ทดลองขับ
Jaecoo 7 PHEV ไฮบริด+ชาร์จไฟ = ระยะทาง 1,300 กม.

Jaecoo 7 PHEV หรือชื่อเรียกขานใหม่ คือ Jaecoo 7 SHS
Jaecoo 7 PHEV (เจคู 7 พีเอชอีวี) โดดเด่นด้วยสมรรถนะจากเทคโนโลยี SHS (Super Hybrid System) นวัตกรรม HEV+EV ที่ Omoda & Jaecoo (โอโมดา & เจคู) พัฒนาต่อยอดมาจากเทคโนโลยีไฮบริดเจเนอเรชันที่ 3 ของ Chery Automobile ทำให้ระบบเครื่องยนต์สามารถปรับเปลี่ยนการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงได้แบบเรียลไทม์ตามสภาพการขับขี่ พร้อมระบบระบายความร้อนประสิทธิภาพสูง (Thermal Efficiency) ช่วยรักษาสมรรถนะในการขับขี่แม้ในสภาวะที่ทำงานหนัก จึงช่วยหลีกเลี่ยงสถานการณ์กำลังเครื่องยนต์ตก หรือทำงานผิดปกติที่เกิดจากความร้อนสูงเกินไป เมื่อผสานกับเครื่องยนต์ 1.5TDGI เจเนอเรชันที่ 5 ระบบส่งกำลังแบบ DHT (Super Electric Hybrid DHT System) ที่ออกแบบมาเพื่อรถยนต์แบบไฮบริดโดยเฉพาะ ช่วยให้ Jaecoo 7 SHS ทำงานได้อย่างนุ่มนวล ไร้รอยต่อ
Omoda & Jaecoo เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ทดสอบสมรรถนะของ Jaecoo 7 SHS (Super Hybrid System) ที่นำเสนอกำลัง การขับเคลื่อนสูงสุด 347 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 525 นิวทันเมตร พร้อมมีทีมผู้เชี่ยวชาญในการให้คำแนะนำ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนเลน เข้าโค้ง การทรงตัวของรถ การควบคุมรถบนพื้นผิวเปียก เพื่อให้ได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่ผสานความเป็นรถไฟฟ้า และรถยนต์ไฮบริดได้อย่างลงตัว ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในเมืองที่ต้องการความเงียบ และประหยัดพลังงาน ไปจนถึงการเดินทางไกลที่ต้องการพละกำลัง และความมั่นใจ ด้วยระบบความปลอดภัยที่ครบครัน
Jaecoo 7 PHEV เป็นรถยนต์ไฮบริดขนาดกลาง พิกัด B-SUV รูปแบบตัวถังสไตล์ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวีที่เราๆ คุ้นเคย Land Rover (แลนด์ โรเวอร์) หรือ Jeep (จีพ) ต่างไปจาก Jaecoo 6 รถไฟฟ้าทรงกล่องสายลุยที่กำลังได้รับความสนใจ
มิติตัวรถ ยาว/กว้าง/สูง 4,500/1,865/1,670 มม. ความยาวฐานล้อ 2,672 มม. ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 174 มม. พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย 500 ลิตร ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ยาง 235/50 R19
คู่แข่งมีขนาดที่ใหญ่กว่า ยาว/กว้าง/สูง 4,775/1,890/1,670 มม. ความยาวฐานล้อ 2,765 มม. ความสูงใต้ท้องรถไม่รวมน้ำหนักบรรทุก 180 มม. พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย 425 มม. ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ยาง 235/50 R19 เท่ากัน
ใบปัดน้ำฝนด้านหลัง ซ่อนอยู่ใต้สปอยเลอร์
ภายในห้องโดยสารของ Jaecoo 7 PHEV ออกแบบมาแบบเรียบๆ เน้นโทนสีดำเป็นหลัก ระบบไฟส่องสว่างของตัวรถเป็นไฟ LED ทั้งหมด สิ่งอำนวยความสะดวกให้มาแบบจัดเต็ม แท่นชาร์จมือถือไร้สาย ฝาท้ายไฟฟ้า ชุดเครื่องเสียง และลำโพง Sony
เบาะหนังถือว่ามีความพรีเมียมพอควร เนื้อสัมผัสนุ่มสบาย นั่งแล้วไม่เมื่อยในโซนด้านหน้า
แท่นชาร์จมือถือไร้สาย และมีพื้นที่เก็บของใต้คอนโซลกลาง พร้อมช่องเสียบ USB-A, USB-C และช่องเสียบไฟ 12V อย่างละ 1 ช่อง
หลังคากระจกแบบพาโนรามิค มาพร้อมม่านบังแดดระบบไฟฟ้า พื้นที่บรรทุกสัมภาระเมื่อพับเบาะหลังลงเพิ่มจาก 500 เป็น 1,265 ลิตร
แผงปิดห้องเก็บสัมภาระ Jaecoo 7 PHEV สามารถนำมาใช้เป็นจอพโรเจคเตอร์ได้อีกด้วย
Jaecoo 7 PHEV เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 1.5 ลิตร 105 กิโลวัตต์/143 แรงม้า แรงบิด 215 นิวทันเมตร พลัก-อิน ไฮบริด กับมอเตอร์ไฟฟ้า 150 กิโลวัตต์/204 แรงม้า แรงบิด 310 นิวทันเมตร บวกรวมกันได้ 255 กิโลวัตต์/347 แรงม้า แรงบิด 525 นิวทันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 8.5 วินาที
ตัวเลข 8.5 วินาที...นั้นก็เป็นเพราะ Jaecoo 7 PHEV ใช้กำลังหลักๆ คือ มอเตอร์ไฟฟ้า 150 กิโลวัตต์ ในขณะออกตัว โดยที่เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 1.5 ลิตร 105 กิโลวัตต์ ทำหน้าที่ปั่นไฟ เสริมแรงในช่วงลอยตัว และให้กำลังในช่วงปลาย
แบทเตอรีขนาด 18.3 กิโลวัตต์ชั่วโมง ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนได้ที่ความเร็วสูงสุดถึง 120 กม./ชม. (แบทเตอรีมีไฟมากกว่า 25 %) และระยะการขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วนได้ระยะไกลถึง 106 กม. (NEDC) ด้วยขุมพลังจาก 2 ส่วน ทั้งระบบไฟฟ้า และระบบไฮบริด น้ำมันในถัง 60 ลิตร (ซึ่งอัตราสิ้นเปลืองที่แจ้งไว้ คือ 4.7 ลิตร/100 กม. หรือ 21.28 กม./ลิตร) ทำให้เดินทางไปได้ไกลถึง 1,300 กม.
ขณะที่คู่แข่ง PHEV เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร 72 กิโลวัตต์/98 แรงม้า แรงบิด 122 นิวทันเมตร พลัก-อิน ไฮบริด กับมอเตอร์ไฟฟ้า 145 กิโลวัตต์/197 แรงม้า แรงบิด 300 นิวทันเมตร กำลังรวม 160 กิโลวัตต์/218 แรงม้า แรงบิด 300 นิวทันเมตร (ไม่ได้เป็นการบวกรวมกันเหมือนกับ Jaecoo) ขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 8.5 วินาที เท่ากัน แบทเตอรีขนาด 18.3 กิโลวัตต์ชั่วโมง เหมือนกัน แต่ระยะการขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วนได้ 95 กม. (NEDC) รวมกับน้ำมันในถัง 45 ลิตร (ซึ่งอัตราสิ้นเปลืองที่แจ้งไว้ คือ 4.8 ลิตร/100 กม. หรือ 20.83 กม./ลิตร) ทำให้เดินทางไปได้ไกลสุด 1,092 กม.
รองรับการชาร์จแบบ AC ได้ที่ 6.6 กิโลวัตต์ และแบบชาร์จเร็ว DC ได้ที่ 40 กิโลวัตต์ ซึ่งมากกว่าคู่แข่งที่ทำได้เพียง 18 กิโลวัตต์
ด้านความปลอดภัย Jaecoo 7 PHEV มีการป้องกันระบบแบทเตอรีรอบด้าน ทั้งการทนความร้อน แรงกระแทก และการกันน้ำ พร้อมฟังค์ชันการป้องกันการปิดเครื่องภายใน 0.002 วินาที หลังเกิดการชน ทำให้สามารถตัดแหล่งจ่ายไฟได้อย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้แบทเตอรีมีอุณหภูมิสูงเกินไป และมีระบบรักษาความปลอดภัยแบบเรียลไทม์
ในกรณีพิเศษยังสามารถกลายเป็นแหล่งพลังงานเคลื่อนที่กลางแจ้ง เปลี่ยนรถให้กลายเป็นสถานีจ่ายไฟฟ้าที่ปลอดภัยได้ในกรณีฉุกเฉิน ด้วยความสามารถในการปล่อยประจุไฟฟ้าภายนอกได้ 3.3 กิโลวัตต์ (3,300 วัตต์) ดีกว่าคู่แข่งที่ทำได้ 2.2 กิโลวัตต์ (2,200 วัตต์)
สมรรถนะพอตัว ออกตัวทางตรง มอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 150 กิโลวัตต์ ทำได้ไม่ต่างจากคู่แข่ง PHEV มีพลังส่งตัวรถไปเข้าหน้าได้แบบต่อเนื่อง แต่ช้ากว่า BEV ประมาณ 1 วินาที ช่วงที่เครื่องยนต์มารวมราบเรียบไม่สะดุด มีอาการหน้าดื้อของรถขับเคลื่อนล้อหน้า เมื่อเข้าโค้ง และออกโค้ง
แก้มยางที่ให้ตัวได้มาก ช่วยเก็บแรงกระแทกจากผิวถนนได้ดี แต่ในการเปลี่ยนช่องทางกะทันหัน จะรับน้ำหนักรถได้ไม่มาก มีการโยนตัวอยู่พอประมาณ
โดยรวม Jaecoo 7 PHEV เป็นรถที่มีหน้าตาลงตัวน่ามองคันหนึ่ง และมีจุดเด่นเรื่องขับสบาย ระบบอำนวยความสะดวกครบ สามารถเดินทางได้ไกล และมีปลั๊กไว้ชาร์จไฟ สำหรับการขับขี่ในเมืองได้บ้าง เหมาะกับคนที่มีรถไฟฟ้าแล้ว และต้องเดินทางไกลไปต่างจังหวัดเป็นประจำ แต่ไม่เหมาะกับคนที่ยังเคยชินกับการที่มีเด็กปั๊มมาค่อยเติมน้ำมันให้ เพราะถ้าไม่ชาร์จไฟ แบทเตอรีก็กลายเป็นภาระหนักไปโดยไร้ประโยชน์
บางคนอาจมองว่า PHEV เป็นลมเปลี่ยนทิศ จากเดิมที่รถจีนเคยเดินหน้าด้วยรถไฟฟ้า 100 % หรือ BEV แต่ลืมไปว่า รถยนต์แบบไฮบริด จีนเขาก็มีมาก่อนแต่ไม่ร้อนแรง ระลอกนี้มีแบทเตอรี และปลั๊กมาชาร์จไฟแบบ PHEV ที่ได้ทั้งกำลังแรงจากมอเตอร์ และความประหยัด จากปริมาณไฟในแบทเตอรี กับระบบไฮบริด ทำให้ไปได้ไกลกว่าเดิม
Jaecoo 7 PHEV จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในตลาดรถยนต์ไทยเร็วๆ นี้ พร้อมนำเสนอประสบการณ์การขับขี่รูปแบบใหม่ที่ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย สมรรถนะเหนือชั้น และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเข้าด้วยกัน
ติดตามข่าวสาร และกิจกรรม
ได้ทาง www.omodajaecoo.co.th และเพจ Facebook: Omoda & Jaecoo Thailand