บทความ
Hofmeister Kink เส้นโค้งเอกลักษณ์ของค่ายใบพัด

Hofmeister Kink เส้นสายดีไซจ์นเล็กๆ แต่ทรงพลังของ BMW ที่แฟนพันธุ์แท้ต้องรู้ ! จุดเด่นบริเวณเสา C ที่สื่อถึงความสปอร์ท และเอกลักษณ์เหนือกาลเวลาHighlight
รถยนต์ BMW ทุกรุ่นตั้งแต่ยุค 1960s มักมีดีไซจ์น “มุมหักบริเวณเสา C” ที่เหมือนจะเป็นแค่รายละเอียดเล็กๆ แต่กลับเป็น “ลายเส้นเฉพาะตัว” ที่ทำให้แฟนรถทั่วโลกจำได้ทันทีว่า คือ ดีไซจ์นที่มีชื่อว่า Hofmeister Kink
“Hofmeister Kink” คือ ดีไซจ์นเส้นโค้งมุมกระจก (Reverse Curve) หรือ “มุมงอ” ที่อยู่บริเวณเสา C-Pillar ของรถยนต์ BMW ทุกรุ่นซึ่งเป็นส่วนเชื่อมระหว่างหลังคา และกรอบกระจกด้านหลัง โดยมีลักษณะเป็น “เส้นโค้งที่หักกลับเข้าหาตัวรถ” ดีไซจ์นนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ความสวยงาม แต่ยังแฝงความหมายด้านวิศวกรรม และอัตลักษณ์ของแบรนด์อีกด้วย
Hofmeister Kink มาจาก Wilhelm Hofmeister (วิลเฮล์ม ฮอฟไมสเตอร์) หัวหน้าฝ่ายออกแบบของ BMW ในช่วงปี 1955-1970 ซึ่งเป็นผู้นำแนวคิดดีไซจ์นนี้มาใช้ครั้งแรกกับรถยนต์ BMW 1500 ในปี 1961 จากนั้น BMW ก็สานต่อเอกลักษณ์นี้มาอย่างต่อเนื่องในแทบทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็นซีดาน เช่น ซีรีส์ 3, 5, 7 หรือแม้แต่ตระกูลเอสยูวีอย่างรุ่น X ที่มีตัวเลขสัญลักษณ์รุ่นบ่งบอกอย่างชัดเจน
นอกจากความโดดเด่นทางสายตา Hofmeister Kink ยังมีบทบาทด้านความแข็งแกร่งในโครงสร้าง เพราะการออกแบบเส้นสายโค้งช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกรอบหลังคา และเสากลาง ลดแรงบิดในจุดที่รับน้ำหนักมาก ยังทำให้รถมีความมั่นคง และแข็งแรงขึ้นเห็นได้ชัด สื่อถึงความเป็นรถขับเคลื่อนล้อหลัง ส่งผ่านงานดีไซจ์นยุคใหม่อย่างเช่น BMW I7, BMW Neue Klasse IX3 ฯลฯ
BMW ปัจจุบันยังคงใช้เส้น Hofmeister Kink เป็น “สัญลักษณ์แห่งจิตวิญญาณการขับขี่” เพราะเส้นสายที่โค้งกลับให้ความรู้สึกของ “การเคลื่อนที่ไปข้างหน้า” (Forward Thrusting) สื่อถึงสมรรถนะและความมั่นใจแม้ดีไซจ์น BMW รุ่นใหม่ในยุคไฟฟ้า เช่น I4, IX หรือ I7 จะปรับรูปแบบให้ดูทันสมัยขึ้น แต่ยังคง “โครงสร้าง Hofmeister Kink” ไว้อย่างแนบเนียน เพื่อรักษา DNA ดั้งเดิมของแบรนด์ ซึ่งไม่ใช่แค่เส้นโค้งเล็กๆ แต่คือ “จิตวิญญาณของ BMW” มานานกว่า 60 ปี


