ข่าวจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า Mercedes-Benz ทดสอบรถต้นแบบ EQS ติดตั้งแบทเตอรีโซลิดสเตท เดินทางจาก Stuttgart ถึง Malmö เป็นระยะทางถึง 749 ไมล์ (1,205 กม.) และแบทเตอรียังเดินทางต่อได้อีก 85 ไมล์ (136 กม.) ซึ่งเป็นความสำเร็จที่น่าประทับใจจากศักยภาพของแบทเตอรีโซลิดสเตท ที่สามารถใช้งานได้บนถนนจริง และบ่งบอกว่ารถไฟฟ้าในอนาคตจะสามารถแข่งกับรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในได้
การทดสอบครั้งนี้ไม่ได้ทำในสนามปิด แต่เป็นสภาพการใช้งานจริง โดยเดินทางจากประเทศเยอรมนีไปประเทศเดนมาร์ก ใช้ระบบนำทางด้วยซอฟท์แวร์ “Electric Intelligence Navigation” ที่ค่ายดาวสามแฉกพัฒนาขึ้น เพื่อทำหน้าที่กำหนดเส้นทาง ด้วยการประมวลผลจากข้อมูลการเปลี่ยนระดับความสูง ระบบปรับอากาศในรถ และสภาพการจราจร ความสำเร็จจากการทดสอบในสภาพใช้งานจริง น่าจะทำให้รถไฟฟ้าแบรนด์อื่นต้องหันมามอง
Markus Schäfer ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี กล่าวว่า ผลการทดสอบครั้งนี้จะเป็นตัวเปลี่ยนเกมวงการอุตสาหกรรมรถไฟฟ้า จากการทดสอบในสภาพการใช้งานจริง ซึ่งลูกค้าคาดหวังจากรถไฟฟ้าในทศวรรษหน้า
สิ่งที่ต่างจาก EQS รุ่นปัจจุบัน รถต้นแบบใช้เซลล์แบทเตอรี Lithium-Metal Solid-State พัฒนาโดยบริษัท Factorial Energy และแพคแบทเตอรีโซลิดสเตทมีความจุพลังงานเพิ่มขึ้นอีก 25 % โดยมีน้ำหนักเท่าเดิม และไม่กินเนื้อที่เพิ่ม ระหว่างการชาร์จแบทเตอรี มีระบบ Pneumatic Actuators ทำหน้าที่ปรับแรงดันเพื่อให้เซลล์แบทเตอรีมีเสถียรภาพ (แบทเตอรีมีการขยายตัว) ซึ่งช่วยได้ทั้งด้านความปลอดภัย และอายุการใช้งานที่ยาวนาน
การทดสอบรถต้นแบบคันดังกล่าว เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงมากมายในโลกรถไฟฟ้า ซึ่ง Mercedes มีกำหนดเปิดตัวรถไฟฟ้า C-Class ในปี 2569 ซึ่งทำระยะเดินทางต่อการชาร์จได้ถึง 800 กม. ทั้งเปิดตัว Mercedes G-Class Cabriolet ซึ่งแสดงว่าบริษัทยังให้ความสำคัญกับรถรูปแบบเดิมด้วย การเคลื่อนไหวแบบนี้ของบริษัท จึงเป็นการแสดงว่าบริษัทพยายามสร้างสมดุลระหว่างรถไฟฟ้าแห่งอนาคต และรถระดับตำนานได้อย่างลงตัว