ธุรกิจ
ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์
เดือนเมษายน ยอดขายรถเชิงพาณิชย์ลงลง 0.6 %
ยอดขายรถยนต์เดือนเมษายน 2568 ยอดขายตลาดรวม 47,193 คัน เพิ่มขึ้น 1 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์นั่งมีปริมาณการขาย 17,917 คัน เพิ่มขึ้น 3.6 % ในขณะที่รถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีปริมาณการขาย 29,276 คัน ลดลง 0.6 % และรถกระบะขนาด 1 ตัน ยอดขายทั้งหมด 13,896 คัน ลดลง 21.4 %
ศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนเมษายน 2568 มียอดขาย 47,193 คัน เพิ่มขึ้น 1 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว กลุ่มตลาดรถยนต์นั่งปรับตัวดีขึ้น ด้วยยอดขาย 17,917 คัน เพิ่มขึ้น 3.6 % จากปีที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ชะลอตัวลงเล็กน้อย ยอดขาย 29,276 คัน ลดลง 0.6 % และตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน ยอดขาย 13,896 คัน ลดลง 21.4 % ในส่วนของตลาด XEV มียอดขายทั้งหมด 21,897 คัน คิดเป็นสัดส่วน 46.4 % ของตลาดรถยนต์ทั้งหมด เติบโตขึ้น 43.9 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ยอดขายรถยนต์ HEV ลดลงที่ 13.4 % ด้วยยอดขาย 8,892 คัน และยอดขายรถยนต์ BEV อยู่ที่ 11,280 คัน เพิ่มขึ้น 163.4 %
ตลาดรถยนต์เดือนพฤษภาคม มีแนวโน้มจะปรับตัวดีขึ้นจากเดือนเมษายน ด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล และการทยอยส่งมอบรถยนต์จากช่วงงาน “บางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46” ซึ่ง Toyota (โตโยตา) เองมียอดจองภายในงานมอเตอร์โชว์ มากกว่า 9,600 คัน โดย Toyota ได้ส่งมอบรถ สู่ลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลแล้วกว่า 7,600 คัน ในเดือนเมษยนที่ผ่านมา
“นอกจากนี้ Toyota ต้องขอขอบคุณภาครัฐสำหรับมาตรการที่จะช่วยกระตุ้นตลาดรถยนต์ เช่น โครงการสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อย โดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ภายใต้โครงการค้ำประกันสินเชื่อเช่าซื้อ “บสย. SMEs Pickup” “กระบะพี่มีคลังค้ำ” ที่อาจมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการตัดสินใจซื้อเพื่อลงทุนในธุรกิจ” ศุภกร กล่าวในที่สุด
ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนเมษายน 2568
1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 47,193 คัน เพิ่มขึ้น 1 %
อันดับที่ 1 Toyota 17,900 คัน ลดลง 7.8 % ส่วนแบ่งตลาด 37.9 %
อันดับที่ 2 Byd 6,554 คัน เพิ่มขึ้น 630.7 % ส่วนแบ่งตลาด 13.9 %
อันดับที่ 3 Isuzu 5,616 คัน ลดลง 18.1 % ส่วนแบ่งตลาด 11.9 %
2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 17,917 คัน เพิ่มขึ้น 3.6 %
อันดับที่ 1 Toyota 6,351 คัน เพิ่มขึ้น 15.5 % ส่วนแบ่งตลาด 35.4 %
อันดับที่ 2 Byd 2,797 คัน เพิ่มขึ้น 311.3 % ส่วนแบ่งตลาด 15.6 %
อันดับที่ 3 Honda 2,012 คัน ลดลง 41.5 % ส่วนแบ่งตลาด 11.2 %
3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 29,276 คัน ลดลง 0.6 %
