บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด มอบการดูแลลูกค้ารถยนต์ Suzuki (ซูซูกิ) พื้นที่ประสบอุทกภัย เน้นงานบริการแบบ S-Solution สื่อสารกับลูกค้าพร้อมประเมินอาการเพื่อทำการดูแลรถอย่างรวดเร็ว พร้อมประกาศขยายเวลาแคมเปญพิเศษ ส่วนลดพิเศษ 30 % ให้แก่ลูกค้ารถยนต์ Suzuki ทุกรุ่นที่ถูกผลกระทบจากน้ำท่วม พร้อมเพิ่มข้อเสนอช่วยบรรเทาภาระ สำหรับลูกค้าที่ได้รับผล กระทบ และต้องการซื้อรถใหม่ มอบส่วนลดสูงสุด 25,000 บาท
วัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากสถานการณ์ที่ประชาชนในหลายจังหวัดได้รับความเดือดร้อนจากเหตุอุทกภัย ทำให้ได้รับผล กระทบ และเกิดความเสียหายอย่างหนัก ซึ่ง Suzuki มีนโยบายเร่งด่วนเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระ บรรเทาความทุกข์ และความเดือดร้อนให้แก่ลูกค้าผู้ใช้รถยนต์ Suzuki โดยร่วมกับผู้จำหน่ายรถยนต์ Suzuki นพื้นที่ประสบภัยดำเนินการช่วยเหลือประชาชนที่อยู่ในพื้นที่
ล่าสุดหลังจากสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายลง Suzuki ได้เร่งลงพื้นที่ตรวจสอบ และเข้าดูแล พบว่ามีกลุ่มลูกค้าที่ประสบภัย เริ่มทยอยนำรถยนต์เข้ามาซ่อมบำรุงจากการถูกน้ำท่วม โดยเบื้องต้นมีจำ นวนรถยนต์ Suzuki ที่ได้รับความเสียหายจากทุกจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ รวมจำนวน 28 คัน ซึ่งจากการประเมินอาการจากศูนย์บริการในพื้นที่ ได้ทำการแบ่งอาการความเสียหายออกเป็น 3 ระดับ คือ ระดับที่ 1 ท่วมครึ่งล้อรถยนต์ ระดับที่ 2 ท่วมครึ่งคันรถยนต์ และระดับที่ 3 ท่วมตั้งแต่บริเวณคอนโซลหน้ารถขึ้นไป ทั้งนี้ พบว่าความเสียหายต่อรถยนต์ที่มีจำนวนมากที่สุดจะอยู่ในกลุ่มระดับที่ 2
Suzuki ได้นำระบบบริการแบบ S-Solution เข้ามาช่วยให้การเชื่อมต่อข้อมูลการบริการกับลูกค้าเพื่อความสะดวก และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ทั้งการแจ้งยืนยันสภาพรถของลูกค้าก่อนเข้ารับบริการว่า รถได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด จากนั้นจะแจ้งความคืบหน้าของงานซ่อมบำรุงให้ลูกค้ารับทราบถึงขั้นตอนต่างๆ ทั้งการถ่ายทำคลิพวีดีโอ หรือส่งเป็นรูปภาพ ก่อนที่จะนำเสนอลูกค้า ถึงการเปลี่ยน หรือซ่อมชิ้นส่วนต่างๆ ตามสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมกับการเสนอราคา เพื่อประกอบการตัดสินใจให้แก่ลูกค้า ซึ่งรูปแบบการบริการดังกล่าว จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้แก่ลูกค้าว่าจะได้รับบริการที่มีมาตร ฐานจากศูนย์บริการของ Suzuki นอกจากนั้น ยังเร่งเข้าไปช่วยประเมินงานซ่อมแซม พร้อมเข้าเจรจาช่วยเหลือเพื่อเร่งรัดการดำเนินการเรื่องประกันภัยให้แก่ลูกค้าทุกคันแล้ว
“จากการประเมินเบื้องต้นรถทุกคัน สภาพเครื่องยนต์ และเกียร์มีสภาพไม่เสียหาย และสามารถใช้งานต่อได้ โดยปัญหาที่พบ และต้องดูแลแก้ไขให้ลูกค้าโดยเร็ว ส่วนใหญ่จะพบปัญหาเรื่องของระบบไฟ และระบบปรับอากาศ ซึ่งในส่วนนี้เราจะช่วยลูกค้าลดภาระค่าใช้จ่ายให้ได้มากที่สุด แต่จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ตอกย้ำให้เห็นได้ชัดเจนว่า ผลิตภัณฑ์ของ Suzuki มีความทนทาน คุ้มค่า การซ่อมบำรุ งและดูแลรักษาง่าย สร้างความเชื่อมั่น และความไว้วางใจของลูกค้าทำให้ได้รับความสำเร็จทางด้านยอดจำหน่ายสินค้ามาอย่างต่อเนื่อง”
ทั้งนี้ Suzuki เล็งเห็นถึงความเดือดร้อนของกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่ประสบภัย นอกจากการปรับขยายเวลาแคมเปญช่วยเหลือน้ำท่วม ด้วยการมอบส่วนลดพิเศษ 30 % สำหรับค่าอะไหล่ (ยกเว้นแบทเตอรี หัวเทียน ยางรถยนต์ และอุปกรณ์ตกแต่ง) ค่าแรง และค่าเคมีภัณฑ์ให้แก่ลูกค้ารถยนต์ Suzuki ทุกรุ่น ออกไปถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ยังปรับเพิ่มเงื่อนไขพิเศษ เพื่อเป็นการช่วยเหลือ และบรรเทาภาระ สำหรับลูกค้าที่รถยนต์ถูกน้ำท่วมจากเหตุการณ์ในครั้งนี้
พร้อมจัดโครงการพิเศษ มอบส่วนลดช่วยเหลือลูกค้าที่ต้องการเลือกซื้อรถยนต์ Suzuki คันใหม่ เนื่องมาจากรถคันเก่าประสบปัญหาในช่วงวิกฤตอุทกภัย โดยมีระยะเวลาเริ่มโครงการตั้งแต่วันนี้-31 ธันวาคม 2567
รายละเอียดของข้อเสนอพิเศษมีดังนี้
รถยนต์ Suzuki ที่เข้าร่วมโครงการ ประกอบด้วย Suzuki Swift (ซูซูกิ สวิฟท์), Suzuki Ertiga Hybrid (ซูซูกิ แอร์ติกา ไฮบริด) และ Suzuki XL7 Hybrid (ซูซูกิ เอกซ์แอล 7 ไฮบริด)
ผู้สนใจเแสดงเอกสารประกอบของรถยนต์คันที่เสียหายตามที่บริษัทฯ กำหนด
สำหรับลูกค้ารถยนต์ Suzuki ที่ได้รับความเสียหายทุกรุ่น รับส่วนลดเพิ่ม 25,000 บาท
สำหรับลูกค้ารถยนต์ยี่ห้ออื่นที่ได้รับความเสียหาย รับส่วนลดเพิ่ม 20,000 บาท
เงื่อนไขพิเศษดังกล่าวยังไม่รวมรายการส่งเสริมการขายปกติที่มอบให้ในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2567
สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากศูนย์บริการในพื้นที่
วัลลภ กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งที่เรามุ่งมั่นจะทำเพื่อเป็นการดูแล และตอบแทนลูกค้าทุกท่านในยามที่ต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ เราดำเนินการภายใต้แนวคิด “Suzuki Cause We Care-เหนือกว่าความใส่ใจ คือ ความเข้าใจทุกความต้องการ” เราพร้อมจะเดินหน้าเพื่อเข้าไปช่วยแบ่งเบา และบรรเทาปัญหาของสังคมด้วยการปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีแก่พนักงาน และมีส่วนร่วมในกิจกรรมหรือโครงการต่างๆ ด้วยความมุ่งหวังให้องค์กร และชุมชนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน