บทความ
Maextro S800 เกิดมาเพื่อโค่นบัลลังก์รถหรู
ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์ของจีนได้พัฒนาไปไกลมากทั้งในด้านการออกแบบ เทคโนโลยี คุณภาพ และความหรูหรา ล่าสุดวงการยานยนต์จีนพัฒนาตัวเองได้อย่างก้าวกระโดด กับการเข้าสู่ตลาดรถยนต์หรูไฮเอนด์ หรือกลุ่ม Ultra Luxury Car เชื่อว่าสามารถแข่งขันเทียบชั้นกับแบรนด์ที่หรูหราที่สุดในยุโรปอย่าง Rolls-Royce (โรลล์ส-รอยศ์), Bentley (เบนท์ลีย์) หรือ Mercedes-Maybach (เมร์เซเดส-มายบัค) ได้ไม่แพ้กัน ซึ่งหนึ่งในรถที่เป็นกระแสอย่างมากในจีนตอนนี้เป็นอื่นไม่ได้ นอกจากค่ายน้องใหม่อย่าง Maextro
แบรนด์ใหม่ คอนเซพท์เหนือกาลเวลา
Maextro เป็นแบรนด์รถยนต์ที่ร่วมมือระหว่าง Huawei และ JAC ซึ่งในการร่วมทุนนี้ JAC เป็นผู้รับผิดชอบการวิจัยพัฒนา และการผลิตแชสซีส์ตัวรถ ในขณะที่ Huawei เป็นผู้จัดหาชิ้นส่วนหลัก และทำหน้าที่เป็นผู้จัดหา “มันสมอง” หรือระบบการประมวลผล Chipset ทั้งหมดพร้อมรับผิดชอบการจำหน่าย Maextro ในศูนย์ HIMA (Harmony Intelligence Alliance) ของ Huawei ทั่วประเทศจีน
ชื่อ “Maextro” มาจากคำภาษาอิตาลีว่า “Maestro” ซึ่งแปลว่า “ผู้นำ” และเป็นสัญลักษณ์แทนดวงดาวแห่งยุคสมัย ซึ่งใช้ "X" มาจาก Explore เป็นสัญลักษณ์ของการสำรวจสิ่งที่ไม่รู้จักอย่างต่อเนื่อง Maextro เพิ่งก่อตั้งขึ้นใหม่เมื่อกรกฎาคม 2024 ที่ผ่านมา เป็นกลุ่มแบรนด์รถยนต์ในเครือลำดับที่ 4 ที่บริษัทเทคโนโลยีมีส่วนในการพัฒนา โดยอยู่อันดับเหนือความร่วมมือระหว่าง Stelato (Huawei/BAIC), Luxeed (Huawei/Chery) และ AITO (Huawei/Seres) นับเป็นบริษัทใหม่ที่ได้รับการลงทุน และพัฒนามากที่สุดระหว่างยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี และผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีน
Maextro เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อกุมภาพันธ์ 2025 ที่ผ่านมาได้เปิดตัวเรือธงคันแรกของค่ายอย่าง Maextro S800 อัครยนตรกรรมสไตล์ซีดานหรูแบบ Full-Size Luxury Sedan ที่มาพร้อมคอนเซพท์ความหรูหราแบบ "จักรวาลที่ไร้ขอบเขต Boundless Universe" ตัวรถมีการออกแบบแฝงไปด้วยเส้นสาย ลวดลายไฟดวงเล็กเป็นดวงดาว สะท้อนให้ตัวรถดูล้ำเหนือกาลเวลาเป็นวิสัยทัศน์ของ Maextro ในการสร้างมาตรฐานใหม่กับรถยนต์ระดับ Ultra Luxury อีกด้วย
ความหรูที่ (อ้างว่า) เหนือกว่ารถยนต์ยุโรป
Maextro S800 ถือเป็นรถยนต์ซีดานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของจีน ด้วยความยาว 5,480 มม. ความกว้าง 2,000 มม. และความสูง 1,536 มม. พร้อมฐานล้อยาว 3,370 มม. ขนาดดังกล่าวถือว่าใกล้เคียงกับ Mercedes-Maybach S-Class W223 แต่มิติน้อยกว่า Rolls-Royce Ghost หรือ Bentley Flying Spur หากคุณต้องการความยิ่งใหญ่เทียบเท่า Rolls-Royce Phantom EWB คันนี้ถือว่ายังไม่สามารถเทียบชั้นได้
โลโก Maextro ถูกฝังไว้ที่กึ่งกลางภาพของหน้าด้านหน้า ทำจากพื้นผิวเงาตัดเพชรรูปหกเหลี่ยม การออกแบบโลโกได้รับแรงบันดาลใจจาก "เส้นอีเลคตรอน" ที่สื่อถึงตัวนำไฟฟ้า หรือตัวแทน รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งประกอบด้วยตัวอักษร 7 ตัว "Maextro" และผสานกับเทคโนโลยีการตัดด้วยคริสตัลเพื่อสร้างเอฟเฟคท์หรูหราอลังการเมื่อเปิดใช้งาน
