ธุรกิจ
ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์
Xpeng เปิดตัว X9 รุ่น Executive
Xpeng X9 (เสี่ยวเผิง เอกซ์ 9) ขึ้นแท่นอันดับ 1 รถตู้ไฟฟ้าพรีเมียม ด้วยยอดส่งมอบกว่า 1,500 คันทั่วประเทศ ต่อยอดความสำเร็จ เปิดตัว Executive (เอกเซคิวทีฟ) ฟังค์ชันครบ ตอบโจทย์ทั้งกลุ่มผู้บริหาร และครอบครัว
อภิวันท์ สิงห์ทวีศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Xpeng ประเทศไทย กล่าวว่า Xpeng นับว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย มียอดจำหน่ายร่วม 3,000 คัน โดยเฉพาะรุ่น X9 รถตู้ไฟฟ้าพรีเมียมทรงสปอร์ทอัจฉริยะ "Ultra Smart Coupe MPV" ที่ขึ้นแท่นรถตู้ไฟฟ้าอันดับ 1 ในตลาดพรีเมียม MPV (ยอดจดทะเบียนประจำเดือนกรกฎาคม) และเพื่อตอบโจทย์ในทุกความต้องการ บริษัทฯ แนะนำ Xpeng X9 Executive ที่จะมาตอบโจทย์ครบทุกกลุ่ม ทุกความต้องการมากยิ่งขึ้น
Xpeng X9 Executive ตอบโจทย์ครบทุกกลุ่ม ทุกความต้องการ
X9 Executive รถตู้ไฟฟ้าทรงสปอร์ทอัจฉริยะ ครบครันด้วยฟังค์ชันการใช้งานสำหรับทุกกลุ่ม ครั้งแรกกับเบาะนั่งแถวที่ 2 แบบ Zero Gravity ระดับเฟิร์สต์คลาสส์ ปรับไฟฟ้าได้ 14 ทิศทาง ที่มาพร้อมช่องทางเดินระหว่างเบาะแถวที่ 2 (Walk-Through Access) และที่ชาร์จแบบไร้สาย เพื่อความสะดวกสบายสูงสุดสำหรับผู้โดยสาร โดยเบาะแถวที่ 3 สามารถพับแบนราบด้วยระบบไฟฟ้า ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีแบทเตอรี 800 โวลท์ SiC Platform ขนาด 101.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง มีระยะทางวิ่งสูงสุด 690 กม./การชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC รองรับความเร็วในการชาร์จสูงสุดถึง 317 กิโลวัตต์ พแลทฟอร์มโครงสร้างตัวถังสถาปัตยกรรม SEPA2.0 พัฒนาโดย Xpeng รูปลักษณ์ได้แรงบันดาลใจจากยานอวกาศ (Starship) ห้องโดยสารกว้างขวาง มีพื้นที่ใช้สอยมากถึง 7.7 ตรม. ติดตั้งจอภาพขนาด 21.4 นิ้ว รองรับความบันเทิงเต็มรูปแบบ ขับกล่อมด้วยลำโพง XOPERA 23 ตำแหน่ง ติดตั้งชิพเซท Qualcomm Snapdragon 8295 เด่นด้วยระบบเลี้ยว 4 ล้อ ช่วยให้วงเลี้ยวแคบเพียง 5.4 ม. คล่องตัวสูงสุดเมื่อเทียบกับรถกลุ่มเดียวกัน มาพร้อมช่วงล่างถุงลม Dual-Chamber สามารถปรับสูง-ต่ำ และความหนืดได้ เพื่อการใช้งานที่สะดวกสบาย และมีประสิทธิภาพสูงสุด
เครือข่ายพาร์ทเนอร์ เพื่อส่งมอบบริการที่ดีที่สุด
Xpeng มีผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการกลุ่มแรกในประเทศไทย ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตลอดจนจังหวัดหลักในแต่ละภูมิภาคจำนวน 15 สาขา แบ่งเป็นกรุงเทพฯ คือ รามคำแหง, แจ้งวัฒนะ, ประดิษฐ์มนูธรรม, ราชพฤกษ์, สุขุมวิท, ตลิ่งชัน, วิภาวดี-หลักสี่, ศรีนครินทร์ และต่างจังหวัด คือ เชียงใหม่, ขอนแก่น, อุบลราชธานี, พัทยา, ภูเก็ต, สุราษฎร์ธานี และหาดใหญ่ โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพการบริการที่เป็นมาตรฐาน ผสานเครื่องมืออันทันสมัย และคลังเก็บอะไหล่ Xpeng Parts Center บริเวณถนนบางนา-ตราด ที่มีการจัดเก็บอะไหล่เพียบพร้อม และเป็นระบบ เพื่อประสิทธิภาพการให้บริการ และความพึงพอใจของลูกค้า รวมถึงมุ่งขยายเครือข่ายพร้อมศูนย์บริการมาตรฐาน เพื่อการดูแลลูกค้าอย่างทั่วถึง
Xpeng X9 Executive มาพร้อมแพคเกจ
Wallbox 7 กิโลวัตต์ พร้อมติดตั้ง*
ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พรบ. นาน 1 ปี*
Portable Charger 1 ชุด*
Vehicle Warranty 5 ปี หรือ 120,000 กม.*
Battery and Drive Motor with Intelligent Power Unit Warranty 8 ปี หรือ 160,000 กม.*
บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน นาน 5 ปี จำหน่ายในราคา 2,499,000 บาท
.........................................................................................................................
MG เปิดจอง MG IM6 Long Range
บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิต และผู้จำหน่ายรถยนต์ MG (เอมจี) ในประเทศไทย เตรียมเปิดตัว New MG IM6 Long Range (เอมจี ไอเอม 6 ลอง เรนจ์) ใหม่ รุ่นย่อยล่าสุด ชูจุดเด่นเป็นหนึ่งในพรีเมียมอีวีรุ่นที่ “วิ่งได้ไกล และชาร์จได้ไวที่สุดในคลาสส์” ด้วยระยะทางวิ่งได้ไกลสูงถึง 750 กม./การชาร์จ 1 ครั้งตามมาตรฐาน NEDC ชาร์จไวทันใจด้วยเทคโนโลยีขับเคลื่อนแรงดันไฟฟ้า 800 โวลท์ รองรับการชาร์จแบบกระแสตรงสูงสุด 396 กิโลวัตต์ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ และลดความกังวลในการใช้รถยนต์ไฟฟ้าของคนไทยด้วยเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 10-80 % เพียง 18 นาที พร้อมเตรียมเผยโฉมอย่างเป็นทางการในงาน Big Motor Sale 2025 วันที่ 22 สิงหาคมนี้
พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า New MG IM6 Long Range คือ อีกรุ่นสำคัญที่สะท้อนถึงการรับฟังเสียงลูกค้าของ MG อย่างแท้จริง เราเชื่อว่ารุ่นนี้จะเข้ามาเติมเต็มทางเลือกให้แก่ลูกค้าควบคู่ไปกับรุ่น Premium 2WD ซึ่งโดดเด่นด้วยระบบเลี้ยว 4 ล้อ และระบบช่วยจอดอัตโนมัติที่ติดตั้งมาตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นในราคาที่เข้าถึงง่าย รวมถึงรุ่น Performance AWD ที่ตอบโจทย์ผู้ที่มองหาสมรรถนะสูงสุดด้วยพละกำลัง 778 แรงม้า และระบบช่วงล่างแบบถุงลม สำหรับรุ่น Long Range นี้ ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ที่ต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่ขับขี่ได้ระยะไกลถึง 750 กม./การชาร์จ 1 ครั้ง ลดความกังวลเรื่องการชาร์จระหว่างเดินทาง พร้อมยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน การเปิดตัวรุ่นใหม่นี้จึงนับเป็นอีกก้าวสำคัญของ MG ในการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ตลาด และเดินหน้าขับเคลื่อนตลาดรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมในประเทศไทยอย่างมั่นคง
