รถล่าสุด
BMW พร้อมรุกในปี 2568 และเปิดตัวรถรุ่นใหม่ของช่วงต้นปีนี้ !
BMW ประเทศไทย เปิดฉากปี 2568 ด้วยการประกาศกลยุทธ์สำคัญระลอกแรก หลังจากที่รักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดรถยนต์พรีเมียมของประเทศไทยไว้ได้เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน โดยจากเสียงตอบรับที่ดีของลูกค้าชาวไทยที่มีต่อรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ จาก BMW ประเทศไทย ตลอดรอบปีที่ผ่านมา พร้อมสานต่อกระแสตลาดด้วยการเปิดตัวรถยนต์ และมอเตอร์ไซค์ใหม่รวม 9 รุ่นในช่วงต้นปีนี้ เพื่อนำสมรรถนะ และนวัตกรรมสุดตื่นตาจากสนามแข่งมาให้สัมผัสกันบนท้องถนนในไทย ก่อนจะเดินหน้าเปิดตัวรุ่นอื่นๆ เพิ่มเติมอีกตลอดปี 2568
สำหรับปีที่ผ่านมา ท่ามกลางตลาดรถยนต์เซกเมนต์พรีเมียมในประเทศไทยที่ต้องเผชิญกับความท้าทายในหลายด้าน BMW และ MINI ทำยอดส่งมอบรถยนต์รวมกันอยู่ที่ 13,659 คันในปี 2567 ครองส่วนแบ่งตลาดที่ 45% ทั้งนี้ ยอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ 12,208 คันของ BMW ในปีที่แล้ว ทำให้แบรนด์ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำยอดจดทะเบียนรถยนต์ระดับพรีเมียมในประเทศไทยได้เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน ขณะที่การเปิดตัวรุ่นใหม่ในตระกูล New MINI Family ส่งผลให้ MINI มียอดส่งมอบรถเพิ่มสูงขึ้นอย่างแข็งแกร่งถึง 7.6%
รถยนต์พลังงานไฟฟ้าเติบโตโดดเด่น เสริมรากฐานที่แข็งแกร่งให้อนาคตวงการยานยนต์ไทย
ในปี 2567 ภารกิจการขับเคลื่อนนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของ BMW ดำเนินอย่างต่อเนื่องด้วยไลน์รถยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งสิ้น 6 รุ่นในประเทศไทย หลังจากที่ได้เปิดตัว BMW i5 และ iX2 เข้ามาเสริมทัพรุ่น iX3, i4, i7 และ iX ทั้งนี้ ส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมของBMWเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปีที่แล้ว โดยพุ่งขึ้นจาก 13.5% ในปี 2566 มาเป็น 22.6% ในปี 2567 และมีส่วนช่วยผลักดันให้ส่วนแบ่งตลาดพรีเมียมของ BMW เพิ่มสูงขึ้นเป็นสถิติใหม่ที่ 39.9% ส่วนการเปิดตัวMINI ในเจเนอเรชันใหม่ New MINI Family ในปีที่ผ่านมา เปิดโอกาสให้แฟนๆ ชาวไทยได้เป็นเจ้าของMINIไฟฟ้าโฉมใหม่ได้ ทั้งในรุ่น Cooper Countryman และน้องใหม่ล่าสุดอย่าง Aceman จึงทำให้ยอดส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าของ MINI เติบโตขึ้นกว่า 44% จากปีก่อนหน้า
สำหรับตลาดไทย แฟนๆ ของ BMW M ยังคงให้การต้อนรับรุ่นใหม่อย่าง BMW M5 และ M4 CS อย่างอบอุ่น หลังจากที่เปิดตัวไปในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 41 ที่ผ่านมา และปี 2568 ก็จะตื่นเต้นเร้าใจยิ่งกว่าเดิม ด้วยรถยนต์ใหม่จากตระกูล M และ M Performance ที่จ่อคิวรอเปิดตัวเพิ่มเติมอีกตลอดปี
MINI เตรียมกลับสู่สายการผลิตในไทยเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี
โรงงานและสายการผลิตของ BMW ประเทศไทย ที่จังหวัดระยอง นับเป็นความสำเร็จอันน่าภาคภูมิใจของ BMW และยังเป็นส่วนสำคัญของเครือข่ายสายการผลิตทั่วโลก ในปีนี้ โรงงานแห่งนี้จะได้ต้อนรับ MINI ในโอกาสที่ MINI Countryman รุ่นล่าสุด จะหวนคืนสู่สายการผลิตในประเทศไทยอีกครั้ง เพื่อเปิดโอกาสให้แฟนๆ ชาวไทยจับจองเป็นเจ้าของ MINI รุ่นใหญ่ตัวนี้กันได้ง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การกลับมาของ MINI ยังทำให้โรงงานแห่งนี้เป็นสายการผลิตแห่งเดียวในโลกของ BMW ที่สามารถประกอบรถยนต์ และรถจักรยานยนต์จากทั้งแบรนด์ BMW, MINI และBMW มอเตอร์ราด พร้อมยกระดับบริการทางการเงินด้วยนวัตกรรมดิจิทัล ต่อยอดความไว้วางใจของลูกค้า ท่ามกลางความท้าทายตลอดปี 2567
รถยนต์รุ่นใหม่ของ BMW ที่เตรียมเปิดตัวในช่วงต้นปี 2568
BMW 420i Coupe M Sport ใหม่
ราคา: 3,599,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็คเกจ BSI Standard)
BMW 430i Coupe M Sport ใหม่
ราคา: 4,099,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็คเกจ BSI Standard)
BMW ซีรีส์ 4 คูเป กลับมาอีกครั้งกับการปรับโฉมที่ผสมผสานความสุนทรีย์ในการขับขี่ และความสง่างามสไตล์สปอร์ทเข้าด้วยกันอย่างลงตัว โดยทั้ง BMW 420i Coupe M Sport และ 430i Coupe M Sport มาพร้อมงานออกแบบภายนอกที่โฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น เพิ่มทางเลือกสีตัวถังใหม่ 2 สี ได้แก่ Brooklyn Grey และ Cape York Green และดีไซจน์ห้องโดยสารที่ขับเน้นนวัตกรรมดิจิทัลล้ำสมัยของBMWให้โดดเด่น
นอกจากช่วงล้อแบบหน้ากว้าง เส้นสายที่ไหลลื่นตลอดคัน และสัดส่วนตัวถังแบบทอดยาวอันเป็นเอกลักษณ์ของซีรีส์ 4 แล้ว รถยนต์ทั้งสองรุ่นยังมีแชสซีที่ปรับแต่งมาเพื่อสมรรถนะอันยอดเยี่ยมและทรวดทรงที่เด่นสะดุดตาจากด้านข้าง ส่วนไฟหน้า LED รูปทรงบางเฉียบ (อัพเกรดเป็นระบบไฟหน้า Adaptive LED พร้อมไฟท้ายเลเซอร์สำหรับรุ่น 430i Coupe M Sport) วางขนาบข้างกระจังหน้าทรงไตคู่ซึ่งล้อมกรอบด้วยโครเมียมด้าน ส่วนแพคเกจ M Sport ที่ติดตั้งมาให้ ก็เติมความสปอร์ทอย่างเผ็ดร้อนด้วยดิฟฟิวเซอร์ที่ด้านล่างกันชนท้าย ปลายท่อไอเสียคู่ขนาดใหญ่ ระบบเบรค M Sport และชุดแต่ง M high-gloss Shadow Line บริเวณด้านข้าง
BMW 430i Coupe M Sport ใหม่ ยกระดับงานออกแบบให้เด่นขึ้นไปอีกด้วยหลังคากระจกระบบไฟฟ้า พร้อมชุดแต่ง M high-gloss Shadow Line และล้ออัลลอยน้ำหนักเบา M ขนาด 19 นิ้ว แบบ Double Spoke แบบสลับสี ซึ่งต่างจากรุ่น 420i Coupe M Sport ที่มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว แบบ Double Spoke แบบสลับสี
ขุมกำลังขับเคลื่อน BMW 420i Coupe M Sport ใหม่ คือ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Steptronic ให้กำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์/184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวทันเมตร/30.6 กก.ม. ที่ 1,350-4,000 รตน. จึงทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 7.5 วินาที และทำความเร็วสูงสุดเข้ามาที่ 240 กม./ชม. ส่วน 430i Coupe M Sport ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบเช่นกัน แต่ให้กำลังเพิ่มขึ้นเป็น 190 กิโลวัตต์ / 258 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวทันเมตรที่ 1,550-4,400 รตน. พร้อมเกียร์ 8 จังหวะ Steptronic Sport จึงลดเวลาการเร่งจาก 0-100 กม./ชม. เพียง 5.8 วินาที พร้อมความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. เสริมความเร้าใจด้วยฟังค์ชัน Launch Control
ภายในห้องโดยสาร ทั้งสองรุ่นยังให้บรรยากาศความสปอร์ทต่อเนื่อง เริ่มจากเบาะหลังแบบแยกที่นั่งที่ช่วยให้ผู้โดยสารด้านหลังสนุกไปกับการโลดแล่นบนท้องถนนได้เหมือนกับผู้โดยสารเบาะหน้า ส่วนวัสดุตกแต่งภายในก็ปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งสองรุ่น ด้วยผิวแบบ Aluminium Fine Brushed ในรุ่น 420i และ M Carbon Fibre ในรุ่น 430i นอกจากนี้ BMW 430i Coupe M Sport ยังเสริมความหรูภายในไปอีกขั้นด้วยเบาะหนัง Vernasca แต่งสีดำ/แดง หรือ Mocha พร้อมเบาะแบบ lumbar support สำหรับเบาะหน้า และระบบเสียงเซอร์ราวด์จาก Harman Kardon
ระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8.5 พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าเดิมในซีรีส์ 4 ใหม่ ทั้งสองรุ่น ด้วยเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ และประสบการณ์ดิจิทัลใหม่ๆ มากมายบนหน้าจอโฮมสกรีนที่ปรับโฉมให้ใช้งานสะดวกยิ่งขึ้น พร้อมเทคโนโลยี QuickSelect ที่ทำงานคู่กับระบบควบคุม BMW iDrive ได้อย่างลงตัว ทั้งนี้ BMW 420i Coupe M Sport ติดตั้งแพ็คเกจ BMW Live Cockpit Plus ที่มาพร้อมกับระบบนำทางแบบคลาวด์ผ่าน BMW Maps ซึ่งปรับปรุงให้สามารถป้อนจุดหมายปลายทาง และแสดงข้อมูลระหว่างการเดินทางได้ดียิ่งขึ้น ส่วน BMW 430i Coupe M Sport ก้าวต่อไปอีกขั้นด้วยแพ็คเกจ BMW Live Cockpit Professional ที่เพิ่มทั้งระบบแสดงผล BMW Head-Up Display สตรีมวิดีโอจากมุมมองของผู้ขับขี่ขึ้นแสดงบนหน้าจอหลัก พร้อมเสริมด้วยคำแนะนำที่เหมาะสมกับแต่ละสถานการณ์ตลอดเส้นทาง ฟังค์ชัน Augmented View เพื่อช่วยค้นหาที่จอดรถที่ยังว่างในลานจอดที่เต็มไปด้วยรถคันอื่น และปิดท้ายด้วย Parking Assistant Plus ที่พร้อมช่วยให้การจอดรถที่ปลายทางง่ายดายไร้กังวล
BMW M440i xDrive ใหม่
ราคา: 5,299,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็คเกจ BSI Standard)
แฟนๆ BMW ที่อยากยกระดับความสนุกในการขับขี่ของซีรีส์ 4 คูเปขึ้นไปอีกขั้น ต้องเตรียมสัมผัสความแรงที่เหนือกว่าจาก BMW M440i xDrive ใหม่ ที่เสริมทั้งพละกำลังและความคล่องตัวด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียง ขนาด 3.0 ลิตร ส่งพลังสู่พื้นถนนผ่านระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ BMW xDrive ให้สมรรถนะสูงสุด 285 กิโลวัตต์/387 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวทันเมตร/51.0 กก.ม. ที่ 1,800-5,000 รตน. ทำอัตราเร่งเร่งจาก 0-100 กม./ชม.ได้ 4.5 วินาที นอกจากนี้ ฟีเจอร์ Sprint ที่เพิ่มมาในแพคเกจ M Sport Pro ยังช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถดึงพลังของเครื่องยนต์ออกมาให้เต็มพิกัดมากขึ้น เพื่อการเร่งความเร็วในระยะสั้นไม่เกิน 10 วินาที พร้อมเสียงเครื่องยนต์ที่ดุดันสมกับสมรรถนะ ขณะที่ระบบกันสะเทือน Adaptive M และเฟืองท้ายแบบ M Sport เพิ่มความแม่นยำในการควบคุม และช่วยเปลี่ยนทุกเส้นทางให้ขับสนุกในทุกจังหวะ
นอกเหนือจากพละกำลังที่เพิ่มมากขึ้นแล้ว BMW M440i xDrive ใหม่ยังมาพร้อมรูปลักษณ์ที่แข็งแกร่ง สะท้อนความสปอร์ทมากยิ่งขึ้นในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นล้อแมกน้ำหนักเบาแบบ M ขนาด 19 นิ้ว แบบ Double Spoke สีดำ Jet Black ไฟหน้า Adaptive LED พร้อมไฟท้ายเลเซอร์ที่ได้แรงบันดาลใจจากรุ่นพี่ตระกูล M อย่างBMW M4 CSL ฝาครอบกระจกมองข้าง M HP กระจังหน้าทรงไตคู่ในสีดำเงาพร้อมสัญลักษณ์ M ที่ด้านข้าง คาลิเพอร์เบรค M Sport สีแดงเงา เข้าคู่กับชุดแต่ง M high-gloss Shadowline จนเกิดเป็นโฉมด้านข้างที่โฉบเฉี่ยว และดึงดูดทุกสายตา ก่อนจะปิดท้ายด้วยสปอยเลอร์ M สีดำ Black Sapphire
