ธุรกิจ
อุตสาหกรรมยานยนต์หดตัว ลดเป้าผลิตลงอีก 2 แสนคัน
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เผยลดเป้าผลิตรถยนต์ลงอีก 2 แสนคัน เดือนตุลาคม 2567 ผลิตรถยนต์ 118,842 คัน ลดลงร้อยละ 25.13 ขาย 37,691 คัน ลดลงร้อยละ 36.06 ส่งออก 84,334 คัน ลดลงร้อยละ 20.23 ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 688 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 34,300 ขายรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) 3,717 คัน ลดลงร้อยละ 49.73
สุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) ร่วมเปิดเผยจำนวนการผลิต ยอดขายภายในประเทศ และการส่งออกรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ของประเทศ ในเดือนตุลาคม 2567 ดังต่อไปนี้
การผลิต
จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนตุลาคม 2567 มีทั้งสิ้น 118,842 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 25.13 และลดลงจากเดือนกันยายน 2567 ร้อยละ 2.81 เพราะผลิตเพื่อส่งออกลดลงร้อยละ 7.00 และผลิตเพื่อขายในประเทศลดลงร้อยละ 51.70
จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม-ตุลาคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,246,868 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ร้อยละ 19.28
รถยนต์นั่ง เดือนตุลาคม 2567 ผลิตได้ 47,481 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 17.07 โดยแบ่งเป็น
• รถยนต์นั่ง Internal Combustion Engine มีจำนวน 32,607 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 22.49
• รถยนต์นั่ง Battery Electric Vehicle มีจำนวน 688 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 34,300
• รถยนต์นั่ง Plug-in Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 500 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 8.76
• รถยนต์นั่ง Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 13,686 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 6.48
ยอดผลิตของรถยนต์นั่ง ตั้งแต่เดือนมกราคม-ตุลาคม 2567 มีจำนวน 474,200 คัน เท่ากับร้อยละ 38.03 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ร้อยละ 11.91 โดยแบ่งเป็น
• รถยนต์นั่ง Internal Combustion Engine มีจำนวน 301,931 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ร้อยละ 27.41
• รถยนต์นั่ง Battery Electric Vehicle มีจำนวน 8,026 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ร้อยละ 5,215.23
• รถยนต์นั่ง Plug-in Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 5,067 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ร้อยละ 36.85
• รถยนต์นั่ง Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 159,176 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ร้อยละ 39.38
รถยนต์โดยสารขนาดต่ำกว่า 10 ตัน และมากกว่า 10 ตันขึ้นไป ในเดือนตุลาคม 2567 ไม่มีการผลิต รวมเดือนมกราคม-ตุลาคม 2567 ผลิตได้ 10 คัน ลดลงจากปีที่แล้วร้อยละ 90.74
รถยนต์บรรทุก เดือนตุลาคม 2567 ผลิตได้ทั้งหมด 71,361 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 29.67 และตั้งแต่เดือนมกราคม-ตุลาคม 2567 ผลิตได้ทั้งสิ้น 772,658 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ร้อยละ 23.22
รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนตุลาคม 2567 ผลิตได้ทั้งหมด 70,514 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 27.83 และตั้งแต่เดือนมกราคม-ตุลาคม 2567 ผลิตได้ทั้งสิ้น 757,709 คัน เท่ากับร้อยละ 60.77 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ร้อยละ 22.33 โดยแบ่งเป็น
• รถกระบะบรรทุก 120,468 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ร้อยละ 30.03
• รถกระบะดับเบิลแคบ 500,462 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ร้อยละ 21.84
• รถกระบะ PPV 136,779 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ร้อยละ 16.11
รถบรรทุกขนาดต่ำกว่า 5 ตัน-มากกว่า 10 ตัน เดือนตุลาคม 2567 ผลิตได้ 847 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 77.52 รวมเดือนมกราคม-ตุลาคม 2567 ผลิตได้ 14,949 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ร้อยละ 51.38
ผลิตเพื่อส่งออก
เดือนตุลาคม 2567 ผลิตได้ 87,741 คัน เท่ากับร้อยละ 73.83 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 7.00 ส่วนเดือนมกราคม-ตุลาคม 2567 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 861,916 คัน เท่ากับร้อยละ 69.13 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากปี 2566 ระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 4.69
รถยนต์นั่ง เดือนตุลาคม 2567 ผลิตเพื่อการส่งออก 27,187 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 4.99 และตั้งแต่เดือนมกราคม-ตุลาคม 2567 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 256,817 คัน เท่ากับร้อยละ 54.16 ของยอดผลิตรถยนต์นั่ง ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ร้อยละ 3.72
รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนตุลาคม 2567 มียอดการผลิตเพื่อการส่งออก 60,554 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 7.87 และตั้งแต่เดือนมกราคม-ตุลาคม 2567 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 605,099 คัน เท่ากับร้อยละ 79.86 ของยอดการผลิตรถกระบะ ลดลงจากเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ร้อยละ 7.86 โดยแบ่งเป็น
• รถกระบะบรรทุก 51,244 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ร้อยละ 22.67
• รถกระบะดับเบิลแคบ 443,787 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ร้อยละ 10.88
• รถกระบะ PPV 110,068 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ร้อยละ 19
ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ
เดือนตุลาคม 2567 ผลิตได้ 31,101 คัน เท่ากับร้อยละ 26.17 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 51.70 และเดือนมกราคม-ตุลาคม 2567 ผลิตได้ 384,952 คัน เท่ากับร้อยละ 30.87 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ร้อยละ 39.89
รถยนต์นั่ง เดือนตุลาคม 2567 ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 20,294 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 29.14 แต่ตั้งแต่เดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ผลิตได้ 217,383 คัน เท่ากับร้อยละ 45.84 ของยอดการผลิตรถยนต์นั่ง โดยเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ลดลงร้อยละ 25.22
รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนตุลาคม 2567 มียอดการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 9,960 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 68.85 และตั้งแต่เดือนมกราคม-ตุลาคม 2567 ผลิตได้ทั้งสิ้น 152,610 คัน เท่ากับร้อยละ 20.14 ของยอดการผลิตรถกระบะ และลดลงจากเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ร้อยละ 52.14 ซึ่งแบ่งเป็น
• รถกระบะบรรทุก 69,224 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ร้อยละ 34.64
• รถกระบะดับเบิลแคบ 56,675 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ร้อยละ 60.20
• รถกระบะ PPV 26,711 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ร้อยละ 62.13
รถยนต์โดยสารขนาดต่ำกว่า 10 ตัน และมากกว่า 10 ตันขึ้นไป ในเดือนตุลาคม 2567 ไม่มีการผลิต รวมเดือนมกราคม-ตุลาคม 2567 ผลิตได้ 10 คัน ลดลงจากปีที่แล้วร้อยละ 90.74
รถบรรทุก เดือนตุลาคม 2567 ผลิตได้ 847 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 77.52 และตั้งแต่เดือนมกราคม-ตุลาคม 2567 ผลิตได้ทั้งสิ้น 14,949 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ร้อยละ 51.83
รถจักรยานยนต์
เดือนตุลาคม 2567 ผลิตรถจักรยานยนต์ได้ทั้งสิ้น 294,395 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 70.52 แยกเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) 149,010 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 6.35 และชิ้นส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ (CKD) 145,385 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 346.93
ยอดการผลิตรถจักรยานยนต์เดือนมกราคม-ตุลาคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 2,030,213 คัน ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 1.49 โดยแยกเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) 1,585,364 คัน ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 10.84 แต่ชิ้นส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ (CKD) 444,849 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 57.34
ยอดขาย
ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนตุลาคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 37,691 คัน ลดลงจากเดือนกันยายน 2567 ร้อยละ 36.08 ต่ำสุดในรอบ 54 เดือน นับตั้งแต่ยกเลิกลอคดาวน์จากการระบาดของ COVID-19 เดือนพฤษภาคม 2563 จากการเข้มงวดในการให้กู้ซื้อรถยนต์ของสถาบันการเงินเป็นหลัก ส่งผลให้จำนวนบัญชีผู้กู้ซื้อรถยนต์ในไตรมาส 3 มี 6,365,571 บัญชี ลดลงจากไตรมาส 2 ถึง 75,377 บัญชี เท่ากับร้อยละ 1.2 และลดลงจากไตรมาส 3 ปี 2566 จำนวน 199,655 บัญชี หรือร้อยละ 3.0 จำนวนเงินหนี้รถยนต์ไตรมาส 3 มีจำนวน 2,465,204 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 2 ร้อยละ 2.8 และลดลงร้อยละ 5.8 จากไตรมาส 3 ปี 2566 รถบรรทุกลดลงจากเศรษฐกิจของประเทศที่ยังอ่อนแอ เติบโตในอัตราต่ำ และหนี้ครัวเรือนสูง ดัชนีภาคอุตสาหกรรมขยายตัวต่ำที่ร้อยละ 0.1 ในไตรมาส 3
รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 21,814 คัน เท่ากับร้อยละ 57.67 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 33.21
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 11,562 คัน เท่ากับร้อยละ 30.68 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 27.80
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) 3,717 คัน เท่ากับร้อยละ 9.86 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้ว ร้อยละ 49.73
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 227 คัน เท่ากับร้อยละ 0.60 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 187.34
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 6,308 คัน เท่ากับร้อยละ 16.74 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 31.23
รถกระบะมีจำนวน 10,896 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 41.65 รถ PPV มีจำนวน 2,451 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 43.33 รถบรรทุก 5-10 ตัน มีจำนวน 1,270 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 33.02 และรถประเภทอื่นๆ มีจำนวน 1,260 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 10.57
ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 140,113 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2566 ร้อยละ 18.86 และเพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 3.80
ตั้งแต่เดือนมกราคม-ตุลาคม 2567 รถยนต์มียอดขาย 476,350 คัน ลดลงจากปี 2566 ในระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 26.24 แยกเป็น
รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 284,304 คัน เท่ากับร้อยละ 59.84 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 12.22
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 129,440 คัน เท่ากับร้อยละ 27.17 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 36.65
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) 55,936 คัน เท่ากับร้อยละ 11.74 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 0.33
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 1,880 คัน เท่ากับร้อยละ 0.39 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 8.17
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 97,048 คัน เท่ากับร้อยละ 20.37 ของยอดขายรถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์ เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 39.56
รถกระบะมีจำนวน 137,456 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 39.54 รถ PPV มีจำนวน 29,395 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 42.98 รถบรรทุก 5-10 ตัน มีจำนวน 13,582 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 38.83 และรถประเภทอื่นๆ มีจำนวน 11,613 คัน ลดลงจากเดือนช่วงกันในปีที่แล้วร้อยละ 10.87
ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 1,421,824 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ร้อยละ 10.09 แบ่งเป็นรถจักรยานยนต์ ICE จำนวน 1,421,624 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันร้อยละ 10.04 รถจักรยานยนต์ BEV จำนวน 200 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันร้อยละ 9.09
การส่งออก รถยนต์สำเร็จรูป
เดือนตุลาคม 2567 ส่งออกได้ 84,334 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วร้อยละ 5.08 แต่ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 20.23 ส่งออกลดลงเพราะฐานสูงในเดือนเดียวกันของปี 2566 ที่ส่งออกถึง 105,726 คัน ส่งผลให้ส่งออกลดลงทุกตลาด ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ คือ ตลาดออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง และยุโรป ที่สงครามอิสราเอลกับฮามาสขยายมากขึ้น อาจจะส่งผลกระทบการส่งออกไปยังตลาดดังกล่าวน้อยลง อีกความขัดแย้งที่ต้องติดตามแบบไม่กะพริบตาที่จะกระทบเศรษฐกิจโลก คือ สงครามยูเครนกับรัสเซีย ที่อาจขยายไปประเทศอื่นซึ่งกระทบการส่งออกรถยนต์ และสินค้าอื่นๆ แบ่งเป็น
• รถกระบะ 45,922 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 54.45 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 26.67
• รถยนต์นั่ง ICE 21,831 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 25.89 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 23.17
• รถยนต์นั่ง HEV 3,806 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 4.51 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 80.21
• รถ PPV 12,775 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 15.15 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 1.61
มูลค่าการส่งออกรถยนต์ 55,728.19 ล้านบาท ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 23.11
• เครื่องยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 3,336.39 ล้านบาท ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 10.17
• ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 15,715.26 ล้านบาท ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 11.96
• อะไหล่รถยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 2,495.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 9.04
รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนตุลาคม 2567 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 77,274.86 ล้านบาท ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 19.78
เดือนมกราคม-ตุลาคม 2567 ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 853,221 คัน ลดลงจากช่วงระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 8.02 แบ่งเป็น
• รถกระบะ ICE 486,584 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 57.03 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 11.76
• รถยนต์นั่ง ICE 210,945 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 24.72 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 20.35
• รถยนต์นั่ง HEV 41,336 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 4.84 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 336.59
• รถ PPV 114,356 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 13.40 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 12.23
มูลค่าการส่งออกรถยนต์ 588,790.48 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ร้อยละ 0.53 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
• เครื่องยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 29,588.95 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ร้อยละ 8.03
• ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 161,691.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ร้อยละ 4.42
• อะไหล่รถยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 22,150.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ร้อยละ 9.52
รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนมกราคม-ตุลาคม 2567 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 802,220.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ร้อยละ 0.38
รถจักรยานยนต์
เดือนตุลาคม 2567 มีจำนวนส่งออก 175,066 คัน (รวม CBU+CKD) เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2567 ร้อยละ 150.98 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 156.94 โดยมีมูลค่า 6,562.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 16.62
• ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 268.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 16.24
• อะไหล่รถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 232.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 62.24
รวมมูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์ เดือนตุลาคม 2567 ชิ้นส่วนและอะไหล่รถจักรยานยนต์ 7,063.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 17.69
เดือนมกราคม-ตุลาคม 2567 รถจักรยานยนต์ มีจำนวนส่งออก 776,362 คัน (รวม CBU+CKD) เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 15.89 มีมูลค่า 52,751.56 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 5.76
• ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 2,183 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 13.48
• อะไหล่รถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 1,704.83 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 1.10
รวมมูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์เดือนมกราคม-ตุลาคม 2567 ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 56,639.39 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ร้อยละ 5.89
เดือนตุลาคม 2567 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่นๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 79,338.66 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 17.59
เดือนมกราคม-ตุลาคม 2567 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่นๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 858,860.17 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 0.06
ปรับเป้าการผลิตรถยนต์ ปี 2567 จาก 1,700,000 คัน เป็น 1,500,000 คัน
ตัวเลขประมาณการการผลิตรถยนต์ของสมาชิกกลุ่มฯ ในปี 2567 (ใหม่) ปรับเป้าผลิตรถยนต์ปี 2567 จาก 1,700,000 คัน เป็น 1,500,000 คัน ลดลง 200,000 คัน โดยปรับการผลิตขายในประเทศลดลงจาก 550,000 คัน เป็น 450,000 คัน และการผลิตเพื่อส่งออกลดลงจาก 1,150,000 คัน เป็น 1,050,000 คัน
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนตุลาคม 2567
เดือนตุลาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 6,651 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคมปีที่แล้วร้อยละ 32.19 โดยแบ่งเป็น
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 4,890 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 36.62
o รถยนต์นั่งจำนวน 4,782 คัน
o รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คน จำนวน 101 คัน
o รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 1 คัน
o รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 6 คัน
• รถกระบะ และรถแวนมีทั้งสิ้น 40 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 110.53
• รถยนต์สามล้อรับจ้างมีทั้งสิ้น 3 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 90.32
o รถยนต์สามล้อส่วนบุคคลจำนวน 2 คัน
o รถยนต์รับจ้างสามล้อจำนวน 1 คัน
• รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 1,702 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 13.47
o รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 1,702 คัน
• รถโดยสารมีทั้งสิ้น 7 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 89.39
• รถบรรทุกมีทั้งสิ้น 9 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคมปีที่แล้วร้อยละ 10
เดือนมกราคม-ตุลาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 82,304 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-ตุลาคมปีที่แล้วร้อยละ 6.12 โดยแบ่งเป็น
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 59,198 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ร้อยละ 2.18
o รถยนต์นั่งจำนวน 57,484 คัน
o รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คน จำนวน 1,634 คัน
o รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 10 คัน
o รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 67 คัน
o รถยนต์บริการให้เช่าจำนวน 3 คัน
• รถกระบะ และรถแวนมีทั้งสิ้น 549 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ร้อยละ 289.36
• รถยนต์สามล้อมีทั้งสิ้น 144 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ร้อยละ 51.35
o รถยนต์สามล้อส่วนบุคคลจำนวน 38 คัน
o รถยนต์รับจ้างสามล้อจำนวน 106 คัน
• รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 21,756 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ร้อยละ 21.53
o รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 21,647 คัน
o รถจักรยานยนต์สาธารณะจำนวน 109 คัน
• รถโดยสารมีทั้งสิ้น 288 คัน ซึ่งลดลงเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ร้อยละ 76.22
• รถบรรทุกมีทั้งสิ้น 369 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ร้อยละ 419.72
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท HEV เดือนตุลาคม 2567
เดือนตุลาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 8,622 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคมปีที่แล้วร้อยละ 30.36 โดยแบ่งเป็น
• รถยนต์นั่ง และรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 8,569 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 30.15
o รถยนต์นั่งจำนวน 8,567 คัน
o รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คน จำนวน 1 คัน
o รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 1 คัน
• รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 53 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 82.76
o รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 53 คัน
เดือนมกราคม-ตุลาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 112,819 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-ตุลาคมปีที่แล้วร้อยละ 56.61 โดยแบ่งเป็น
• รถยนต์นั่ง และรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 112,353 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ร้อยละ 57.09
o รถยนต์นั่งจำนวน 112,253 คัน
o รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คน จำนวน 26 คัน
o รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 17 คัน
o รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 53 คัน
o รถยนต์บริการให้เช่าจำนวน 3 คัน
• รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 466 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ร้อยละ 9.51
o รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 466 คัน
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท PHEV เดือนตุลาคม 2567
เดือนตุลาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 773 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคมปีที่แล้วร้อยละ 8.95 โดยแบ่งเป็น
• รถยนต์นั่ง และรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 773 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคมปีที่แล้วร้อยละ 8.95
o รถยนต์นั่งจำนวน 773 คัน
เดือนมกราคม-ตุลาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 8,083 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-ตุลาคมปีที่แล้วร้อยละ 22.15 โดยแบ่งเป็น
• รถยนต์นั่ง และรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 8,083 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-ตุลาคม 2566 ร้อยละ 22.15
o รถยนต์นั่งจำนวน 8,076 คัน
o รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 7 คัน
ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567
ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV มีจำนวนทั้งสิ้น 213,173 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 94.70 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 148,559 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 107.57
o รถยนต์นั่งมีจำนวน 145,749 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 105.46
o รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คน มีจำนวน 2,251 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 399.11
o รถยนต์บริการธุรกิจมีจำนวน 80 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 175.86
o รถยนต์บริการทัศนาจรมีจำนวน 143 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 429.63
o รถยนต์บริการให้เช่ามีจำนวน 3 คัน ซึ่งในช่วงเดียวกันไม่มีการจดทะเบียน
o รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มีจำนวน 333 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 166.40
• รถกระบะ และรถแวนมีจำนวน 814 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 302.97
• รถยนต์ 3 ล้อมีจำนวนทั้งสิ้น 1,026 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 33.25
o รถยนต์สามล้อส่วนบุคคลมีจำนวน 120 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 53.85
o รถยนต์รับจ้างสามล้อมีจำนวน 906 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 30.92
• รถจักรยานยนต์มีจำนวนทั้งสิ้น 59,396 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 73.43
o รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมีจำนวน 59,269 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 73.68
o รถจักรยานยนต์สาธารณะมีจำนวน 127 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 4.10
• อื่นๆ
o รถโดยสารมีจำนวนทั้งสิ้น 2,705 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 11.96
o รถบรรทุกมีจำนวนทั้งสิ้น 673 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 139.50
ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567
ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV มีจำนวนทั้งสิ้น 455,364 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 37.67 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
• รถยนต์นั่ง และรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 446,040 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 38.66
o รถยนต์นั่งมีจำนวน 445,069 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 38.70
o รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารฯ มีจำนวน 497 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 4.41
o รถยนต์บริการธุรกิจ มีจำนวน 73 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 52.08
o รถยนต์บริการทัศนาจร มีจำนวน 206 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 43.06
o รถยนต์บริการให้เช่า มีจำนวน 5 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 150
o รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มีจำนวน 190 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 68.14
• รถกระบะและรถแวนมีจำนวน 1 คัน เท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2566
• รถจักรยานยนต์มีจำนวนทั้งสิ้น 9,321 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 2.44
o รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมีจำนวน 9,321 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 2.44
• อื่นๆ
o รถโดยสารมีจำนวนทั้งสิ้น 2 คัน ซึ่งเท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2566
ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567
ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV มีจำนวนทั้งสิ้น 61,913 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 17.53 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
• รถยนต์นั่ง และรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 61,913 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 17.53
o รถยนต์นั่งมีจำนวน 61,841 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 17.55
o รถยนต์บริการธุรกิจมีจำนวน 43 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 4.88
o รถยนต์บริการทัศนาจรมีจำนวน 19 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 5
o รถยนต์บริการให้เช่ามีจำนวน 5 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 66.67
o รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มีจำนวน 5 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 25