New MG IM6 รถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมรุ่นล่าสุดจาก MG โดดเด่นด้วยการเป็น The First ever Premium Intelligent E-SUV ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากตลาดเมืองไทย ภายใต้คอนเซพท์ “ขับเคลื่อนตัวตน บนความเป็นตัวเอง” (I’M WHO I’M) เพียบพร้อมด้วยสมรรถนะที่ทรงพลัง ความปลอดภัยขั้นสูง และดีไซจ์นที่ล้ำสมัย ผสานเทคโนโลยีอัจฉริยะ อาทิ แชสซีส์ดิจิทอล IM Digital Chassis มอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor ระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้ออัจฉริยะ ระบบ One Touch iAD ฟังค์ชัน Crab Mode ระบบช่วงล่างถุงลมอัจฉริยะ และระบบความปลอดภัย Advanced Synchronized Protection System ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานระดับ 5 ดาวจาก China NCAP และดีไซจ์นเพื่อรองรับ Euro NCAP ให้ความมั่นใจในการใช้งานในระยะยาวด้วยการรับประกันแบทเตอรีแรงเคลื่อนสูง
ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อนตลอดอายุการใช้งาน (Lifetime Warranty) ตอกย้ำการเป็นหนึ่งในตัวเลือกระดับแนวหน้าของกลุ่ม Premium Intelligent E-SUV ในเมืองไทย โดยนำร่องเปิดตลาดไปเมื่อต้นปีด้วย 2 รุ่นย่อย คือ รุ่น Premium 2WD และ รุ่น Performance AWD เพื่อขยายทางเลือกให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น MGได้เตรียมเปิดตัว New MG IM6 Long Range รุ่นย่อยใหม่ ลงสู้ศึกสมรภูมิอีวี ชูจุดเด่น E-SUV ที่ “วิ่งไกลกว่า และชาร์จไวกว่า” กับ 3 ความเด็ดเฉพาะของรุ่นนี้ประกอบด้วย วิ่งไกลกว่าด้วยระยะทาง 750 กม./การชาร์จ 1 ครั้งตามมาตรฐาน NEDC ชาร์จเร็วด้วยเทคโนโลยีขับเคลื่อนแรงดันไฟฟ้า 800 โวลท์ รองรับการชาร์จ Quick Charge สูงสุด 396 กิโลวัตต์ ถือเป็นยนตรกรรมที่ผสานจุดเด่น“ชาร์จไวกว่า” และ “ขับได้ไกลกว่า” ไว้ในคันเดียว ตอบโจทย์ทั้งการเดินทางในเมือง และระยะไกลได้อย่างมั่นใจ พร้อมฟีเจอร์อัจฉริยะอีกมากมาย โดยมีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Big Motor Sale 2025 ซึ่งจะกลายเป็นอีกก้าวสำคัญของรถไฟฟ้าที่มีระยะทางการขับขี่ที่ไกล และชาร์จได้ไวในตลาด
New MG IM6 Long Range เปิดให้ลงทะเบียนความสนใจล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันนี้-22 สิงหาคม 2568 ผ่านช่องทาง https://www.mgcars.com/th/promotions/MG-IM6-Long-Range-Teaser
*ระยะเวลาในการชาร์จ ขึ้นอยู่กับระดับแบทเตอรีคงเหลือ และกำลังของเครื่องอัดประจุไฟฟ้า
.........................................................................................................................
Toyota เปิดตัวผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ GR Performance
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ลงนามแต่งตั้งผู้แทนจำหน่าย GR Performance อย่างเป็นทางการ พร้อมมุ่งสร้างแบรนด์ GR อย่างจริงจัง
โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า Toyota (โตโยตา) มุ่งสร้างแบรนด์ GR ในประเทศไทยอย่างจริงจัง โดยเริ่มจากแผนการดำเนินงานที่มุ่งเน้นจากการจำหน่ายรถยนต์ตระกูล GR Series (จีอาร์ ซีรีส์) ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ได้รับการพัฒนาจาก Toyota Gazoo Racing ในประเทศญี่ปุ่น และยังมีแผนแนะนำรถยนต์สมรรถนะสูง GR Performance อย่างต่อเนื่องในอนาคตอีกด้วย
ศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ เผยว่า นับตั้งแต่การเปิดตัว GR Supra (จีอาร์ ซูพรา) ในปี 2562 Toyota มีเป้าหมายมากกว่าการจำหน่ายรถยนต์ เรามุ่งมั่นในการสร้างแบรนด์ GR ให้แข็งแกร่ง ภายใต้แรงบันดาลใจจากโลกของมอเตอร์สปอร์ท และความยึดมั่นในจิตวิญญาณแห่งการขับขี่อย่างแท้จริง ทำให้ GR จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่ตราสัญลักษณ์ แต่เป็นปรัชญาแห่งการพัฒนารถยนต์ให้ดียิ่งขึ้นผ่านการแข่งขัน ให้แก่ลูกค้าชาวไทย
สำหรับบทบาท และความรับผิดชอบของ GR Garage นั้น จะเป็นยิ่งกว่าการเป็นโชว์รูมจำหน่ายรถยนต์ แต่เป็นจุดเชื่อมโยงประสบการณ์ของแบรนด์ GR อย่างเต็มรูปแบบ โดย Toyota ได้ริเริ่มโครงการ GR Garage ผ่านการลงนามในสัญญาแต่งตั้งผู้แทนจำหน่าย GR Garage ประจำปี 2568 ร่วมกับ GR Garage เป็นครั้งแรกในประเทศไทย จำนวน 6 แห่ง ได้แก่ GR Garage Krungthai (บริษัท โตโยต้า กรุงไทย จำกัด) GR Garage K.Motors (บริษัท โตโยต้า เค.มอเตอร์ส ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด) GR Garage Thonburi (บริษัท โตโยต้า ธนบุรี จำกัด) GR Garage Rich (บริษัท โตโยต้าริช จำกัด) GR Garage Khonkaen (บริษัท โตโยต้าขอนแก่น ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด) และ GR Garage Pearl (บริษัท โตโยต้าเพิร์ล ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด)
ปัจจุบัน บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด มีการจำหน่ายรถยนต์ GR จำนวน 2 รุ่น คือ GR Yaris (จีอาร์ ยารีส) และ GR Corolla (จีอาร์ โคโรลลา) และภายในสิ้นปีนี้ เรามีแผนที่จะขยายการจำหน่ายรถยนต์เพิ่มอีก 2 รุ่น ทำให้ภายในปี 2568 Toyota จะจำหน่ายรถยนต์ GR Series รวมทั้งสิ้น 4 รุ่น
.........................................................................................................................
Mercedes-Benz ปรับราคาจำหน่าย EQE
Mercedes-Benz ประเทศไทย ประกาศปรับโครงสร้างราคาจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100 % ไลน์อัพ EQE (อีคิวอี) กว่า 4 รุ่น ทั้งรุ่นซีดาน และเอสยูวี โดย EQE 300 (อีคิวอี 300) มีราคาจำหน่ายที่ 2,890,000 บาท จากราคาเดิม 3,970,000 บาท และ EQE 350 4Matic SUV (อีคิวอี 350 4 เมทิค เอสยูวี) รุ่นเริ่มต้นจะมีราคาจำหน่ายที่ 3,190,000 บาท จากราคาเดิม 4,850,000 บาท
นอกจากนี้ Mercedes-Benz (เมร์เซเดส-เบนซ์) ยังได้มอบส่วนลดพิเศษสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100 % อีก 4 รุ่น โดยมีส่วนลดตั้งแต่ 200,000-3,010,000 บาท พร้อมรับข้อเสนออีกมากมายในแคมเปญประจำปีอย่าง “Defining Electric: Reimagine Intelligence” ที่ขนทัพรถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่นมาให้คนไทยทุกคนได้สัมผัส และทดลองขับอย่างใกล้ชิด ระหว่างวันที่ 15-17 สิงหาคม 2568 ณ ชั้น G อาคาร The Storeys โครงการ One Bangkok
สำหรับรถยนต์ทั้ง 8 รุ่นที่เข้าร่วมแคมเปญ “Defining Electric” จะมีราคาจำหน่ายล่าสุด และข้อเสนอส่วนลดพิเศษ ดังนี้
EQE 300
ราคาจำหน่าย 2,890,000 บาท จากเดิม 3,970,000 บาท
EQE 350 4Matic SUV Electric Art
ราคาจำหน่าย 3,190,000 บาท จากเดิม 4,850,000 บาท
EQE 350 4Matic SUV AMG Line
ราคาจำหน่าย 3,690,000 บาท จากเดิม 5,300,000 บาท
EQE 350 4Matic SUV AMG Dynamic
ราคาจำหน่าย 3,790,000 บาท จากเดิม 5,650,000 บาท
EQS 450+ AMG Dynamic (ส่วนลด 1,360,000 บาท)
ราคาพิเศษ 4,590,000 บาท จากเดิม 5,950,000 บาท
EQS 500 4Matic AMG Premium (ส่วนลด 3,010,000 บาท)
ราคาพิเศษ 4,190,000 บาท จากเดิม 7,200,000 บาท
EQS 450 4Matic SUV AMG Dynamic (ส่วนลด 200,000 บาท)
ราคาพิเศษ 5,790,000 บาท จากเดิม 5,990,000 บาท
Mercedes-AMG EQE 53 4Matic+ (ส่วนลด 1,060,000 บาท)
ราคาพิเศษ 4,890,000 บาท จากเดิม 5,950,000 บาท
นอกจากนี้ ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100 % ในงาน จะได้รับข้อเสนอพิเศษ Worry-Free* ดังนี้
โปรแกรมค่าบำรุงรักษาตามระยะทาง และขยายระยะเวลารับประกันคุณภาพรถยนต์ (MBSP Easy Care & Extra Guarantee ) ตลอด 5 ปี**
ประกันแบทเตอรีนาน 10 ปี (10-Year Battery Warranty)
ประกันภัยชั้น 1 Mercedes-Benz Protection นาน 1 ปี
ชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบ DC ไม่จำกัดจำนวนครั้ง นาน 1 ปี
รับฟรี Wallbox พร้อมติดตั้ง
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด เฉพาะรุ่น และสีรถที่ร่วมรายการ
**เฉพาะรุ่น EQS 500 4Matic AMG Dynamic
.........................................................................................................................
Volvo เปิดโปรแกรม จ่ายครั้งเดียว คุ้มครองตลอด
วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย)ฯ ยกระดับประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถยนต์ Volvo (โวลโว) กับโปรแกรม Volvo Genuine Parts Extended Warranty ที่พร้อมนำเสนอแก่ลูกค้า Volvo ผ่านตัวแทนผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการมอบประสบการณ์การบริการที่มีคุณภาพ มอบความอุ่นใจว่า Volvo จะอยู่เคียงข้างลูกค้าตลอดระยะการใช้รถ พร้อมช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าของรถ Volvo
คริส เวลส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า โปรแกรม Volvo Genuine Parts Extended Warranty เป็นบริการรับประกันหลังการขายเพื่อดูแลผู้ใช้งานรถ Volvo เพิ่มเติมจากการรับประกันที่ผู้ใช้งานได้รับเมื่อซื้อรถใหม่ ซึ่งเป็นการมอบความอุ่นใจว่าลูกค้าจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีตลอดช่วงการเป็นเจ้าของรถ และไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายแม้เมื่อรถหมดประกัน
สิทธิประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ
อะไหล่แท้ Volvo ที่ซื้อหลังจากครบกำหนดระยะเวลาการรับประกันรถยนต์ และที่ติดตั้งโดยศูนย์บริการอย่างเป็นทางการของ Volvo ทั่วประเทศ จะมีสิทธิ์ในการรับประกันอะไหล่ชิ้นที่เปลี่ยนตลอดช่วงการเป็นเจ้าของรถ หากอะไหล่ชิ้นดังกล่าวเกิดความบกพร่อง Volvo จะทำการเปลี่ยนอะไหล่ที่รับประกันโดยไม่มีค่าใช้จ่ายทั้งในส่วนของอะไหล่ และค่าแรง
