ข่าวจากประเทศอังกฤษ ระบุว่า ระบบบังคับเลี้ยวเทคโนโลยี Steer-by-Wire กำลังได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ขณะนี้มีรถใหม่บางแบรนด์นำไปใช้แล้ว
Mercedes เป็นบริษัทผู้ผลิตรถรายแรกจากเยอรมนีที่ใช้เทคโนโลยีนี้ โดย ZF เป็นผู้พัฒนาระบบ Steer-by-Wire ที่ไม่มีการเชื่อมต่อด้วยกลไกระหว่างคนขับ และล้อรถ แทนที่ด้วยระบบเซนเซอร์ และตัวขับระบบบังคับเลี้ยว (Electric Actuators)
บริษัท Nio ได้ติดตั้งระบบ Steer-by-Wire ของ ZF ในรถรุ่น ET9 ส่วน Lexus ได้เปิดตัวระบบ Steer-by-Wire ด้วยรุ่น RZ ในปีหน้า นอกจากนั้นบริษัท Bosch ได้ตกลงร่วมทุนกับบริษัทผู้ผลิตรถในประเทศจีน 3 ราย โดยบริษัทใช้ชื่อ Bosch Huaya Steering Systems ซึ่งจะเริ่มการผลิตเร็วๆ นี้
ระบบ Steer-by-Wire เคยเป็นระบบต้องห้ามในอุตสาหกรรมยานยนต์ เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้มีระบบกลไกเชื่อมต่อระหว่างคนขับ และล้อเท่านั้น จนปี 2546 คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจแห่งสหประชาชาติสำหรับยุโรป (UNECE) ได้เปลี่ยนแปลงข้อกำหนด UNECE Regulation 79 โดยให้ระบบ Steer-by-Wire ถูกต้องตามกฎหมายในยุโรป
บริษัท Mercedes ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่ง โดยมีระบบควบคุมหลักสองชุดเพื่อทำงานแทน หากระบบไฟฟ้าเชื่อมต่อระหว่างคนขับ และระบบบังคับเลี้ยวเกิดความล้มเหลว ต้องมีระบบบังคับเลี้ยวอีกชุดเข้ามาทำงานแทนได้ ระบบสำรองต้องมีทุกขั้นตอน ตั้งแต่ระบบเชื่อมต่อสัญญาณควบคุม 2 ชุด, แหล่งจ่ายกระแสไฟ 2 ชุด และตัวขับระบบบังคับเลี้ยวอีก 2 ชุด
แม้ว่าระบบควบคุมทั้งหมดล้มเหลว ยังมีระบบอื่นทดแทนเพื่อคนขับสามารถควบคุมรถต่อได้ อาจใช้ระบบบังคับเลี้ยวอัตโนมัติ (Automated Steering) ที่ควบคุมการบังคับเลี้ยวด้วยล้อหลัง หรือควบคุมการเบรคแต่ละล้อผ่านระบบ ESP
ระบบ Steer-by-Wire ของ Mercedes ทำงานโดยเมื่อคนขับหมุนพวงมาลัย ระบบ Steering Feedback Unit (SFU) จะส่งสัญญาณไปยังชุดแรคพวงมาลัย (SRU: Steering Rack Unit) เพื่อสั่งให้ระบบบังคับเลี้ยวทำงาน
ระบบ Steer-by-Wire ไม่มีกลไกเชื่อมต่อระหว่างคนขับ และล้อ คนขับจึงไม่รู้สึกถึงแรงบิดจากการบังคับเลี้ยว ระบบ Steer-by-Wire จะทำงานโดยการคำนวณการสัมผัสของยางกับถนน แล้วส่งสัญญาณไปยังระบบควบคุม การติดตั้งระบบ Steer-by-Wire ไม่ง่ายเหมือนกับการติดตั้งอุปกรณ์ทั่วไป บริษัทผู้ผลิตต้องทำงานอย่างหนักในการปรับเทียบการทำงานของระบบ จนเหมาะสมกับรถแต่ละรุ่น
Mercedes ได้ทดสอบระบบ Steer-by-Wire บนแท่นทดสอบเป็นระยะทางถึง 1 ล้านกิโลเมตร แล้วทดสอบในสนามทดสอบ และการใช้งานในสภาพการจราจรจริง
บริษัท Nio ชื่นชอบระบบการทำงาน และการออกแบบระบบ ที่สามารถปรับมุมเลี้ยว และการตอบสนองของพวงมาลัยได้ตามต้องการ ทั้งมีการบังคับทิศทางที่แม่นยำด้วย การใช้พวงมาลัยทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าทำให้มองเห็นเกจ์วัดได้สะดวกขึ้น ทั้งมีรอบหมุนพวงมาลัยเพียง 240 องศา และสามารถลดแรงสั่นสะเทือนจากพื้นถนนได้ถึง 80 %