อันดับที่ 1 Toyota 11,549 คัน ลดลง 17 % ส่วนแบ่งตลาด 39.4 %
อันดับที่ 2 Isuzu 5,616 คัน ลดลง 18.1 % ส่วนแบ่งตลาด 19.2 %
อันดับที่ 3 Byd 3,757 คัน เพิ่มขึ้น 1,631.3 % ส่วนแบ่งตลาด 12.8 %
4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pickup และรถกระบะดัดแปลง PPV*)
ปริมาณการขาย 13,896 คัน ลดลง 21.4 %
อันดับที่ 1 Toyota 6,410 คัน ลดลง 25.9 % ส่วนแบ่งตลาด 46.1 %
อันดับที่ 2 Isuzu 4,865 คัน ลดลง 20.1 % ส่วนแบ่งตลาด 35 %
อันดับที่ 3 Ford 1,622 คัน ลดลง 19.5 % ส่วนแบ่งตลาด 11.7 %
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 2,879 คัน
Toyota 1,190 คัน-Isuzu 885 คัน-Ford 606 คัน-Mitsubishi 164 คัน-Nissan 34 คัน
5. ตลาดรถกระบะ Pure Pickup ปริมาณการขาย 11,017 คัน ลดลง 21.7 %
อันดับที่ 1 Toyota 5,220 คัน ลดลง 28.6 % ส่วนแบ่งตลาด 47.4 %
อันดับที่ 2 Isuzu 3,980 คัน ลดลง 21.1 % ส่วนแบ่งตลาด 36.1 %
อันดับที่ 3 Ford 1,016 คัน เพิ่มขึ้น 1.3 % ส่วนแบ่งตลาด 9.2 %
สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม-เมษายน 2568
1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 200,386 คัน ลดลง 4.8 %
อันดับที่ 1 Toyota 75,583 คัน ลดลง 3.4 % ส่วนแบ่งตลาด 37.7 %
อันดับที่ 2 Isuzu 25,905 คัน ลดลง 17.2 % ส่วนแบ่งตลาด 12.9 %
อันดับที่ 3 Honda 24,725 คัน ลดลง 19.8 % ส่วนแบ่งตลาด 12.3 %
2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 76,151 คัน ลดลง 8.1 %
อันดับที่ 1 Toyota 25,976 คัน เพิ่มขึ้น 17.4 % ส่วนแบ่งตลาด 34.1 %
อันดับที่ 2 Honda 12,896 คัน ลดลง 26.9 % ส่วนแบ่งตลาด 16.9 %
อันดับที่ 3 Byd 6,965 คัน ลดลง 19.5 % ส่วนแบ่งตลาด 9.1 %
3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 124,235 คัน ลดลง 2.6 %
อันดับที่ 1 Toyota 49,607 คัน ลดลง 11.6 % ส่วนแบ่งตลาด 39.9 %
อันดับที่ 2 Isuzu 25,905 คัน ลดลง 17.2 % ส่วนแบ่งตลาด 20.9 %
อันดับที่ 3 Honda 11,829 คัน ลดลง 10.4 % ส่วนแบ่งตลาด 9.5 %
4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pickup และรถกระบะดัดแปลง PPV*)
ปริมาณการขาย 63,758 คัน ลดลง 14 %
อันดับที่ 1 Toyota 28,479 คัน ลดลง 16 % ส่วนแบ่งตลาด 44.7 %
อันดับที่ 2 Isuzu 22,899 คัน ลดลง 16.9 % ส่วนแบ่งตลาด 35.9 %
อันดับที่ 3 Ford 6,556 คัน ลดลง 17.5 % ส่วนแบ่งตลาด 10.3 %
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 12,266 คัน
Toyota 4,735 คัน-Isuzu 4,299 คัน-Ford 2,442 คัน-Mitsubishi 646 คัน-Nissan 144 คัน
5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 51,492 คัน ลดลง 15.1 %
อันดับที่ 1 Toyota 23,744 คัน ลดลง 17.9 % ส่วนแบ่งตลาด 46.1 %
อันดับที่ 2 Isuzu 18,600 คัน ลดลง 20.4 % ส่วนแบ่งตลาด 36.1 %
อันดับที่ 3 Ford 4,114 คัน ลดลง 14.2 % ส่วนแบ่งตลาด 8 %
.........................................................................................................................
New MG S5 EV คว้ามาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาว จาก Euro NCAP
บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิต และผู้จำหน่ายรถยนต์ MG (เอมจี) ในประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นหนึ่งในผู้นำด้านยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า กับ New MG S5 EV (เอมจี เอส 5 อีวี) ใหม่ ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงสุด 5 ดาวจาก Euro NCAP องค์กรทดสอบความปลอดภัยยานยนต์ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุด สะท้อนถึงเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับสากล เพื่อเติมเต็มทุกความต้องการในการใช้งานได้อย่างครอบคลุมที่สุด กับการมอบทางเลือกที่ดีกว่าแก่ผู้ขับขี่ด้วยการเป็นรถ E-SUV ที่ผสานนวัตกรรมล้ำสมัย ความปลอดภัยระดับสูง และความคุ้มค่าที่ลงตัวไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ
พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า 2025 Euro NCAP (European New Car Assessment Programme) ได้เผยการวัดผลคะแนน New MG S5 EV ในแต่ละด้าน ได้แก่ ความปลอดภัยสำหรับผู้โดยสารผู้ใหญ่ (Adult Occupant) ความปลอดภัยสำหรับผู้โดยสารเด็ก (Child Occupant) ความปลอดภัยสำหรับคนเดินถนน (Pedestrian) และระบบช่วยเหลือความปลอดภัย (Safety Assist) ซึ่งผ่านการประเมินความปลอดภัยของรถยนต์อย่างเข้มงวด สามารถคว้าระดับความปลอดภัย 5 ดาว จากสถาบัน Euro NCAP ดังนี้
การปกป้องผู้โดยสารที่เป็นผู้ใหญ่ (Adult Occupant Protection) อยู่ที่ 90 % มีรูปแบบการทดสอบด้านความแข็งแกร่งของโครงสร้างตัวรถยนต์จากการชนทั้งด้านหน้า และด้านข้าง พบว่าตัวห้องโดยสารยังเสถียร ป้องกันผู้ขับขี่ และผู้โดยสารรอบด้าน ลดการกระแทกของผู้โดยสารด้วยถุงลมนิรภัยทั้งด้านหน้า และด้านหลัง
การปกป้องผู้โดยสารเด็ก (Child Occupant Protection) อยู่ที่ 82 % โดยทดสอบด้วยหุ่นยนต์จำลองอายุ 6 และ 10 ปี พบว่า สามารถป้องกันได้ดีจากอุบัติเหตุการชนด้านหน้า และด้านข้างของตัวรถยนต์
การปกป้องผู้ใช้ถนนที่มีความเสี่ยง (Vulnerable Road Users: VRU) อยู่ที่ 82 % โดยระบบความปลอดภัยของ New MG S5 EV มีการออกแบบที่สามารถดูดซับแรงกระแทกเมื่อเกิดการชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของระบบเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB) สามารถทำการตรวจจับ และตอบสนองต่อคนสัญจร อาทิ คนเดินเท้า จักรยาน และจักรยานยนต์ได้ดีทั้งในช่วงเวลากลางวัน และกลางคืน รวมทั้งมีการติดตั้งระบบกล้องรอบคันเพื่อป้องกันการเปิดประตูกระแทกรถจักรยาน หรือรถจักรยานยนต์ด้านคนขับ ทั้งยังแสดงให้เห็นว่าประตูรถสามารถเปิดได้เพื่อให้ผู้โดยสารหลบหนีได้ในกรณีที่รถจมน้ำ
ประสิทธิภาพของระบบช่วยเหลือด้านความปลอดภัย (Safety Assist) อยู่ที่ 78 % โดยได้นำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัยที่เข้ามาช่วยเหลือผู้ขับขี่ ทั้งระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยทั้งเบาะโดยสารด้านหน้าและหลังระบบตรวจสอบสถานะคนขับ (Direct Driver Status Monitoring System) ระบบช่วยเหลือการขับขี่ให้อยู่ในช่องทางจราจร (Lane Support System) และระบบช่วยเหลือด้านความเร็ว (Speed Assistance System) เป็นต้น
New MG S5 EV ถือเป็น Global Model ที่ถูกพัฒนาด้วยการใช้พแลทฟอร์มสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะอย่าง Nebula Pure Electric Platform ที่คำนึงถึงความสมดุล และเสถียรภาพในการขับขี่อย่างแท้จริง มีการกระจายน้ำหนักแบบสมมาตร 50:50 จุดศูนย์ถ่วงต่ำ มาพร้อมช่วงล่างหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท และช่วงล่างหลังแบบอิสระ 5-Link Suspension และความปลอดภัยขั้นสูงที่มีความครบครัน อาทิ ระบบเบรคมือไฟฟ้า (EPB) ระบบควบคุมการทรงตัว (SCS) ระบบป้องกันการไหลของรถ (AVH) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HAS) ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ (IHC) ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS (Driver Monitor System) และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control) ฯลฯ ทำให้ New MG S5 EV ผ่านการทดสอบจาก Euro NCAP และได้รับมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงสุด 5 ดาว ซึ่งไม่เพียงสะท้อนถึงคุณภาพของรถแต่ยังตอกย้ำวิสัยทัศน์ของ MG ในการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าที่ปลอดภัย เชื่อถือได้ และตอบโจทย์ผู้ใช้งานทั่วโลก
“การที่ New MG S5 EV ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงสุด 5 ดาวจาก Euro NCAP จากการทดสอบประจำปี 2025 นี้ นับเป็นเครื่องยืนยันถึงประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยในระดับสูงสุดของ MG ทั้งยังเป็นการตอกย้ำความเป็น Global EV อีกรุ่นที่มีความปลอดภัยเช่นเดียวกันกับ Global Model รุ่นยอดนิยมอย่าง New MG4 Electric (เอมจี 4 อีเลคทริค) ใหม่ ที่ได้รับคะแนน 5 ดาว ด้านความปลอดภัยจาก Euro NCAP จากการทดสอบในปี 2022 ซึ่งผลการทดสอบของ New MG S5 EV ในครั้งนี้ ยังสะท้อนให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญระดับโลกของ MG ในการพัฒนานวัตกรรมช่วยเหลือผู้ขับขี่ และระบบความปลอดภัยบนท้องถนนอย่างต่อเนื่อง สำหรับในประเทศไทย แน่นอนว่า New MG S5 EV ถือเป็น SUV มหาชนที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ด้วยจุดเด่น “ขับสนุก วิ่งไกล ชาร์จไว นั่งสบาย” พร้อมความมั่นใจด้วยการรับประกันแบทเตอรีแรงเคลื่อนสูง ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อน ตลอดอายุการใช้งาน (Lifetime Warranty) ด้วยราคาเริ่มต้น เพียง 719,900 บาท สะท้อนความใส่ใจของ MG ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งก่อน และหลังการขาย เพื่อส่งมอบ “ความมั่นใจ” ที่มาพร้อม “ความคุ้มค่า” ในรถคันเดียว”
ทั้งนี้ Euro NCAP (European New Car Assessment Programme) เป็นองค์กรที่เกิดจากความร่วมมือของกระทรวงคมนาคมในสหภาพยุโรป สมาคมยานยนต์ และสมาคมประกันภัยในประเทศต่างๆ โดยมีหน้าที่ในการทดสอบการชน (Crash Test) และการประเมินความปลอดภัยของรถยนต์ที่ครอบคลุมในทุกมิติ
.........................................................................................................................
GT World Challenge Asia 2025 พร้อมระเบิดศึกที่ไทย
ศึกซูเพอร์คาร์พันล้าน "GT World Challenge Asia 2025 หนึ่งในซีรีส์การแข่งขันรายการยักษ์ของโลกที่จัดขึ้นใน 4 ทวีป ได้แก่ ทวีปอเมริกา, เอเชีย, ออสเตรเลีย และยุโรป เตรียมประชันโฉม-ประลองความเร็วสนาม 3 วันที่ 30 พค.-1 มิย. ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิท จ. บุรีรัมย์ ภายใต้การลุ้นแชมพ์สุดเข้มข้น นำโดยนักแข่งระดับพระกาฬจากทั่วโลกลงแข่งอย่างคับคั่ง รถ GT3 มากถึง 33 คัน สะกดทุกสายตาด้วยสุดยอดเทคโนโลยีรถหรูที่ล้ำสมัย พร้อมทั้งเสิร์ฟประสบการณ์มอเตอร์สปอร์ทครบรส ดึง "Honda One Make Race 2025" เปิดฤดูกาลสนามแรก ในสุดสัปดาห์เดียวกัน
การแข่งขันซูเพอร์คาร์ระดับโลก รายการ GT World Challenge Asia 2025 เดินทางมาถึงสนามที่ 3 ของฤดูกาล ภายใต้สถานการณ์ลุ้นแชมพ์ที่เข้มข้นหลังผ่านไปทั้งสิ้น 4 เรศ จาก 2 สนามแรกที่ เซปัง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิท ประเทศมาเลเซีย และเปอร์ตามินา มันดาลิกา อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิท ประเทศอินโดนีเซีย
สำหรับ สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิท จ. บุรีรัมย์ ยังคงถูกวางเป็นหนึ่งในสังเวียนสำคัญในช่วงแห่งการขับเคี่ยวลุ้นแชมพ์ประจำปี โดยถูกบรรจุเป็นสนามที่ 3 ของฤดูกาล ระหว่างวันที่ 30 พค.-1 มิย. จากนั้นอีก 2 สนามดวลกันในประเทศญี่ปุ่น โดยสนาม 4 วันที่ 11-13 กค. ที่ฟูจิ อินเตอร์เนชั่นแนล สปีดเวย์, สนาม 5 วันที่ 29-31 สค. ที่โอคายามา และปิดฉากสนาม 6 วันที่ 17-19 ตค. ที่ปักกิ่ง ประเทศจีน
ทั้งนี้ ฝ่ายจัดการแข่งขัน ได้ยืนยันอย่างเป็นทางการว่า จะมีรถแข่ง GT3 เดินทางมาแข่งขันในเมืองไทยมากถึง 33 คัน จาก 8 ผู้ผลิตชั้นนำ แฟนความเร็วจะได้พบกับรถซูเพอร์คาร์สุดล้ำ อาทิ Mercedes-AMG (เมร์เซเดส-เอเอมจี), Ferrari 296 (แฟร์รารี 296), Porsche 911 (โพร์เช 911), Porsche 992 (โพร์เช 992), Lamborghini Huracan (ลัมโบร์กินี อูรากัน), Audi R8 LMS (เอาดี อาร์ 8 แอลเอมเอส), BMW M4 (บีเอมดับเบิลยู เอม 4), Chevrolet Corvette Z06 (เชฟโรเลต์ คอร์เวทท์ เซด 06), Nissan GT-R Nismo (นิสสัน จีที-อาร์ นิสโม) ฯลฯ และยังเป็นการรวมตัวของ ทีมแข่งชั้นนำ นักแข่งฝีมือดีจากทั่วโลกหลากหลายทวีปมากกว่า 60 คน
ฤดูกาลนี้บรรดานักแข่งแถวหน้าของโลกยังคงลงแข่งขันอย่างคับคั่ง นำโดยอดีตนักแข่งฟอร์มูลา วัน ชาวเยอรมันอย่าง มาร์คุส วิลเคนฮอล์ค, อเลสซิโอ ปิคาริเอลโล ยอดนักแข่งเบลเยียม, เอดูอาร์โด มอร์ทารา นักแข่งสวิส, เจย์เดน โอเจดา นักแข่งออสเตรเลียน, แฮร์รี คิง และอเลกซานเดอร์ ซิมส์ 2 นักแข่งจากสหราชอาณาจักร, ลอเรนโซ ปาเตรเซ นักแข่งอิตาเลียน และนิโก เมนเซล จากเยอรมนี เป็นต้น
โดยหลังผ่าน 2 สนามแรก คู่หูนักแข่งจีนอย่าง หยวน ปอ และลีโอ เย่ ฮงลี่ จาก Origin Motorsport สร้างผลงานร้อนแรงพาทีมนำเป็นจ่าฝูง โดยมีทั้งสิ้น 68 คะแนน ขณะที่อันดับ 2 เป็นของ แอนโทนี หลิว ซู่ นักแข่งจีน และทีมเมทชาวเฟรนช์อย่าง โดเรียน บอคโคลาชชี จาก Phantom Global Racing ตามหลังเพียง 9 คะแนนเท่านั้น ส่วนอันดับ 3 ได้แก่ หร่วน ชุ่น ฟั่น นักแข่งจีน และทีมเมทชาวดัตช์อย่าง มักซีม ออสเตน จากทีม KRC ตามหลัง 19 คะแนน
ด้าน อเลสซิโอ ปิคาริเอลโล นักแข่งมือโปรชาวเบลเยียม และทีมเมทชาวจีนอย่าง หลู เหว่ย จาก Origin Motorsport เพิ่งเค้นฟอร์มเก่งชนะในเรศที่ผ่านมา ได้อันดับ 1 เก็บคะแนนรวมไปได้ 25 และ 26 คะแนน
โชติชนก ชิดชอบ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรมต่างประเทศ สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิท กล่าวว่า GT World Challenge Asia ถือเป็นหนึ่งในเรศระดับนานาชาติที่มีผู้ติดตามชมมากที่สุดรายการหนึ่ง ด้วยพลังของที่สุดแห่งยนตรกรรมระดับโลก ความสวยงามหรูหรา เร็ว และแรง ดวลความเร็วโดยทีมระดับพระกาฬของโลก สามารถสะกดทุกสายตา และเป็นหนึ่งในรถในฝันของผู้คน ทำให้เกิดการติดตามชมจากทั่วโลกทั้งการเข้าชมในสนาม ผ่านการถ่ายทอดสด และช่องทางออนไลน์
“การที่ประเทศไทยเราได้เป็นเจ้าภาพจัดแข่งขัน 1 ในสนามสำคัญของโลก และได้แบ่งบันประสบการณ์มอเตอร์สปอร์ทแบบสุดพิเศษให้คนไทยได้ดูในสนามประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับกีฬาความเร็วของไทยให้ครบทุกมิติ ทั้งยังแสดงศักยภาพของประเทศ สร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชน กระตุ้นเศรษฐกิจ-การท่องเที่ยวผ่านกีฬาระดับพรีเมียม สนับสนุนการเติบโตให้แก่อุตสาหกรรม มอเตอร์สปอร์ท และยานยนต์ นอกจากนี้ ยังมีการแข่งขันรายการ Honda One Make Race 2025 สนามแรกของฤดูกาลมาร่วมเสริมทัพความมันส์เป็นซัพพอร์ทเรศด้วย ขอเชิญชวนแฟนความเร็วมาชม-เชียร์กันที่สนามเยอะๆ ครับ"
ทั้งนี้ ศึก GT World Challenge Asia 2025 สนาม 3 จะเข้าสู่โปรแกรมการซ้อมอย่างเป็นทางการในวันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม ก่อนจะจับเวลารอบควอลิฟายในวันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม และแข่งขันเรศแรกในบ่ายของวันเดียวกัน จากนั้นจะดวลความเร็วเรศที่ 2 ในวันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน 2568
ซื้อบัตรได้แล้ววันนี้ที่ Counter Service All Ticket ในร้าน 7-11 ทุกสาขา หรือสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่เวบไซท์ Allticket บัตร VIP 1 วัน ราคา 2,000 บาท 2 วัน ราคา 3,000 บาท และบัตร Grand Stand 1 วัน ราคา 200 บาท 2 วัน ราคา 300 บาท
พิเศษ ! ซื้อบัตรชมการแข่งขัน GT World Challenge Asia 2025 มีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลใหญ่ บัตร VIP โค้ง 12 และบัตร Paddock Pass+Official Guide Tour (Paddock Raffle) และบัตร Pit Lane Walk ชมการแข่งขัน MotoGP 2026 ในกิจกรรม “Chang Int‘s Friend Pass” ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเพจ Chang Circuit Buriram
.........................................................................................................................
Triumph จัดกิจกรรม DGR 2025
Triumph (ทไรอัมฟ์) สร้างปรากฏการณ์แห่งสไตล์ และจิตวิญญาณเมื่อเหล่าไรเดอร์สุภาพบุรุษ และสุภาพสตรีพร้อมใจกันแต่งกายสุดเนี้ยบ และขับขี่รถจักรยานยนต์สไตล์คลาสสิคคู่ใจ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานระดับโลก “The Distinguished Gentleman’s Ride 2025" หรือ DGR เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับสุขภาพของเพศชาย โดยเฉพาะเรื่องมะเร็งต่อมลูกหมาก และสุขภาพจิต
Triumph Motorcycles ยังคงเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 และได้มีการผนึกกำลังกับผู้แทนจำหน่าย Triumph ทั่วโลก จัดกิจกรรม และร่วมขับขี่รถจักรยานยนต์ เพื่อให้เหล่าไรเดอร์สามารถมีส่วนร่วมได้อย่างทั่วถึงยิ่งขึ้น ผ่าน "Team Triumph" เพื่อเชิญชวนไรเดอร์จากทั่วโลกเข้าร่วมขับขี่พร้อมกันด้วยการมีเป้าหมายเดียวกัน ทั้งเพื่อสุขภาพกาย ใจ และเพื่อสังคม
ประเทศไทยการจัดกิจกรรม DGR 2025 ได้รับความร่วมมืออย่างอบอุ่นจากผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศ อาทิ Triumph พระราม 5, Southwest Bangkok, พัทยา, ลพบุรี, อุบลราชธานี, เชียงใหม่, พิษณุโลก และภูเก็ต โดยมีเหล่าไรเดอร์ทั้งชาวไทย และต่างชาติเข้าร่วมอย่างคับคั่งกว่า 1,200 คน ในบรรยากาศเต็มไปด้วยความสุข สนุกสนาน และพลังบวกจากชาว 2 ล้อที่พร้อมใจกันแต่งกายอย่างสง่างามเพื่อภารกิจสำคัญนี้ รวมไปถึงคนจากแวดวงบันเทิง และอินฟลูเอนเซอร์ ไม่ว่าจะเป็น ดีเจปอ-วรฐก์ ปิฏกานนท์ ที่ได้ขับขี่พี่ใหญ่สุดของ Triumph Rocket 3 Storm R (ทไรอัมฟ์ รอคเกท 3 สตอร์ม อาร์) มาร่วมขับขี่ พร้อมด้วยมาย ประกายกาญจน์ ไรเดอร์สาว และเจ้าของเพจ “Prakaipaikun-ประกายไปกัน” ที่ได้ขับขี่ Triumph Bonneville Bobber (ทไรอัมฟ์ บอนเนวิลล์ บอบเบอร์) มาร่วมงาน ตลอดจนตุลย์-วิศรุต พานิช ที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกระบอกเสียงในการส่งต่อกิจกรรมดีๆ นี้ไปยังกลุ่มเป้าหมาย ทำให้กิจกรรม DGR ไม่ได้เป็นเพียงแค่งานขับขี่รถจักรยานยนต์เท่านั้น แต่คือ คอมมูนิทีที่รวมเอาความเท่ความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแบบไรเดอร์ผสานเข้ากับการสร้างความตระหนักรู้ในการดูแลสุขภาพ และการมีส่วนร่วมเพื่อสังคม ถือเป็นอีกกิจกรรมที่สะท้อนจิตวิญญาณของแบรนด์ Triumph ได้อย่างชัดเจน betflix wallet