ด้านข้างใช้การออกแบบสะท้อนแสงสีเข้มตัดสีสว่างแบบทูโทนตกแต่งด้วยโครเมียมที่ขอบล่างของตัวถัง กรอบประตูรอบคัน เสริมความภูมิฐาน พร้อมติดตั้งเรดาร์เลเซอร์ และกล้องด้านข้างที่บังโคลนหน้า มือจับประตูแบบไฟฟ้าพร้อมลวดลาย “ดวงดาว” แบบ LED สื่อถึงการเปรียบเสมือนเราสามารถหยิบดาวได้ด้วยมือของตัวเอง ในส่วนของกระจกมองหลัง Maextro S800 จะมีให้เลือกทั้งกระจกมองหลังขนาดใหญ่แบบดั้งเดิม หรือกระจกมองหลังแบบอีเลคทรอนิคส์
ลายล้อได้รับแรงบันดาลใจจากรถยนต์หรูอย่าง Mercedes-Maybach หรือ Rolls-Royce อย่างไม่ต้องสงสัย มาพร้อมขนาด 265/40 R21 ทั้ง 4 ล้อ เน้นออกแบบขอบล้อขนาดใหญ่สื่อความหมายถึงดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์เป็นคู่กัน แต่เน้นย้ำถึงความหรูหรา และความโอ่อ่า ในด้านการใช้งานถือเป็นล้อที่มีออกแบบเพื่อสร้างหลักอากาศพลศาสตร์เช่นกัน
ภายในห้องโดยสาร Maextro เผยให้เห็นผ่านภาพตัวอย่างสั้นๆ ยังไม่มีภาพอย่างเป็นทางการออกมา มาพร้อมการออกแบบ ALPS Cockpit 2.0 เห็นได้ว่าบางฟีเจอร์ที่แสดงให้เห็นถึงความหรูหราเช่นหลังคา Panoramic Sunroof แบบ Shooting Star แบบเต็มบานพร้อมไฟดวงดาวส่องสว่าง มอบบรรยากาศราวกับอยู่บนท้องฟ้ากำลังมองดูดวงดาว เบาะที่นั่งเลือกใช้เป็น สีโทนอ่อน มาพร้อมหน้าจอควบคุมส่วนกลาง และหน้าจอความบันเทิงเชื่อมกันทั้ง ผู้ขับขี่ และผู้โดยสารตอนหน้า เป็นชิ้นเดียวกัน แผงชาร์จไร้สายสำหรับโทรศัพท์มือถือ และมีปุ่มควบคุมแบบคริสตัลที่ด้านล่าง นอกจากนี้ ปุ่มควบคุมเบาะนั่งของรถยังอยู่ที่แผงประตู และคาดว่าจะรองรับฟังค์ชันต่างๆ เช่น ระบบระบายอากาศเบาะนั่ง ระบบทำความร้อน และระบบนวด อีกทั้งมีระบบฟอกอากาศอัจฉริยะ มาให้ครบครัน
Maextro S800 มีให้เลือกทั้งรุ่นไฟฟ้าล้วน EV และไฮบริดแบบ EREV มีให้เลือกทั้งรุ่นมอเตอร์คู่ และมอเตอร์สามตัว โดยรุ่น EV ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัวกำลังรวมสูงถึง 400 กิโลวัตต์ ขับเคลื่อนล้อหน้า และล้อหลัง มาพร้อมสถาปัตยกรรม 800V แบทเตอรีซูเพอร์ชาร์จ 6C ชาร์จจาก 10-80 % ใช้เวลาเพียง 10.5 นาที ยังไม่มีข้อมูลตัวเลขของขนาดแบทเตอรี และระยะทางการวิ่งออกมา
ส่วนในรุ่น EREV จะติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินความจุ 1.5 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 154 แรงม้า มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีให้เลือกทั้งแบบ 2 ตัว และ 3 ตัว โดยในรุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ มอเตอร์ด้านหน้าจะให้กำลัง 215 แรงม้า ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าที่อยู่ด้านหลังจะให้กำลัง 272 แรงม้า มาพร้อมแบทเตอรี NCM จาก CATL ขนาด 63.262 กิโลวัตต์ชั่วโมง ให้ระยะทางขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 272-371 กม. ทั้ง 2 รุ่นมีน้ำหนักเท่ากันที่ 2,731 กก. ความเร็วสูงสุดของ S800 รุ่นไฟฟ้าล้วน EV คือ 210 กม./ชม.ในขณะที่ความเร็วสูงสุดของ S800 ในรุ่น EREV อยู่ที่ 200 กม./ชม.จุดสังเกต คือ การออก แบบล้อ และช่องรับอากาศด้านล่างที่แตกต่างกันในรุ่น EV และ EREV
ชูโรงเทคโนโลยีล้ำสมัย หวังเป็นผู้นำ
อีกไฮไลท์สำคัญที่โดดเด่นของ Maextro S800 นั่นคือ การจับมือพันธมิตรการพัฒนาด้านเทคโนโลยีนับเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ใช้พแลทฟอร์มดิจิทอล “Tuling Longxing” ของ Huawei ซึ่งเป็นพแลทฟอร์มที่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง หรือ Self-Developed Intelligent Digital Chassis Platform เพื่อพัฒนาการควบคุมในส่วนต่างๆ และคาดการณ์พื้นผิวถนนแบบเรียลไทม์ของรถยนต์ Yu Chengdong ซีอีโอของ Huawei Technologies Consumer Business Group กล่าวว่า "นี่จะเป็นรถยนต์ที่ผลิกโฉมระบบเทคโนโลยีรถยนต์ให้สามารถผสานการทำงานในหลากหลายมิติ"
รวมไปถึงยังมีนวัตกรรมที่นำมาใช้ในรถยนต์ Maextro เป็นครั้งแรกไม่ว่าจะเป็นระบบที่สามารถขับขี่ด้วยตัวเอง Autonomous Driving ระดับ L3 โดยทำงานร่วมกับเซนเซอร์ 32 ตัว รวมถึงเรดาร์เล เซอร์ 4 ตัว เรดาร์คลื่นมิลลิเมตรแบบกระจาย 1 ตัว กล้อง 11 ตัว เรดาร์อุลทราโซนิค 12 ตัว เรดาร์คลื่นมิลลิเมตรมุม 2 ตัว แบบรอบทิศทาง ในสภาพอากาศฝนตก หมอกลง ฝุ่นละออง หรือสภาพอา กาศอื่นๆ สามารถป้องกันสถานการณ์การชนได้โดยอัตโนมัติ หรือระบบก่อนที่จะเกิดการชน รถจะหลบเลี่ยงความเสี่ยงอุบัติเหตุโดยการหักเลี้ยว หรือเบรคเล็กน้อย พร้อมปรับตำแหน่งเบาะนั่งอัตโนมัติ รัดเข็มขัดนิรภัย เปิดกระจกขึ้นอัตโนมัติ ปลดลอคเซนทรัลลอค ฯลฯ เพื่อให้ผู้โดยสารอยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัย
นอกจากนี้ Huawei ยังเปิดตัว Galaxy Communications เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเชื่อมโยงโลกกับท้องฟ้าผ่านระบบดาวเทียมแบบ Real-Time และยังช่วยปรับปรุงความสามารถในการสื่อสารของยานพาหนะ S800 ไม่ว่าสถานการณ์เลวร้ายไม่มีสัญญาณแค่ไหน ตัวรถยังสามารถโทรผ่านดาวเทียมเพื่อสามารถส่งสัญญาณช่วยเหลือได้ หรือระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ AWD อิสระพร้อมฟังค์ชันเคลื่อนไหวอิสระ สามารถเลี้ยวรถได้ทั้ง 4 ล้อโดยที่ตัวรถไม่เปลี่ยนทิศทางได้อีกด้วย
Maextro S800 ถือเป็นรถยนต์จากบแรนด์น้องใหม่ที่กำลังจะออกสู่ตลาดในต้นปี 2025 การเปิดขายในจีนจะเริ่มในเดือนพฤษภาคม 2568 ด้วยราคา 1-1.5 ล้านหยวน หรือราวๆ 4.64-6.96 ล้านบาท มันเป็นรถที่ใช้สูตรความหรูหราที่สดใหม่ และเป็นรถที่ใครหลายๆคนทึ่งในความสามารถของมันถือว่าเป็นการก้าวกระโดดครั้งสำคัญของรถยนต์จีน นับตั้งแต่แบรนด์รถจีนร่วมชาติด้วยกันอย่าง Hongqi (หงฉี) มาแล้วครั้งหนึ่ง
การวางตำแหน่งของรถรุ่นนี้ไม่ใช่แค่รถหรูธรรมดา แต่เป็นยนตรกรรมที่รวมทุกองค์ประกอบของความล้ำหน้า ไม่ว่าจะเป็นดีไซจ์น เทคโนโลยี หรือสมรรถนะ แต่เหนือสิ่งอื่นใด จะมาต่อกรกับค่ายรถ ยนต์ที่มีประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ และทรงคุณค่าอย่าง Rolls-Royce Ghost, Bentley Flying Spur หรือ Mercedes-Maybach S Class นั้นถือว่าเป็นงานหนักที่ Maextro ต้องตีโจทย์ลูกค้าไม่ ใช่แค่ในจีนแต่ต้องไปสู่ในระดับโลกให้ได้ในอนาคต
