฟต้อนรับ Welcome Light และไฟ Coming Home มาพร้อมกับแอนิเมชันของโลโก Bentley Wings ซึ่งเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่โดดเด่นของรุ่น Mulliner เช่นเดียวกับไฟท้ายสีแดงที่จะแตกต่างจากในรุ่น Speed
กาบบันไดแบบเรืองแสง และพรมปูพื้นแบบหนานุ่มจาก Mulliner ถูกนำมาตกแต่งภายในห้องโดยสารที่ล้ำสมัยพร้อมกับการนำเสนอการผสมผสาน 3 เฉดสีที่สั่งทำพิเศษจาก Mulliner พร้อมด้วยการเดินด้ายสีตัดกัน และงานปัก Mulliner ที่เป็นเอกลักษณ์บนเบาะโดยสารที่เย็บด้วยมือ และลวดลายรูพรุนรูปเพชรในแบบ Mulliner ที่ออกแบบใหม่ สำหรับ Continental GTC Mulliner ลวดลายการเย็บใหม่มีการนำมาใช้กับหลังคาผ้าใบ ซึ่งสามารถมองเห็นได้ในขณะที่หลังคาผ้าใบถูกพับลง คุณสมบัติใหม่ในรุ่น Mulliner ยังได้รวมถึงเบาะโดยสารแบบ Wellness ที่สามารถปรับท่าทางการนั่งและปรับอุณหภูมิแบบอัตโนมัติสำหรับเบาะโดยสารส่วนหน้าในรุ่น Continental GT/C และส่วนหลังในรุ่น Flying Spur ซึ่งจะช่วยลดความเมื่อยล้า และมอบความผ่อนคลายในขณะเดินทาง
แนวคิดการออกแบบ Mulliner ยังคงใช้แผงหน้าปัดผู้ขับขี่แบบ LED พร้อมกราฟิคแบบพิเศษเฉพาะรุ่น พร้อมด้วยจอแสดงผลแบบหมุนได้ Bentley Rotating Display แป้นเหยียบคันเร่งสไตล์สปอร์ท พวงมาลัย 3 ก้านดูโอโทนแบบปรับอุณหภูมิ และซันรูฟแบบพาโนรามิคในรุ่น Flying Spur และ Continental GT ซึ่งทั้งหมดจะมอบสัมผัสแห่งความหรูหราภายในห้องโดยสาร
รุ่น Mulliner มาพร้อมกุญแจหนังในกล่องบรรจุแบบทำมือที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของ Mulliner เข้ากับห้องโดยสารที่รังสรรค์ขึ้นด้วย 3 เฉดสี โดยกุญแจทั้ง 2 ดอกบรรจุในกล่องสีเดียวกันที่ตกแต่งด้วยรูปแบบการเย็บแบบคอนทราสต์
สำหรับคุณสมบัติอื่นๆ ในรุ่น Mulliner ประกอบไปด้วย Touring Specification, Colour Specification, ไฟต้อนรับแบบแอนิเมชัน, ระบบไฟสร้างบรรยากาศ, และการตกแต่งด้วยวีเนียร์แบบ Grand Black และโลโก Mulliner ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกใช้วีเนียร์แบบอื่นๆ แทน Grand Black ได้
ความงดงาม และความหรูหราที่รังสรรค์ขึ้นด้วยงานฝีมือ
การตกแต่งห้องโดยสารในรุ่น Mulliner ใหม่ ถือเป็นผลงานระดับปรมาจารย์ด้านงานฝีมือที่แสดงให้เห็นถึงความเอาใจใส่ในทุกรายละเอียดอย่างพิถีพิถัน โดยเฉดสีของหนังที่ออกแบบโดย Mulliner มาพร้อมกับตัวเลือกที่หลากหลายด้วยการเน้นการเพิ่มเฉดสีที่ 3 ในรูปแบบของการเน้นเส้นสายการออกแบบที่โดดเด่น
ในรุ่น Mulliner ใหม่มีการติดตั้ง Comfort Seat Specification สำหรับเบาะโดยสารทั้ง 4 ที่นั่งของ Flying Spur Mulliner และสำหรับเบาะโดยสารส่วนหน้า 2 ที่นั่งในรุ่น Continental GT/C Mulliner โดยมีฟังค์ชัน Wellness อาทิ คุณสมบัติการปรับท่านั่งแบบอัตโนมัติ และคุณสมบัติการปรับอุณหภูมิของเบาะโดยสารเพื่อช่วยลดความเมื่อยล้า และให้ความรู้สึกผ่อนคลายในระหว่างการเดินทาง นอกจากนี้ ระบบปรับอากาศยังได้รับการติดตั้งเครื่องฟอกอากาศไอออนไนเซอร์ ตัวกรองอนุภาคใหม่ และจอแสดงผลคุณภาพอากาศภายนอก และภายในห้องโดยสาร ซึ่งระบบนี้จะเชื่อมกับระบบนำทางด้วยดาวเทียมของรถยนต์เพื่อให้สามารถปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในห้องโดยสารได้อย่างเหมาะสมอย่างการหมุนเวียนอากาศในห้องโดยสารเมื่ออยู่ในอุโมงค์
พละกำลัง และความละเอียดอ่อน
Continental GT Mulliner, Continental GT Convertible Mulliner, และ Flying Spur Mulliner ใหม่มาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์แบบ Ultra Performance Hybrid ใหม่ล่าสุด ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวกันกับรุ่น Speed เครื่องยนต์รุ่นใหม่นี้ผสมผสานเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.0 ลิตรใหม่ที่สามารถผลิตพละกำลังได้กว่า 600 แรงม้า เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า 190 แรงม้า มอบพละกำลังสูงสุด 782 แรงม้าด้วยแรงบิด 1,000 นิวทันเมตร (738 ปอนด์-ฟุต) เครื่องยนต์รุ่นใหม่นี้จึงมอบประสิทธิภาพสูงสุด และทำให้อัครยนตรกรรมรุ่นล่าสุดนี้โดดเด่นเหนือกว่าคู่แข่งด้วยแรงม้าที่มากขึ้นจากแรงบิดมหา ศาล พร้อมด้วยอัตราการปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์ และอัตราการบริโภคเชื้อเพลิงที่ต่ำลงอย่างมากเพียง 1 ใน 10 เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์เบนซินแบบเดิม ในทางกลับกัน เครื่องยนต์รุ่นใหม่ยังมอบประสิทธิภาพในการขับขี่ที่เหนือชั้น ตั้งแต่สมรรถนะระดับซูเพอร์คาร์ไปจนถึงความหรูหราจากการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เงียบสงบ
Flying Spur Mulliner และ Continental GT/C Mulliner สามารถขับขี่ได้อย่างเงียบสงบในโหมด EV เป็นระยะทางสูงสุดกว่า 81 กม. ในรุ่น Continental GT/C และ 76 กม. ในรุ่น Flying Spur เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขับขี่ในเขตปลอดมลพิษ หรือการเดินทางในเมือง สำหรับโหมดไฟฟ้าแบบเต็มรูปแบบสามารถทำความเร็วสูงสุด 140 กม./ชม. ด้วยการใช้งานคันเร่ง 75 % โดยแบทเตอรีสามารถชาร์จเต็มได้ภายในเวลาเพียง 2¾ ชม. ด้วยการพัฒนาเครื่องชาร์จ และความจุแบทเตอรีด้วยกำลังชาร์จสูงสุด 11 กิโลวัตต์ หากต้องการการขับขี่ที่เร้าใจยิ่งขึ้น การทำงานร่วมกันระหว่างเครื่อง ยนต์รุ่น V8 และมอเตอร์ไฟฟ้า 782 แรงม้า จะส่งมอบประสิทธิภาพในการขับขี่ที่เร้าใจ พร้อมด้วยระบบแดมเพอร์วาล์วคู่ใหม่ และสปริงอากาศแบบห้องคู่ที่จะช่วยเสริมกำลังให้แก่เครื่องยนต์แบบ Ultra Performance Hybrid ใหม่ ผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นการผสมผสานประสิทธิภาพในการขับขี่ การควบคุม และความนุ่มสบายที่ลงตัว
ความหลากหลายของเฉดสี
สำหรับรุ่น Mulliner ลูกค้าสามารถเลือกเฉดสีได้กว่า 101 สี พร้อมด้วยเฉดสีอื่นๆ และยังสามารถรังสรรค์เฉดสีพิเศษให้เข้ากับตัวรถ สำหรับภายในห้องโดยสาร ลูกค้าสามารถเลือกเฉดสีหลักสำหรับหนังจาก 15 เฉดสี เฉดสีรอง 11 เฉดสี และเฉดสีเน้น 6 สีจากตัวเลือกเฉดสีที่หลากหลาย นอกจากนี้ ลูกค้า Mulliner ยังสามารถเลือกเฉดสีหนังที่สั่งทำพิเศษ โดยสามารถเลือกให้เข้ากับวีเนียร์ทั้ง 8 แบบ และแบบเคลือบเทคนิคอีก 3 แบบที่สามารถใช้เป็นแบบเคลือบชั้นเดียว หรือแบบเคลือบ 2 ชั้น และยังสามารถสั่งทำสีให้เข้ากับเฉดสีหนังภายในหรือเฉดสีตัวถังภายนอกได้อีกด้วย
การบูรณาการเทคโนโลยีแบบไร้รอยต่อ
อัครยนตรกรรมจาก Mulliner มาพร้อมกับระบบไฟฟ้าแบบล่าสุดที่ถือเป็นก้าวสำคัญด้านเทคโนโลยีความบันเทิงภายในห้องโดยสาร และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ เทคโนโลยีนี้ถือเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าที่สุดในกลุ่มยนตรกรรมหรูที่ประกอบไปด้วยจอแสดงผลสภาพแวดล้อมที่แสดงบนแผงหน้าปัดของผู้ขับขี่ที่รองรับ และเปิดใช้งานโหมดกึ่งช่วยเหลือ
Bentley Mulliner
Mulliner ถือเป็นต้นกำเนิดการออกแบบตัวถังรถยนต์ และผู้ผลิตตัวถังรถยนต์ที่เก่าแก่ที่สุดของโลก มีชื่อเสียงมาจากการเป็นผู้ผลิตรถยนต์ Bentley รุ่นพิเศษให้มีเอกลักษณ์ในแบบเฉพาะตัว สำหรับในฐานะแผนกออกแบบพิเศษของ Bentley Motors Bentley Mulliner สามารถตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าที่ต้องการคุณสมบัติพิเศษเฉพาะสำหรับรถยนต์ Bentley ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และนอกเหนือจากการออกแบบเฉพาะตัวแล้ว Mulliner ยังดูแลในส่วนของการผลิตตัวถังรถยนต์คลาสสิคขึ้นมาใหม่อย่าง Blower Continuation Series และ Speed Six Continuation Series ที่มี ชื่อเสียงที่สุดในช่วงทศวรรษ 1920 รวมถึงการผลิตรถยนต์รุ่นพิเศษอย่าง Bacalar (บาคาลาร์), Batur (บาเตอร์) และ Batur Convertible (บาเตอร์ คอนเวอร์ทิเบิล)