"ลูกค้า คือ หัวใจสำคัญของทุกสิ่งที่เราทำ การรับประกันอะไหล่ตลอดอายุการเป็นเจ้าของรถ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Volvo ที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของลูกค้าในระยะยาว, ยกระดับการบริการซึ่งมาพร้อมมาตรฐานระดับสากลของ Volvo และมอบความอุ่นใจให้แก่ลูกค้าว่าเราจะอยู่เคียงข้างพวกเขาตลอดการเป็นเจ้าของ แม้ว่ารถจะพ้นระยะเวลาการรับประกันไปแล้วก็ตาม ซึ่งปัจจุบัน วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย)ฯ มีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โปรแกรมดังกล่าวจึงเป็นเสมือนเครื่องยืนยันว่าพวกเขาจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจาก Volvo ตลอดระยะเวลาในการเป็นเจ้าของรถ"
เงื่อนไขการรับสิทธิ์โปรแกรม Volvo Genuine Parts Extended Warranty ลูกค้าต้องซื้อรถจากตัวแทนผู้จัดจำหน่าย Volvo อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม 2563 เป็นต้นไป, เป็นเจ้าของรถบุคคลเดิม และมีการซื้อ และติดตั้งอะไหล่แท้ Volvo จากตัวแทนผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ Volvo อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ โดยมีหลักฐานการซื้อ อาทิ ใบเสร็จ หรือใบกำกับภาษีที่ระบุชื่อตรงกับชื่อผู้ครอบครองรถ และมีการนำรถเข้ารับการบำรุงรักษา ณ ตัวแทนผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ Volvo อย่างเป็นทางการ ตามที่ Volvo แนะนำอย่างต่อเนื่องตลอดการใช้งาน โดยหากมีการเปลี่ยนชื่อผู้ครอบครองรถ สิทธิ์การรับประกัน Volvo Genuine Parts Extended Warranty จะสิ้นสุดลงโดยอัตโนมัติ
.........................................................................................................................
MGC-Asia เข้าถือหุ้น 100 % ใน Neo Mobility Asia
บมจ.มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) หรือ MGC-Asia ประกาศแผนเชิงกลยุทธ์ เดินหน้าเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดใน บริษัท นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย จำกัด จากบริษัท อรุณ พลัส โมบิลิตี้ โฮลดิ้ง จำกัด (AMH) ส่งผลให้เข้าถือหุ้น 100 % ใน บริษัท นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย จำกัด เร่งต่อยอดยกระดับแผนธุรกิจ Lifestyle Mobility Ecosystem เดินเกมรุกสู่ธุรกิจ Mobility ยุคใหม่เต็มสูบ พร้อมสร้างความเชื่อมั่นด้วยประสบการณ์กว่า 25 ปี บนฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง สู่การผลักดันการเติบโตอย่างมั่นคง และยั่งยืน
ดร. สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC-Asia เปิดเผยว่า บริษัทฯ เดินหน้ามุ่งมั่นสู่การขับเคลื่อนในความเป็นผู้นำ Lifestyle Mobility Ecosystem อย่างครบวงจรอันดับ 1 ของประเทศ โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัท เอ็มจีซี-เอเชีย กรีนเทค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ MGC-Asia ได้เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดใน บริษัท นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย จำกัด ทั้งนี้ Neo Mobility Asia เดิมเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง MGC-Asia Greentech และบริษัท อรุณ พลัส โมบิลิตี้ โฮลดิ้ง จำกัด (AMH) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ปตท. การซื้อหุ้นครั้งนี้ ส่งผลให้ MGC-Asia Greentech ถือหุ้นใน Neo Mobility Asia เป็น 100 % จากเดิมที่ถือหุ้นในสัดส่วน 49.99 % ซึ่งถือเป็นการต่อยอดธุรกิจ EV ได้อย่างเต็มรูปแบบ สู่การสร้างศักยภาพความแข็งแกร่งทางธุรกิจในอนาคต เนื่องจากการเข้าซื้อหุ้นในครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นเพียงแค่การถือครองหุ้น 100 % แต่เป็นการลงทุนในอนาคตของระบบนิเวศ ซึ่งสอดรับกับนโยบายของ MGC-Asia ที่กำลังมุ่งสู่การสร้างโลกแห่ง Mobility ที่ครอบคลุมทั้งประสบการณ์ผู้ใช้เทคโนโลยี และความยั่งยืน ตามหลักกลยุทธ์ Lifestyle Mobility Ecosystem และด้วยประสบการณ์ที่ยาวนานกว่า 25 ปี รวมถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ทำให้บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าการลงทุนในครั้งนี้ จะเป็นอีกบทบาทที่โดดเด่น และขับเคลื่อนการเติบโต อย่างยั่งยืนในระยะยาว
การเข้าถือหุ้น 100 % ในบริษัท นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย จำกัด ครั้งนี้ อยากให้ผู้ถือหุ้น นักลงทุน และคู่ค้า ได้เห็นว่า MGC-Asia มุ่งมั่นเพื่อยกระดับแผนธุรกิจ Lifestyle Mobility Ecosystem อย่างมีนัยสำคัญ สู่ผู้นำด้านระบบนิเวศแห่งการเดินทาง และการใช้ชีวิตแบบไร้รอยต่อ ที่ครอบคลุมทั้งรถยนต์หรูระดับพรีเมียม, รถยนต์มือสองครบวงจร, บริการรถเช่าระยะสั้น และยาว, ฟลีทองค์กร, Total EV Solution, บริการการเงิน และประกันภัย, และพแลทฟอร์มดิจิทอลครบวงจร ภายใต้ 3 แนวทางหลัก
1. MGC-Asia สามารถปรับทิศทางกลยุทธ์ EV และ Mobility ให้มีเป้าหมาย และวัตถุประสงค์เดียวกัน สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดที่มีการแข่งขันสูง และมีความคล่องตัวมากขึ้นในการบริหารจัดการ และมีความคล่องตัวสามารถดําเนินงานเชิงกลยุทธ์ได้เต็มรูปแบบ
2. สามารถดำเนินการตามบริการของ Neo Mobility ให้สอดคล้องกับธุรกิจหลักของ MGC-Asia อาทิ การขายรถยนต์ใหม่ และรถยนต์มือสอง, บริการหลังการขายครบวงจร, บริการฟลีทองค์กร, การเช่ารถระยะยาวสั้น/ยาว สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจรสำหรับองค์กร พร้อมระบบ Membership หรือ Subscription ได้อย่างไร้รอยต่อ ซึ่งจะทำให้เกิดการ Synergy อย่างเต็มรูปแบบ และ Margin ที่สูงขึ้นในระยะยาว
3. สอดคล้องกับพันธกิจของ MGC-Asia ในการสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ผ่านบริการ Subscription ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อาทิ EV Platform, Connected Mobility และ Auto Tech Ecosystem เพื่อให้สอดคล้อง และรองรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต
ดร. สัณหวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม MGC-Asia กล่าวเสริมว่า MGC-Asia เตรียมเดินหน้าสู่ธุรกิจ Mobility ในยุคใหม่อย่างเต็มตัว ภายหลังจากการถือหุ้นเต็มในครั้งนี้ ด้วยการเสริมการให้บริการ EV Fleet สำหรับภาครัฐ และเอกชนที่ต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น สอดคล้องกับรถ EV ที่กำลังเป็นเมกะเทรนด์ในปัจจุบัน พร้อมทั้งเตรียมพัฒนาพแลทฟอร์ม EV Subscription และ Car-as-a-Service ขณะเดียวกัน MGC-Asia ได้วางแผนลงทุนใน Auto Hub Data Center, AI & Connected Car Infrastructure ต่างๆ และสร้างพันธมิตรใหม่กับ Global EV Tech ให้สอดคล้องกับตลาดรถพรีเมียม และตลาดรถยนต์มือสอง และด้วยกลยุทธ์ดังกล่าวเป็นเครื่องตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ MGC-Asia ในการเป็นผู้นำแห่ง Mobility Ecosystem ที่ไม่เพียง “ขายรถ” แต่ต้องการ “เชื่อมชีวิต และการเดินทาง” อย่างมีคุณค่า พร้อมสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว