ธุรกิจ
Omoda & Jaecoo ฉลองครบรอบ 1 ปี

Omoda & Jaecoo (โอโมดา แอนด์ เจคู) ในประเทศไทย ประกาศเฉลิมฉลองครบรอบ 1 ปีของ บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด ประสบความสำเร็จด้วยยอดจองปีนี้คาดว่าจะมีปริมาณมากกว่า 10,000 คัน โดย Jaecoo 5 EV (เจคู 5 อีวี) ที่มียอดจองสูงมากกว่า 5,000 คันในเดือนสิงหาคม
พร้อมกันนี้เตรียมผลิตเฟสแรกในไตรมาส 4 ของปีนี้ ประกอบด้วย รถยนต์ 3 รุ่น ได้แก่ 6 EV, 5 EV และ C5 EV เฟสแรกคาดว่าจะผลิตประมาณ 50,000 คัน และจะขยายภายใน 5 ปี เพิ่มเป็น 80,000 คัน
Omoda & Jaecoo ผู้นำนวัตกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ระดับพรีเมียม ฉลองครบรอบ 1 ปีของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย พร้อมประกาศถึงผลตอบรับอันน่าประทับใจของ Jaecoo 5 EV ที่สามารถทำยอดจองได้กว่า 5,000 คันในเดือนสิงหาคม 2568 สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคชาวไทยที่มีต่อนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของแบรนด์
บิล จาง ผู้อำนวยการบริหารแบรนด์ Omoda & Jaecoo ประเทศไทย กล่าวว่า เพื่อเป็นการฉลองความสำเร็จ 1 ปี Omoda & Jaecoo ประกาศวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ โดยมุ่งเน้น 3 พันธกิจหลักเพื่อตอบสนองตลาดไทย ได้แก่ การพัฒนา และผลิตยานยนต์คุณภาพสูงที่ตรงความต้องการของผู้บริโภค การสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจผ่านการลงทุนในโรงงานผลิตภายในประเทศ และการเสริมสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งทั้งหมดนี้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ด้านยานยนต์ไฟฟ้าของกลุ่ม Chery (เชอรี) ในระดับโลก
ประเทศไทยถือเป็นตลาดหลักที่มีความสำคัญของกลุ่ม Chery ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในรอบปีแรกนี้ ยืนยันว่าบริษัทฯ เดินมาถูกทิศทาง โดยเฉพาะการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ผสานทั้งนวัตกรรมเทคโนโลยีล้ำสมัย การออกแบบที่โดดเด่น และประสิทธิภาพการใช้งานที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยได้อย่างลงตัว
ด้านการลงทุนในประเทศไทย บริษัทฯ ได้จัดตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ โดยมีมูลค่าการลงทุนที่วางแผนไว้ทั้งสิ้นราว 5,000 ล้านบาท เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ และเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค พร้อมวางแผนขยายกำลังการผลิตในอนาคตเพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
โรงงานแห่งนี้จะเป็น Hub of NEV (New Energy Vehicle) เริ่มจาก Jaecoo 6 EV (เจคู 6 อีวี) และเพื่อการตอบสนองความต้องการของตลาดได้มีการวางแผนผลิต Omoda C5 EV (โอโมดา ซี 5 อีวี) และ Jaecoo 5 EV ภายในปี 2568 และในไตรมาสที่ 3 ปี 2569 จะเพิ่มการผลิต C3 อีก 1 รุ่น
สำหรับปี 2568 บริษัทคาดว่าจะมียอดขายไม่น้อยกว่า 10,000 คัน และปี 2569 ตั้งเป้ามียอดขายรวม 25,000 คัน
นอกจากนี้ ยังวางแผนตั้ง Training Center+R&D ภายในปี 2570 อีกทั้งการพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 60 แห่ง และตั้งเป้า 90 แห่ง ภายในปี 2568 ควบคู่กับแผนการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ทั้งยานยนต์ไฟฟ้า และไฮบริดรุ่นใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค โดยให้ความสำคัญกับการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าอย่างครบวงจร ตั้งแต่กระบวนการขาย การรับประกันคุณภาพ ไปจนถึงการบริการหลังการขายที่เป็นเลิศ
“หนึ่งปีที่ผ่านมาทเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเรา เรามีแผนการลงทุน และพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องในอีก 3-5 ปีข้างหน้า เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ควบคู่ไปกับการสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจที่แข็งแกร่งร่วมกับพันธมิตรของเรา เราเชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพของผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และทีมงานของเรา จะสามารถส่งมอบนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่ตอบโจทย์การใช้งานของคนไทยได้อย่างแท้จริง”
เพื่อตอกย้ำความแข็งแกร่งของแบรนด์ และสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้า Omoda & Jaecoo ได้ยกระดับมาตรฐานการบริการหลังการขายภายใต้ชื่อ “OJ O-Jai” (โอเจโอใจ) ครอบคลุมทุกความต้องการ เริ่มจากศูนย์บริการลูกค้า (Call Center) ที่พร้อมให้ความช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน ผ่านช่องทางโทรศัพท์หมายเลข 0-2020-8888 พร้อมบริการรถสำรอง (Courtesy Car) สำหรับกรณีที่รถมีปัญหาที่เกิดจากระบบ และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน (Roadside Assistance) ฟรีในระยะทาง 200 กิโลเมตร (ขยายระยะจากเดิม 100 กิโลเมตร) ด้วยมาตรฐานการเข้าถึงภายใน 30 นาทีในเขตกรุงเทพฯ และ 45 นาทีในต่างจังหวัด นอกจากนี้ ยังมีบริการ Mobile Service ที่พร้อมให้บริการถึงที่สำหรับงานซ่อมบำรุงเบื้องต้น และภายในปีหน้าจะเพิ่มบริการรับ-ส่งรถ (Pick-Up & Delivery) สำหรับลูกค้าที่ไม่สะดวกเดินทาง โดยทั้ง 2 บริการนี้จำกัดการใช้งาน 2 ครั้ง/ปี ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด