ค่ายรถยนต์สตาร์ทอัพจากแดนมังกร พร้อมยกระดับรถยนต์เข้าสู่ตลาดประเทศไทยเป็นครั้งแรกกับรถเอสยูวีไฟฟ้า ภายใต้การดูแลของ Stellantis พร้อมสู้ศึก EV ไทยดุเดือด
Leapmotor (ลีพมอเตอร์) บริษัทสตาร์ทอัพจากประเทศจีนที่จับมือเป็นพันธมิตรกับ Stellantis (สเตลแลนทิส) ผู้คิดค้นนวัตกรรมทันสมัย แข็งแกร่ง และมีเอกลักษณ์ทางเทคโนโลยี เน้นที่คุณภาพระดับรถยุโรป ทำให้สามารถเจาะกลุ่มตลาดรถยนต์ยุโรปเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่น่าจับตามองในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของไทยที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และเป็นที่แน่นอนว่าปลายปี 2024 ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการรายใหม่อย่าง พระนครยนตรการ (PNA) จะนำแบรนด์ Leapmotor เข้าสู่บ้านเราอย่างเป็นทางการ พร้อมกับการเปิดตัวรถเอสยูวีไฟฟ้าในการทำตลาดบ้านเราคันแรก นั่นคือ Leapmotor C10
Leapmotor C10 ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวีขนาดกลาง เป็นผลิตภัณฑ์ของ Leapmotor รุ่นแรกที่ออกแบบมาเพื่อตลาดโลก โดยเจาะกลุ่มตลาดยุโรป มีมิติตัวรถ ความยาว 4,739 มม. ความกว้าง 1,900 มม. ความสูง 1,680 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,825 มม. จะเห็นว่ามีขนาดมิติที่กว้างกว่าคู่แข่งหลายคันพอสมควร ในด้านงานออกแบบ กระจังด้านหน้าออกแบบทรงทึบ ช่องรับอากาศขนาดใหญ่ ขนาบข้างด้วยร่องนำอากาศ เสริมความสปอร์ท มาพร้อมเส้นสายตัวรถเน้นความเรียบหรู สอดรับหลักอากาศพลศาสตร์ ลดแรงต้านอากาศเป็นอย่างดี
ชุดไฟหน้า LED ออกแบบตามสมัยนิยม พร้อมแถบไฟ DRL พาดยาวเต็มพื้นที่ส่วนหน้า เช่นเดียวกับด้านท้ายที่มากับแถบไฟ LED ที่วางเต็มพื้นที่ส่วนท้าย หลังคารถออกแบบให้เป็นแบบทรงกล่อง คิ้วสีดำเข้มครอบกระจก เพื่อให้ตัวรถมีความกว้าง และใหญ่ขึ้น มือจับเปิดประตูแบบเรียบไปกับตัวรถ ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง 245/45 R20 สำหรับสีตัวรถของ Leapmotor C10 จะมีให้เลือก 6 สี ได้แก่ สีขาว White, สีเทา Grey, สีฟ้าอ่อน Light Blue, สีเทาเข้ม Dark Grey, สีดำ Black และสีเขียวหยก Jade Green
ภายในห้องโดยสารมีมิติกว้างขวางรองรับ 5 ที่นั่ง มาพร้อมโทนสีเลือกได้ 2 สี ทั้งสีแดงส้ม Red Cloud Orange และสีม่วง Star Purple แผงแดชบอร์ดจะมาในแบบมีนีนอล เรียบง่ายแต่ไฮเทค ซึ่งมีความแปลกใหม่ตรงที่ไม่มีปุ่มสั่งงานใดๆ บนคอนโซลแม้แต่จุดเดียว ซึ่งจะติดตั้งแผงหน้าปัดแบบลอยตัว LCD ขนาด 10.25 นิ้ว พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชันแบบก้านคู่ท้ายตัด มาพร้อมหน้าจอกลางขนาด 14.6 นิ้ว ความคมชัดระดับ 2.5K เพิ่มความอัจฉริยะด้วยชิพ Qualcomm Snapdragon 8295 ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Leapmotor OS 4.0 รุ่นล่าสุด สามารถโต้ตอบด้วยคำสั่งเสียง มีช่องวางแก้วน้ำด้านหน้า-หลัง 4 ช่อง 2 จุด และจุดแท่นชาร์จโทรศัพท์ 1 จุด รวมถึงติดตั้งชุดเครื่องเสียงลำโพง 12 ตำแหน่ง ให้กำลังขับ 840 วัตต์ รองรับระบบเสียงรอบทิศทาง 7.1 และกล้องมองภาพรอบทิศทางด้วย
เบาะนั่งภายในถูกออกแบบให้มีพื้นที่กว้างขวางสุด เบาะหนังคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้า 10 ทิศทาง สามารถปรับเอนได้ถึง 180° พร้อมระบบระบายอากาศ และระบบปรับทำความร้อน ส่วนเบาะแถว 2 จะมีพื้นที่ Legroom กว้างมากถึง 1,050 มม. สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ 60:40 นอกจากนั้น ยังปรับเชื่อมต่อกับเบาะแถวหลังให้กลายเป็นโซฟาขนาดใหญ่ที่มีความยาวเกือบ 1.8 ม. เอาใจสายเดินทาง โดยเพิ่มพื้นที่หลังพับราบได้กว้างสูงสุด 2.7 ม. พื้นที่เก็บสัมภาะระด้านท้ายสามารถรองรับกระเป๋าเดินทางขนาด 20 นิ้ว ได้ถึง 7 ใบ และสามารถขยายได้ถึง 835 ลิตร หลังจากพับเบาะหลังสูงสุด 15 ใบ เป็นรถที่ใช้พื้นที่ได้กว้างมากสุดคันหนึ่งในกลุ่ม
ส่วนของระบบขับเคลื่อน Leapmotor C10 ไฟฟ้าล้วน 100 % ในบ้านเราคาดว่าจะใช้ระบบขับเคลื่อนแบบมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง โดยมาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 230 แรงม้า แรงบิด 320 นิวทันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 7.29 วินาที พร้อมชุดแบทเตอรีแบบ LFP ที่มีความจุให้เลือก 2 ขนาด คือ 52.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง และ 69.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งระยะทางไกลสุดอยู่ที่ 360-420 กม./การชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง (ตามมาตรฐาน WLTP)
ไฮไลท์ของรถยนต์รุ่นนี้จะใช้พแลทฟอร์ม LEAP3.0 ในชื่อว่า "Four Leaf Clover" ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ Leapmotor พัฒนาขึ้นเองแต่เพียงผู้เดียว ด้วยการรวมเอา System-on-Chip (SOC) 1 ระบบ และหน่วยไมโครคอนทโรลเลอร์ (MCU) 1 ชุด มาสร้างเป็นหน่วยซูเพอร์คอมพิวเตอร์ส่วนกลาง พร้อมทั้งรวมระบบต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน ทั้งระบบภายในห้องคนขับ ระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะ รองรับทั้งรถยนต์แบบ EV และ EREV โครงสร้างตัวรถได้รับคะแนนผลการทดสอบการชนของ Euro NCAP ถึง 5 ดาว พร้อมถุงลมนิรภัย 7 ใบ เพิ่มความปลอดภัยสูงสุด
นอกจากนั้น ยังมาพร้อมระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง ADAS ที่เรียกว่า Leapmotor Pilot ที่ประกอบไปด้วย 25 ฟังค์ชัน จากเซนเซอร์ทั้งหมด 30 ตัว กล้องที่ด้านหน้า ด้านท้าย รวมทั้งบริเวณซุ้มล้อ รวมทั้งหมด 11 ตัว และ LiDAR รวมทั้งเรดาร์อุลทราโซนิค 12 ตัว อีกทั้งยังมากับเรดาร์คลื่น 5 มม. และ NVIDIA Orin-X เป็นชิพประมวลผลหลักของรถยนต์อัจฉริยะที่ Leapmotor สามารถพัฒนารถยนต์เพื่อรองรับการประมวลผลขนาดใหญ่สำหรับการขับขี่อัตโนมัติ และห้องโดยสารอัจฉริยะ มีศักยภาพพอที่จะรองรับระบบช่วยขับขี่ หรือ Level 2+ ไปจนถึงรถยนต์อัตโนมัติแบบไม่ต้องใช้มนุษย์ระดับ Level 5 บ้านเราอาจจะมีการปรับเปลี่ยนตัดฟังค์ชันบางตัวออกไปในส่วนนี้ ซึ่งแอบน่าเสียดาย
สำหรับ Leapmotor C10 ถือเป็นรถเอสยูวีไฟฟ้ารุ่นแรกที่จะเข้ามาสู่ตลาดยานยนต์บ้านเรา ที่มาพร้อมห้องโดยสารกว้างขวาง พร้อมความอเนกประสงค์สำหรับครอบครัว ด้านสมรรถนะ และการควบคุมนับว่าดีที่สุดในรถกลุ่มเดียวกัน โดยมีคู่แข่งไฟฟ้าที่จะมาต่อกรร่วม ได้แก่ Deepal S07 (ดีพอล เอส 07), Xpeng G6 (เสี่ยวเผิง จี 6) และที่กำลังจะเข้ามาอย่าง Geely EX5 (จีลี อีเอกซ์ 5) หรือ Aion V (ไอออน วี) ซึ่งเข้ามาแข่งขันโดยตรงกันอย่างดุเดือดในสิ้นปีนี้ สำหรับค่าตัวที่อยู่ในระดับประมาณไม่ต่ำกว่า 9 แสน-1.1 ล้านบาท
ด้วยทั้งหมดของการนำเสนอ ความเรียบง่าย ความทันสมัยของ Leapmotor ถือเป็นอีกหนึ่งยี่ห้อน้องใหม่ที่หลายคนจับตามองในอนาคตเมืองไทยอย่างมาก ด้วยการผลิตรถยนต์ลอทแรก จากประเทศจีนไปยังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคมากกว่าหลายพันคัน เป็นการตอกย้ำถึงความพร้อมในการทำตลาดเอเชียอย่างแท้จริง สำหรับบ้านเราภายในสิ้นปีจะนำมาจัดแสดงคันจริงให้ได้เห็นเป็นครั้งแรกในงาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41" หรือ Motor Expo 2024 ใครกำลังมองหาเอสยูวีอีกหนึ่งรุ่นที่แปลกใหม่ บอกเลยว่าไม่ควรพลาดอย่างแน่นอน