ข่าวจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า Volkswagen (โฟล์คสวาเกน ) ได้สรุปผลประกอบการในปี 2567 และพบว่ายอดขายรถไฟฟ้าลดลง 2.7 %, ยอดส่งมอบรถไฟฟ้าของ Audi (เอาดี) ลดลง 7.8 % ความต้องการใช้รถปลอดมลพิษของ Volkswagen ลดลง 3.4 % บ่งบอกว่าเป้าหมายการเปลี่ยนเป็นผู้ผลิตรถไฟฟ้าทุกรุ่นเริ่มมีความไม่แน่นอน ทำให้ทั้งสองแบรนด์ตัดสินใจลงทุนในการปรับปรุงรถเครื่องยนต์สันดาปภายในรุ่นปัจจุบัน ซึ่งทำให้รถเครื่องยนต์สันดาปภายในมีช่วงเวลาวางขายยาวนานขึ้น
Volkswagen และ Audi ได้ปรับแผนเลื่อนเป้าหมายการเป็นผู้ผลิตรถไฟฟ้าทุกรุ่นในยุโรปออกไป จากเดิมที่เคยประกาศเป็นผู้ผลิตรถไฟฟ้าทุกรุ่น ในปี 2033 แต่ตอนนี้แผนเริ่มไม่แน่นอนแล้ว และ Audi จะเลิกผลิตรถเครื่องยนต์สันดาปภายในทั่วโลกในปีเดียวกัน
ซีอีโอ Audi ประกาศปรับแผนกลยุทธ์ใหม่ ให้ยืดหยุ่นตามสภาพตลาด ส่วน Volkswagen จะจำหน่าย Golf Mk8 ต่อไปถึงช่วงกลางของทศวรรษหน้า และ Golf Mk9 เวอร์ชันไฟฟ้าล้วนจะวางตลาดปลายทศวรรษนี้ มีความเป็นไปได้ว่า Golf ทั้งสองเจนเนอเรชันจะวางจำหน่ายไปด้วยกันเป็นเวลาหลายปี
คาดว่าภายในต้นเดือนมีนาคม ทั้งสองบริษัทจะตัดสินใจลงทุนในเครื่องยนต์สันดาปภายในได้ ซึ่งจะมีผลถึงแบรนด์ในกลุ่มโฟล์ค คือ Skoda (สโกดา) และ Seat/Cupra (เซอัต/คูปรา) อย่างไรก็ตามหากสหภาพยุโรปยังคงเป้าหมายเดิม ซึ่งกำหนดให้จำหน่ายรถไฟฟ้าทุกรุ่นในปี 2578 บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ต้องปฏิบัติตามอยู่ดี
Porsche (โพร์เช) เป็นอีกแบรนด์ภายใต้ Volkswagen Group ที่ปรับแผนกลยุทธ์เนื่องจากยอดขายรถไฟฟ้าลดลง โดยยอดส่งมอบ Taycan (ไทย์คาน) ลดลง 49 % แต่ Macan (มาคัน) ทำยอดขายได้มากกว่า 18,000 คัน ซึ่งปี 2567 เป็นการวางขายเป็นปีแรก อย่างไรก็ตาม Porsche ปรับนโยบายใหม่ โดยเพิ่มทางเลือกด้วยการติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายใน ให้กับรถรุ่นใหม่ แม้พัฒนาขึ้นสำหรับใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน
Bentley (เบนท์ลีย์) ภายใต้ Volkswagen Group ได้เลื่อนการเปิดตัวรถไฟฟ้ารุ่นแรก จากปี 2568 เป็นปี 2569 ทั้งปรับแผน เลิกผลิตรถเครื่องยนต์สันดาปภายในภายในปี 2573 เปลี่ยนเป็นผลิตรถไฟฟ้าทุกรุ่นในปี 2578
ส่วน Lamborghini (ลัมโบร์กีนี) ซึ่งทำยอดขายแซง Bentley เป็นครั้งแรกในปี 2567 ได้เลื่อนเวลาเปิดตัวรถไฟฟ้าออกไป โดยรถไฟฟ้า Lanzador แบบ 4 ที่นั่ง เลื่อนการเปิดตัวไปอีก 1 ปีเป็นปี 2573 พร้อม Urus เจเนอเรชันที่สองซึ่งใช้ระบบส่งกำลังไฟฟ้าล้วน อย่างไรก็ตาม ค่ายกระทิงดุยังไม่แบนเครื่องยนต์สันดาปภายใน โดยยังคงมี Revuelto เครื่องยนต์ วี 12 สูบ และ Temerario เครื่องยนต์ วี 8 สูบ ต่อไปจนถึงช่วงต้นทศวรรษ 2030
สำหรับ Bugatti Rimac ซึ่งมีเจ้าของร่วม คือ Rimac Group ถือหุ้น 55 % และ Porsche ถือหุ้น 45 % ได้ประกาศจะไม่ผลิตรถไฟฟ้าในทศวรรษนี้ เปลี่ยนจาก Volkswagen Group เจ้าของเดิม ซึ่งจะให้ไฮเพอร์คาร์ Chiron ขุมพลัง W-16 เปลี่ยนไปใช้มอเตอร์ไฟฟ้า เมื่อเปลี่ยนเจ้าของเป็น Rimac และ Porsche ต้องการให้เครื่องยนต์สันดาปภายในอยู่ต่อไป
ปัจจุบันสหภาพยุโรป ยกเลิกการแบนเครื่องยนต์สันดาปภายในภายในปี 2578 บริษัทผู้ผลิตสามารถใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในต่อไป โดยใช้เชื้อเพลิงสังเคราะห์ หรือเชื้อเพลิงไฮโดรเจน ซึ่งไม่ก่อให้เกิดมลพิษ แต่มีความเป็นไปได้น้อย ที่เชื้อเพลิงทั้งสองชนิดจะมาแทนที่เชื้อเพลิงฟอสซิลได้ทันทศวรรษหน้า
ถ้าความต้องการใช้รถไฟฟ้ายังไม่เพิ่มขึ้นในไม่กี่ปีข้างหน้า บริษัทผู้ผลิตรถอาจต่อรองให้สหภาพยุโรปเลื่อนการแบนออกไป โดยในปี 2567 ส่วนแบ่งการตลาดของรถไฟฟ้าลดลง 1 % และ 13.6 % ในยุโรป (จากข้อมูลอย่างเป็นทางการ ที่เผยแพร่โดยสมาคมผู้ผลิตยานยนต์แห่งยุโรป (ACEA) ไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรในยุโรปมักจะมีผลกระทบถึงทั่วโลก เนื่องจากมีผู้ผลิตรายใหญ่หลายรายที่อยู่ในทวีปยุโรป
บทความแนะนำ