บทความ
Paint Protection เผยความลับ ฟีล์มกันรอยรถยนต์
หากคุณเป็นคนที่ใช้รถยนต์เป็นประจำ หรือ รักในรถยนต์คันโปรด หนึ่งวิธีที่จะทำให้รถของคุณได้รับการปกป้องอยู่เสมอ หลายคนเลือกลงทุนกับสิ่งที่เรียกว่า “ฟีล์มกันรอยรถยนต์” นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สำคัญที่เจ้าของรถระดับกลางไปจนถึงรถมูลค่ามหาศาลในยุคปัจจุบันเลือกใช้ เราจะพาทุกคนมาเปิดความลับเกี่ยวกับฟีล์มกันรอยรถยนต์ที่หลายคนยังไม่รู้ ให้ทุกคนเข้าใจถึงความจำเป็นในการเลือกฟีล์มที่เหมาะสมกับการใช้งานและได้ของที่มีคุณภาพดีที่สุด
ติดฟีล์มกันรอย = รักษามูลค่ารถ
ปัจจุบันตัวเลือกการดูแลสภาพพื้นผิวรถยนต์เกิดขึ้นมากมาย ตั้งแต่การขัดเคลือบสี เคลือบเซรามิคระดับนาโน ไปจนถึงการเคลือบแวกซ์ ซึ่งส่วนใหญ่มักไปจบกับเลือกการติดตั้งฟีล์มปกป้องสภาพสี หรือ ฟีล์มกันรอยรถยนต์ เป็นวัสดุที่มีความยืดหยุ่น ทนทานต่อจารบี และน้ำมัน เพิ่มความใสให้กับผิวสี เคลือบพื้นผิวให้คงสภาพยาวนาน และที่สำคัญคุณสมบัติที่โดดเด่น คือสามารถทนทานต่อการขีดข่วน หรือ การเฉี่ยวชนในระดับหนึ่ง เมื่อลอกออกจะไม่ส่งผลเสียให้แก่ผิวสีตัวรถอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าคนที่เลือกติดฟีล์มกันรอยรถยนต์นั้นถือเป็นกลุ่มที่ต้องการคงรักษามูลค่าตัวรถ เช่น รถยนต์หรู (Luxury car) รถซูเพอร์คาร์ (Supercar) หรือรถคลาสสิค (Classic Car) ถือว่าฟีล์มมีส่วนช่วยเป็นอย่างมาก
หลายประเภท หลายเกรด หลายราคา
ฟีล์มไวนิล (Vinyl Wrap)
ไวนิลเป็นวัสดุองค์ประกอบพลาสติกชนิดพิเศษ เนื้อสัมผัสที่ให้การปกป้องชั้นพื้นผิว ติดตั้งง่าย มีความหนาเพียง 2- 4 มิลลิเมตร ข้อสังเกตที่หลายคนเลือกเน้น ไวนิลนั้นจะเน้นใช้งานสำหรับการเปลี่ยนสีชั่วคราว มักเกิดข้อผิดพลาดในการติดบ่อยครั้ง ไม่สามารถเคลือบสีรถได้ครบทุกชิ้นส่วน ทุกมุม มีอายุการใช้งานที่สั้นเพียง 1-3 ปี เมื่อถูกแสงแดดเป็นเวลานาน หรือมีรอยถลอก ความเสียหายจะซึมผ่านออกมาเห็นได้ชัดเจนจนสูญเสียความเงางามไป ราคาฟีล์มประเภทนี้จะอยู่ที่หลัก 1x,xxx-2x,xxx บาท
ฟีล์มป้องกันรอย (Paint Protection Film)
เป็นประเภทฟีล์มที่ดีขึ้นจากไวนิล คุณสมบัติมีความโปร่งใส น้ำหนักเบากว่าฟีล์มประเภทอื่น และยืดหยุ่นมากกว่า แต่ให้คุณสมบัติความทนทานอย่างน่าทึ่ง และมีความสามารถพิเศษคือ เมื่อเกิดการเฉี่ยวชนเล็กน้อย ตัวเนื้อฟีล์มมีนวัตกรรมสามารถซ่อมแซมตัวเองหรือ Self Healing และเมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว กว่า 90% แทบจะมองไม่เห็นรอยต่อบนรถยนต์อีกด้วย ซึ่งตัวฟีล์มกันรอบยังงแบ่งด้วยกัน 3 เกรดหลัก ดังนี้
PVC (Polyvinylchloride) - เป็นเกรดฟีล์มกันรอยรถยนต์ที่ต่ำที่สุด ใช้เนื้อฟีล์มที่มีลักษณะแข็ง ส่วนมากนำมาใช้สำหรับแรพ เปลี่ยนสีรถยนต์ ยืดหยุ่นได้น้อยมาก สามารถติดตั้งได้บนพื้นผิวตัวรถแต่ต้องใช้ความร้อนในการติดตั้งทุกขั้นตอน เพื่อทำให้ฟีล์มสามารถยึดตัว และห่อหุ้มเข้ากับตัวรถได้ การปกป้องรอยขีดข่วนกันรอยสะเก็ดหินทำได้เพียงเล็กน้อย ความหนาของฟีล์มอยู่ที่ประมาณ 50-100 ไมครอน อายุการใช้งานน้อยกว่า 1-3 ปี หากใช้งานยาวนาน แนะนำว่าฟีล์มแบบ PVC ไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่นัก ในด้านของราคาเนื่องจากฟีล์มรุ่นนี้ จะมีต้นทุนที่ถูกที่สุดในท้องตลาด ทำให้ราคาเริ่มต้นจะอยู่เพียง 1x,xxx - 3x,xxx บาท เท่านั้น
TPH (Thermoplastic Polyreuthane Hybrid) - เป็นเกรดฟีล์มกันรอยรถยนต์ระดับกลาง ที่ผสมผสานดัดแปลงโครงสร้างจากพลาสติกชนิด PVC กับ สารปรุงแต่งอื่นๆ เข้าด้วยกัน ความยืดหยุ่นยังไม่สามารถทำได้ดีเท่าฟีลม์แบบ TPU เพราะเกรดฟีลม์นี้ต้องมีการปรุงแต่งโครงสร้างทางวิศวกรรมให้สามารถยืดหยุ่นได้ ในด้านความสามารถในการกันรอยขีดข่วนสะเก็ดหิน จะทําได้ดีกว่าเกรด PVC ด้วยความหนา 120-200 ไมครอน แม้จะยืดตัวได้บ้างก็ไม่ทนต่อความร้อน ตามการใช้งานซึ่งอยู่ได้เพียง 3-5 ปี ที่สำคัญต้นทุนที่สูงทำให้การผลิตฟีล์ม TPH ออกมาในตลาดทุกวันนี้น้อยมากๆ ราคาติดฟีล์มกันรอยรถยนต์ เกรดนี้ จะเริ่มต้นอยู่ที่ 4x,xxx-12x,xxx บาท
TPU (Thermoplastic Polyreuthane) - อีกหนึ่งไฮไลท์ฟีล์มกันรอยรถยนต์ เกรดทอพ ยอดนิยมด้วยลักษณะยืดหยุ่นได้ดี ทนทานกว่า PVC และ TPH มาก สู้แสงแดดได้ดีกว่า ไม่กรอบแตกง่าย สามารถเคลือบพื้นผิวได้อย่างดีคล้ายกับ TPH แต่ต้นทุนการผลิตแตกต่างกันมาก เมื่อดึงฟีล์มยึดออกจากกันจะกลับมาคืนสภาพได้เหมือนเดิม หดกลับจะไม่ม้วนงอ สามารถรับแรงกระแทกของสะเก็ดหิน และปกป้องรอยขีดข่วน รอยจากการชนขนาดเล็กได้เป็นอย่างดี ด้วยความหนาของฟีล์มอยู่ที่ 150-215 ไมครอน หนากว่าการเคลือบแก้ว ถึงเกือบ 20 เท่าตัว อายุการใช้งานขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อ โดยรวมประมาณ 5-10 ปี แล้วแต่อายุการใช้งานหลังติดตั้งฟีล์มกันรอยรถยนต์ สำหรับราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 8x,xxx-2xx,xxx บาท ถือเป็นเกรดที่มูลค่าแพงที่สุดและเป็นประเภทหลักที่ทุกคนเลือกใช้
ฟีล์มกันรอยแบบสเปรย์ (Paint Protection Spray) - นวัตกรรมการพ่นฟีล์มป้องกันรอยใหม่ล่าสุด ที่สามารถปกป้องผิวรถจากรอยขีดข่วน เปลี่ยนสีตัวรถตามความต้องการได้ โดยไม่ทับสีเดิม มีคุณภาพการปกป้องด้วยเลเยอร์ความหนาที่ 230-250 ไมครอน ความพิเศษคือเป็นการใช้วิธีพ่นสเปรย์ลงชั้นผิวว่า 10 ชั้น เพื่อให้สามารถฉีดป้องกันได้ทุกจุดทุกมุม ไม่เห็นขอบ ไม่มีฟองอากาศ และไร้รอยต่อทุกขอบมุม เมื่อโดนความร้อนเนื้อฟีล์มสามารถคืนรูปเดิมได้เช่นเดียวกับ ฟีลม์ PPF รวมไปถึงการดูแลรักษาสามารถลอกออกได้ โดยไม่ทิ้งคราบกาว เช่นเดียวกันกับ PPF การติดตั้งจะใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าเกรดฟีล์มอื่นๆ ราคาติดตั้งจะอยู่ที่ 7x,xxx-15x,xxx บาท
อย่าคิดติดตั้งเอง เสี่ยงเกิดความเสียหาย
ปัจจุบันเป็นยุคแพร่หลายอย่างมากกับการติดตั้งฟีล์มกันรอยให้รถยนต์ ผู้ใช้งานส่วนหนึ่งรู้สึกว่าการสั่งซื้อฟีล์มมาเพื่อติดตั้งด้วยตัวเอง จะช่วยประหยัดเงินขึ้นและได้การปกป้องที่ดี แต่ปัจจุบันเราขอแนะนำอย่างยิ่งว่า "ไม่ควรติดตั้งเอง" เพราะฟีล์มที่ติดตั้งโดยไร้ซึ่งอุปกรณ์การติดตั้งที่เหมาะสมและการขาดคนที่มีประสบการณ์การติดตั้ง เสี่ยงเกิดความเสียหายต่อทุกสภาพพื้นผิวรถยนต์ได้ เช่น สีที่ผิดเพี้ยน คราบฝังลึก หรือเกิดสีหลุด เป็นปัญหาที่แก้ไขได้ยากโดยเฉพาะรถที่มีมูลค่าสูง ดังนั้นควรเลือกบริษัทที่รับติดตั้งฟีล์มเหล่านี้ที่มีประสบการณ์ ชื่อเสียง มีสภาพแวดล้อมที่พร้อมในการทำงาน และเลือกช่างฝีมือคุณภาพในการติดตั้งแทนเรา เพื่อการปกป้องที่ดีที่สุดจากผู้เชี่ยวชาญจริงๆ
รถเก่าสามารถติดตั้งฟีล์มกันรอยได้
ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยที่สุดเกี่ยวกับฟีล์มกันรอยก็คือ ฟีล์มสามารถใช้ได้เฉพาะกับรถใหม่เท่านั้นแต่นั่น "ไม่เป็นความจริง" ตอนนี้ไม่ว่ารถยนต์ของคุณจะมีอายุน้อย 1-2 ปี หรืออายุมากกว่า 10-25 ปี สภาพจะเป็นอย่างไร ฟีล์มกันรอยที่มีคุณภาพในปัจจุบันสามารถรักษาความสมบูรณ์แบบของสีรถไว้ได้นับหลายปี โดยการปกป้องรถเก่าที่เตรียมติดฟีล์มกันรอยนั้น พื้นผิวของรถจะต้องได้รับการเตรียมอย่างเหมาะสมก่อนการติดตั้ง หากพื้นผิวมีรอยขีดข่วนหรือรอยบุบ ควรทำการซ่อมแซมก่อนการติดฟีล์ม รวมถึงการดูแลรักษาทำความสะอาดรถยนต์อย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า และช่วยให้รถยนต์ของคุณดูดีและมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในระยะยาวได้เช่นกัน
ฟีล์มไม่สามารถคงสภาพตลอด ต้องดูแลรักษาต่อเนื่อง
ถึงแม้ว่าฟีล์มกันรอยจะมีคุณสมบัติการปกป้องมากมาย แต่ก็มีจุดที่ปกป้องไม่ทั่วถึงเช่นเดียวกัน แม้จะเป็นรอยขีดข่วนเล็กๆ น้อยๆ อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้อย่างรวดเร็วหากไม่ได้รับการแก้ไข หากต้องการให้สีรถของคุณดูดีที่สุดไปอีกหลายปี "คุณจำเป็นต้องดูแลฟีล์มเหมือนกับที่คุณดูแลสีเดิมของรถทุกๆ 3 - 6 เดือน" นับจากวันติดตั้งฟีล์ม หมายความว่า การล้างทำความสะอาดรถยนต์ที่ถูกต้อง การเลือกน้ำยาทำความสะอาดที่เหมาะกับวัสดุฟีลม์ควรทำอย่างเป็นประจำ จดจำไว้ว่า หลีกเลี่ยงสารเคมีที่รุนแรง ที่มีผลกระทบในการยึดเกาะ และวัสดุทำความสะอาดที่มีฤทธิ์กัดกร่อนซึ่งอาจทำให้ฟีล์มเสียหายได้ โดยสรุปคือ หากคุณดูแลฟีล์มที่ติดตั้งไว้เป็นอย่างดี ฟีล์มก็จะดูแลรถยนต์ของคุณได้ดี และรักษาสีรถของคุณให้คงอยู่เช่นเดียวกัน