ส่วนห้องโดยสารก็เปี่ยมความสปอร์ทไม่แพ้กัน ด้วยเบาะนั่ง M Sport ด้านหน้า พร้อมเข็มขัดนิรภัย M ให้ความกระชับและนุ่มสบายสำหรับการออกโลดแล่นบนทุกเส้นทาง พร้อมระบบเสียงเซอร์ราวด์ Harman Kardon และงานออกแบบภายในที่สะท้อนทั้งความหรูและความแรง ผ่านชุดแต่ง M Carbon Fibre นอกจากนี้ BMW M440i xDrive ใหม่ ยังมาพร้อมเทคโนโลยีช่วยการขับขี่ครบครัน ทั้ง BMW Head-Up Display, Parking Assistant Plus และ Active Cruise Control พร้อมฟังค์ชัน Stop&Go ซึ่งสามารถใช้งานได้ผ่านหน้าจอแสดงผลดิจิทอล BMW Live Cockpit Professional พร้อมระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8.5
BMW M440i xDrive ใหม่ พร้อมให้เป็นเจ้าของแล้ววันนี้ในสี Mineral White Metallic, Black Sapphire Metallic, Brooklyn Grey Metallic, และ Fire Red Metallic
BMW 430i Convertible M Sport ใหม่
ราคา: 4,499,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็คเกจ BSI Standard)
สำหรับรุ่นใหม่ในตระกูลซีรีส์ 4 กับ BMW 430i Convertible M Sport ใหม่ ที่นำความสุนทรีย์ในการขับขี่ของ 430i รุ่นคูเป้มาเพิ่มความพิเศษอีกขั้นด้วยหลังคาผ้าแบบ panel bow soft-top ด้วยรูปทรงสวยสะดุดตา พร้อมขับเน้นทรวดทรง และเส้นสายที่ดูปราดเปรียวในสไตล์รถสปอร์ทเปิดประทุนได้อย่างลงตัว หลังคาผ้านี้ผสมผสานทั้งความแข็งแรงของหลังคาแข็งแบบพับเก็บได้ และรูปโฉมสไตล์คลาสสิกของหลังคาผ้าแบบเดิม โดยระบบเปิด-ปิดหลังคาแบบไฟฟ้าสามารถทำงานขณะขับขี่ที่ความเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม. โดยใช้เวลาเปิด-ปิดทั้งหมด 18 วินาที
BMW 430i Convertible M Sport มอบสมรรถนะการขับขี่ที่ไม่ต่างจากรุ่นคูเป ด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร รุ่นเดียวกัน ให้กำลังได้สูงสุด 190 กิโลวัตต์/258 แรงม้า โดยรุ่นเปิดประทุนนี้สามารถทำเวลาเร่งจาก 0-100 กม./ชม.ได้ที่ 6.2 วินาที และยังคงความเร็วสูงสุดไว้ที่ 250 กม./ชม.เช่นเดิม
งานออกแบบทั้งภายนอก และภายในของBMW 430i Convertible M Sport ใหม่ ล้วนเป็นการนำแนวคิดจากรุ่นคูเป้มาตีความใหม่ในสไตล์เปิดประทุน รุ่นเปิดประทุนนี้มาพร้อมกับล้อแมกน้ำหนักเบา M ขนาด 19 นิ้ว แบบ Double Spoke สองสีเช่นเดียวกับรุ่นคูเป้ ส่วนตัวถังโฉบเฉี่ยวด้วยชุดแต่ง M Sport และ M high-gloss Shadowline ที่ด้านข้าง พร้อมไฟหน้าแบบ Adaptive LED และไฟท้ายเลเซอร์ ส่วนภายใน โฉบเฉี่ยวด้วยชุดแต่ง M Carbon Fibre และติดตั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่ครบครัน รวมถึงระบบช่วยจอด Parking Assistant Plus บนหน้าจอ BMW Live Cockpit Professional พร้อมระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8.5 และระบบเครื่องเสียงเซอร์ราวด์ Harman Kardon
BMW 430i Convertible M Sport ใหม่ พร้อมให้เลือกเป็นเจ้าของได้ใน 5 สี ได้แก่ ขาว Mineral White Metallic, ดำ Black Sapphire Metallic (ทั้งสองสีมาพร้อมเบาะหนัง Vernasca ตกแต่งสีดำ/แดง), เทา Brooklyn Grey Metallic, น้ำเงิน Tanzanite Blue Metallic (ทั้งสองสีมาพร้อมเบาะหนัง Vernasca ตกแต่งด้วยตะเข็บสีดำ) และเขียว Cape York Green Metallic (พร้อมเบาะหนัง Vernasca ตกแต่งด้วยตะเข็บสีน้ำตาล)
BMW M340i xDrive ใหม่
ราคา: 3,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็คเกจ BSI Standard)
BMW ซีรีส์ 3 รุ่นยอดนิยมตลอดกาลที่เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของ BMW มาโดยตลอด พร้อมแล้วที่จะต้อนรับอีกหนึ่งสมาชิกใหม่ในตลาดไทยด้วยรุ่นทอพสมรรถนะสูงอย่าง BMW M340i xDrive ภายใต้รูปโฉมของซีรีส์ 3 รุ่นปัจจุบัน ด้านหน้าโดดเด่นด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่และไฟหน้า Adaptive LED แบบ M Lights Shadowline ส่วนตัวรถมีทั้งหลังคากระจกระบบไฟฟ้า ชุดแต่งสไตล์สปอร์ท M Aerodynamics พร้อมกรอบหน้าต่าง M high-gloss Shadowline และสปอยเลอร์ท้ายสไตล์ M ส่วนด้านข้างของตัวรถที่ดูเรียบหรูแบบสปอร์ท ก็ยิ่งเตะตาด้วยล้อแมกน้ำหนักเบา BMW Individual ขนาด 19 นิ้ว แบบ Y-spoke สองสี พร้อมคาลิเพอร์เบรค M Sport สีแดงเงา
ในฐานะรุ่นทอพระดับ M Performance ของซีรีส์ 3 BMW M340i xDrive ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเบนซิน 6 สูบเรียง ขนาด 3.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ให้กำลังสูงสุด 285 กิโลวัตต์ / 387 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 500 นิวทันเมตร/51.0 กก.ม. ที่ 1,800-5,000 รตน. ส่งลงสู่พื้นถนนผ่านระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ BMW xDrive ทั้งหมดนี้ทำให้ BMW M340i xDrive ใหม่ เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม.ได้ในเวลาเพียง 4.3 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 250 กม./ชม. ทั้งยังมั่นใจในทุกสถานการณ์ด้วยช่วงล่าง Adaptive M ระบบเกียร์ที่ติดตั้งเฟืองท้าย M Sport และฟังค์ชันช่วยเหลือผู้ขับขี่มากมายที่พร้อมรับประกันความสนุกสำหรับผู้ขับขี่ทุกระดับ
BMW M2 ใหม่
ราคา: 6,649,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็คเกจ BSI Standard)
BMW M2 (M Racetrack) ใหม่
ราคา: 7,349,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็คเกจ BSI Standard)
BMW M2 ใหม่ พร้อมนำเสนอที่สุดของความสนุกในการขับขี่สำหรับนักขับตัวจริง ด้วยสมรรถนะเหนือระดับในตัวรถขนาดกะทัดรัดที่ทั้งสวยเด่น และอัดแน่นด้วยนวัตกรรมมากกว่าที่เคย แถมด้วยตัวเลือกพิเศษสุดในรุ่นย่อยที่เสริมแพคเกจ M Racetrack มาเติมความแรงถึงขีดสุดให้แฟนๆ สาย M ได้ตื่นเต้นกันขึ้นไปอีก
BMW M2 รุ่นใหม่นี้ เพิ่มกำลังเครื่องยนต์จากรุ่นก่อนหน้ามาอีก 15 กิโลวัตต์ / 20 แรงม้า จึงทำให้เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียง ขนาด 3.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี M TwinPower Turbo ตัวนี้ให้กำลังสูงสุดถึง 353 กิโลวัตต์/480 แรงม้า และทำแรงบิดสูงสุดได้ 600 นิวทันเมตร/61.2 กก.ม. ที่ 2,700-5,620 รตน. ทั้ง M2 รุ่นปกติและรุ่น M Racetrack ทำเวลา 0-100 กม./ชม.ได้ 4.0 วินาทีเท่ากัน แต่รุ่น M Racetrack จะสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 285 กม./ชม. เร็วกว่ารุ่นพื้นฐาน 35 กม./ชม.
BMW M2 ใหม่ ต่อยอดความแรงจากเครื่องยนต์ด้วยคันเร่งที่ปรับจูนมาให้ตอบสนองฉับไว้ยิ่งขึ้น ส่วนระบบระบายความร้อนที่ออกแบบมาเพื่อสมรรถนะระดับ M โดยเฉพาะ สามารถรักษาอุณหภูมิการทำงานของระบบส่งกำลังให้เหมาะสมแม้ขณะขับขี่แบบเต็มประสิทธิภาพ ส่วนระบบกันสะเทือน Adaptive M และเฟืองท้าย M Sport ในชุดเกียร์ก็เพิ่มความแม่นยำในทุกการควบคุม
พื้นผิวภายนอกของ BMW M2 ใหม่ ตกแต่งด้วยเส้นสายที่ดูทรงพลัง เข้ากับสัดส่วนของตัวรถที่บ่งบอกถึงสมรรถนะ และความสปอร์ทอย่างชัดเจน ด้วยช่วงล้อที่กว้าง ตัดกับขนาดตัวรถที่กะทัดรัด ส่วนกระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ จัดวางในแนวนอนอยู่เหนือช่องรับอากาศแบบสามส่วนที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนของระบบส่งกำลัง และเบรค ชุดไฟหน้า Adaptive LED ปรับแต่งมาสำหรับรุ่นนี้โดยเฉพาะด้วยดีไซจน์ไฟหน้าเดี่ยวดวงเดียวสำหรับทั้งไฟต่ำ และไฟสูง ภายใต้แนวคิดเดียวกับตัวแรงรุ่นคลาสสิก ต้นกำเนิดของซีรีส์ 2 อย่างBMW 02 ซึ่งเคยเป็นเจ้าถนนในช่วงปลายทศวรรษ 60 ถึง 70 มาก่อน
ส่วนด้านข้าง มีซุ้มล้อที่ดูบึกบึนคู่กับขอบประตูล่างที่ยื่นออกเล็กน้อย ล้อมกรอบล้อแมก M น้ำหนักเบา ขนาด 19 นิ้ว (หน้า) / 20 นิ้ว (หลัง) แบบ double-spoke ซึ่งมีให้เลือกทั้งสีเงิน สองสี และสีดำ Jet Black ส่วนกันชนท้ายมาพร้อมดิฟฟิวเซอร์สไตล์รถแข่ง และชุดท่อไอเสียคู่สีดำ ตบท้ายลุคสปอร์ทแบบพร้อมลงสนามแข่งด้วยหลังคาแบบคาร์บอน
เมื่อก้าวเข้าสู่ห้องโดยสาร ผู้ขับขี่ก็จะได้พบกับพวงมาลัยคาร์บอนแบบท้ายตัด และชุดแป้นแพดเดิล ชิฟท์ด้านหลัง พร้อมมอบความแม่นยำสูงสุดในการควบคุมในลุคที่เข้ากันอย่างลงตัวกับเบาะนั่ง M Sport ชุดแต่ง M Carbon Fibre ภายใน และไฟสัญลักษณ์ M ที่มือจับประตูที่ช่วยเสริมบรรยากาศของความแรงสไตล์ M ไปอีกขั้น ส่วนรุ่น M Racetrack ตัวทอพ เปลี่ยนเบาะหน้าเป็นแบบ M Carbon bucket seat ที่ให้ความกระชับสูงสุด สำหรับระบบช่วยการขับขี่ และการควบคุมทั่วไปนั้น M2 ทั้ง 3 รุ่น มีแพคเกจ BMW Live Cockpit Professional ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน รวมถึงระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่แบบครบชุด
BMW M2 มีให้เลือกเป็นเจ้าของได้ใน 8 สี ได้แก่น้ำเงิน Zandvoort Blue Solid, ขาว Alpine White Solid, เหลือง Sao Paulo Yellow Solid, แดง Fire Red Metallic, เทา Skyscraper Grey Metallic, เทา Brooklyn Grey Metallic, น้ำเงิน Portimao Blue Metallic และดำ Black Sapphire Metallic ส่วนรุ่นพิเศษ M Racetrack มีให้เลือก 5 สีด้วยกัน ได้แก่ น้ำเงิน Zandvoort Blue Solid, ขาว Alpine White Solid, เหลือง Sao Paulo Yellow Solid, แดง Fire Red Metallic และเทา Skyscraper Grey Metallic พร้อมเบาะหนัง Merino แต่งไฮไลท์สีดำ เอกซ์คลูซีฟ
BMW M5 Touring ใหม่
(ประกาศราคาเร็ว ๆ นี้)
BMW M5 Touring ใหม่ พร้อมเบรคเซรามิค
(ประกาศราคาเร็ว ๆ นี้)
หลังจากที่เปิดตัวไปเมื่อสัปดาห์ก่อนในฐานะรถ Safety Car คันล่าสุดของการแข่งขัน MotoGP ในงาน MotoGP Season Launch ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ BMW M5 Touring ใหม่ ก็เตรียมตัวเผยโฉมในโชว์รูมและท้องถนนทั่วไทยพร้อมๆ กับการลงทำหน้าที่ในสนามแข่งครั้งแรกในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ กับรายการ MotoGP Thailand Grand Prix ที่จังหวัดบุรีรัมย์
BMW M5 Touring ใหม่ สรรสร้างมาในทุกรายละเอียดเพื่อการขับขี่ทุกรูปแบบ ตอบโจทย์ทั้งการเดินทางในชีวิตประจำวัน และทริพเดินทางไกล ทั้งยังพร้อมมอบสมรรถนะที่เป็นเลิศควบคู่กับทางเลือกในการขับขี่แบบไฟฟ้าล้วน คุณสมบัติทั้งหมดนี้รวบรวมไว้ภายใต้งานออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่งพันธุ์แท้ โดยรูปทรงของตัวถังด้านข้างผ่านการปรับแต่งให้เป็นเอกลักษณ์ประจำตัว ไม่ว่าจะเป็นซุ้มล้อที่นูนเด่นหรือเส้นหลังคาที่ทอดยาวไปด้านท้าย ส่วนด้านหน้ารถ แสดงคาแรกเตอร์ความแรงเต็มที่ด้วยช่องรับลมขนาดใหญ่ กระจังหน้าไตคู่แบบ M พร้อมไฟส่องสว่าง BMW Iconic Glow ขณะที่ท้ายรถประดับด้วยแถบไฟท้ายที่โค้งรับกับทุกสัดส่วน ตั้งอยู่เหนือดิฟฟิวเซอร์คู่ และชุดท่อไอเสีย 4 ท่อที่ยิ่งขับเน้นความสง่างาม และน่าเกรงขามให้ชัดเจน และยังสามารถจุสัมภาระได้สูงสุดถึง 1,630 ลิตร
ระบบขับเคลื่อน M HYBRID ใน BMW M5 Touring ใหม่ ผสานเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.4 ลิตรเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า พร้อมด้วยชุดเกียร์ 8 จังหวะ M Steptronic โดยตัวเครื่องยนต์เพียงอย่างเดียวให้กำลังสูงสุด 430 กิโลวัตต์ / 585 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 750 นิวทันเมตรที่ 1,800-5,400 รตน. ขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้า เทคโนโลยี BMW eDrive เจเนอเรชั่นที่ 5 ให้กำลังเพิ่มอีก 145 กิโลวัตต์ / 197 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวทันเมตร โดยรวมแล้ว ระบบ M HYBRID ในBMW M5 Touring ใหม่ ให้พละกำลังสูงสุดถึง 535 กิโลวัตต์ / 727 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่น่าทึ่งถึง 1,000 นิวทันเมตร / 100.2 กก.ม.
ด้วยสมรรถนะระดับนี้จากระบบส่งกำลัง BMW M5 Touring ใหม่ จึงต้องมีแชสซีที่ออกแบบมาด้วยนวัตกรรมจากBMW M เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง พร้อมด้วยช่วงล่าง Adaptive M เพื่อมอบความแม่นยำสูงสุดในทุกสภาพถนนและเส้นทาง M5 รุ่นใหญ่ตัวนี้เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม.ได้ในเวลาเพียง 3.6 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 305 กม./ชม. นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถเลือกอัปเกรดประสบการณ์ไปอีกขั้นด้วยระบบเบรคเซรามิก M Carbon ceramic ที่ช่วยลดระยะเบรค เพิ่มความไวในการตอบสนองในกรณีขับขี่เต็มสมรรถนะโดยใช้ทั้งคันเร่ง และเบรคคู่กัน
BMW M5 Touring ใหม่มาพร้อมล้อแมก M น้ำหนักเบา ขนาด 20 นิ้ว (หน้า) / 21 นิ้ว (หลัง) แบบ Double Spoke และพื้นที่เก็บสัมภาระสูงสุด 1,630 ลิตร พร้อมระบบเปิดประตูท้ายอัตโนมัติ ห้องโดยสารที่ออกแบบมาเพื่อผู้ขับขี่เป็นพิเศษ ครบครันด้วยงานออกแบบสุดสปอร์ทสไตล์ M ทั้งพวงมาลัยหนัง M เบาะนั่ง M multifunction พร้อมเข็มขัดนิรภัย M ระบบไฟภายในแบบเฉพาะรุ่น M และระบบเสียงเซอร์ราวด์จาก Bowers & Wilkins โดยทั้งหมดนี้ เสริมความหรูหราโฉบเฉี่ยวด้วยชุดแต่ง Dark Silver M ที่ผสมผสานสีเงินเข้มเข้ากับคาร์บอนไฟเบอร์ได้อย่างพอดี
ระบบควบคุม BMW iDrive เวอร์ชันล่าสุด พร้อมด้วยระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8.5 ที่รองรับการควบคุมฟังค์ชันต่าง ๆ ผ่านทั้งหน้าจอสัมผัสและการสั่งการด้วยเสียง ติดตั้งมาคู่กับแพ็คเกจ BMW Live Cockpit Professional ซึ่งรวมถึงระบบนำทาง BMW Maps และฟังค์ชัน Augmented View และระบบช่วยการขับขี่มากมายจาก Driving Assistant Professional ครอบคลุมทั้งระบบช่วยควบคุมพวงมาลัยและการเปลี่ยนเลน, Active Cruise Control และ
ตัวช่วยนำทางแบบ Active Navigation ขณะที่ Parking Assistant Professional ช่วยให้ควบคุมการจอดรถผ่านสมาร์ทโฟนจากภายนอกตัวรถได้
MINI John Cooper Works Electric ใหม่
(ประกาศราคาเร็ว ๆ นี้)
“New MINI Family” เจเนอเรชันล่าสุดของ MINI ที่เพิ่งเปิดตัวไปในปีที่ผ่านมา เตรียมก้าวไปอีกขั้นด้วยการมาถึงของรุ่นท็อปพลังแรง MINI John Cooper Works Electric ซึ่งเป็นครั้งแรกของ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ กับการก้าวสู่โลกของยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัว
MINI John Cooper Works Electric แบบ 3 ประตู มาพร้อมระบบขับเคลื่อนแบบไฟฟ้าล้วนที่ให้กำลังสูงสุด 190 กิโลวัตต์ / 258 แรงม้า และแรงบิด 350 นิวทันเมตรที่เรียกใช้งานได้ทันทีแบบไม่มีหน่วง นอกจากจะตอบสนองการส่งกำลังได้อย่างรวดเร็วในแบบรถ BEV แล้ว JCW ไฟฟ้ารุ่นนี้ยังเติมความแรงได้อีกขณะออกตัวด้วยฟังค์ชัน Electric Boost ที่เสริมพลังให้มอเตอร์ไฟฟ้าเพิ่มอีก 20 กิโลวัตต์เป็นระยะสั้น ๆ ขณะเร่งความเร็ว ส่วนช่วงล่างก็ผ่านการปรับจูนมาในสไตล์จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ เต็มตัว ให้ความรู้สึก “Go-Kart feeling” ที่เป็นเอกลักษณ์ของMINIในแบบพลังสูง คล่องตัวกับทุกโค้งในแบบที่แฟน ๆ MINIชื่นชอบ
การตกแต่งและอุปกรณ์พิเศษเฉพาะรุ่นรอบคัน ทำให้ MINI John Cooper Works Electric เป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างประวัติศาสตร์จากโลกมอเตอร์สปอร์ทและอนาคตของวงการยานยนต์ JCW รุ่นใหม่นี้ สวยเฉี่ยวด้วยโลโก้ JCW สีแดง-ขาว-ดำ ที่ได้แรงบันดาลใจจากธงตาหมากรุก และสปอยเลอร์ท้ายที่สวยเด่นช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทั้งในด้านอากาศพลศาสตร์ และด้านระยะทางการขับขี่ที่สูงถึง 371 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง
ภายในห้องโดยสาร ยังเต็มไปด้วยโทนสีแดงและดำอันเป็นเอกลักษณ์ของจอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ ทั้งพวงมาลัยสปอร์ท JCW สีดำที่ประดับด้วยตะเข็บสีแดงและหุ้มผ้าที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกาเพื่อให้จับถนัดมือ เบาะสปอร์ท JCW ให้การรองรับที่มั่นคงระหว่างการขับขี่แบบสุดตัว ตกแต่งด้วยตะเข็บสีแดงตัดกับหนังเทียมสีดำเช่นเดียวกับผิวหน้าของคอนโซล นอกจากนี้ ระบบ MINI Experience Modes ในรุ่นนี้ ยังมีโหมด Go-Kart ที่เพิ่มเข้ามาสำหรับรถยนต์ตระกูล JCW โดยเฉพาะเพื่อเติมกลิ่นอายของมอเตอร์สปอร์ทให้เข้มข้นยิ่งขึ้น โดยโหมดนี้จะตั้งค่าพวงมาลัยให้ไวมากขึ้น คันเร่งตอบสนองเร็วขึ้น และแสดงข้อมูลเพิ่มเติมบนหน้าจอ OLED ทรงกลมด้านหน้า ทั้งแรงบิด กำลังเครื่องยนต์ และแรง G แบบเรียลไทม์ MINI John Cooper Works Electric รุ่นแรกนี้ มีให้เลือกเป็นเจ้าของในสีเทา Legend Grey, แดง Chili Red II, ขาว Nanuq White, ดำ Midnight Black II และน้ำเงิน Blazing Blue
