เรื่องเด่น Quattroruote
JEEP AVENGER
รุ่น FULL ELECTRIC SUMMIT
รถยนต์ไฟฟ้าที่ลงตัวสำหรับการขับขี่ในตัวเมือง มีขนาดกะทัดรัด การบังคับควบคุมที่ง่ายดาย และมีระยะทำการสูงสุดที่เกือบ 400 กม. แต่การใช้ความเร็วสูงบนทางหลวง การสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าจะสูงขึ้นอย่างชัดเจน
ราคา
จากผู้ผลิต 42,900 ยูโร (ประมาณ 1,820,000 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้า)
มอเตอร์ไฟฟ้า 1 ชุด วางด้านหน้า
กำลังสูงสุด 156 แรงม้า
ความจุแบทเตอรี
ความจุทั้งหมด 51 กิโลวัตต์ชั่วโมง
อัตราสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า
จากผู้ผลิต 6.3 กม./กิโลวัตต์ชั่วโมง
จากการทดสอบ 5.3 กม./กิโลวัตต์ชั่วโมง
ค่าชาร์จไฟฟ้า
จากครัวเรือน 4.56 ยูโร/100 กม.
ค่าชาร์จไฟฟ้า
จากจุดชาร์จไฟฟ้า DC 7.60 ยูโร/100 กม.
ระยะทำการสูงสุด
จากผู้ผลิต 400 กม.
จากการทดสอบ 301 กม.
จุดแข็ง
มอเตอร์ไฟฟ้ามีความสมดุลที่น่าพอใจ ระหว่างสมรรถนะที่ฉับไว และการประหยัดพลังงานไฟฟ้าที่น่าพอใจมาก สำหรับการขับในตัวเมือง AVENGER มีการส่งกำลังที่ไหลลื่น และประหยัดพลังงานไฟฟ้าดีมาก น่าจากนี้ คุณลักษณะการขับขี่ทำได้น่าพอใจเช่นกัน และมีความมั่นคงในตัว ส่วนความสะดวกสบายทำได้ยอดเยี่ยมในทุกสภาวะ
จุดอ่อน
จุดอ่อนของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้คบ้ายกับรุ่นเครื่องยนต์สันดาป นั่นคือ พื้นที่ใช้สอยโดยรวมมีค่อนข้างจำกัด ส่วนที่เก็บสัมภาระท้ายมีความจุที่ 261 ลิตร เท่านั้น ถือว่าน้อยไปสำหรับ เอสยูวี ระดับ บี เซกเมนท์ ขณะที่การประหยัดพลังงานไฟฟ้าทำได้น่าพอใจ แต่ยกเว้นการขับด้วยความเร็วสูงคงที่บนทางด่วน มีการสิ้นเปลืองที่ 3.6 กม./กิโลวัตต์ชั่วโมง นั่นคือ ระยะทำการสูงสุดเฉลี่ยจะลกเหลือแค่ 208 กม. เท่านั้น
การปรากฏโลโกตัวอักษร “E” จำนวน 2 จุดบนตัวถัง และการหายไปของชุดท่อไอเสีย เป็นจุดแตกต่างที่ต้องสังเกตให้ดี กับการทดสอบประสิทธิภาพของระบบไฟฟ้าจากรถยนต์รุ่นนี้ แม้ในหลายจุด รถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ยังคงเป็น JEEP AVENGER (จีพ อเวนเจอร์) ที่เรารู้ข้อมูลโดยละเอียดมาเป็นเวลาหลายเดือนหลังจากการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ และการทดลองขับเบื้องต้นไปก่อนหน้านี้ รวมถึงการนำมาเปรียบเทียบสมรรถนะกับคู่แข่งเอสยูวีระดับบี-เซกเมนท์ ณ ช่วงเวลาดังกล่าว รุ่นที่ถูกนำมาทดสอบ คือ เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 1.2 ลิตร ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับตลาดกลุ่มภูมิภาคยุโรป ซึ่งตลาดกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้ายังมีส่วนแบ่งที่ไม่มากนัก เช่น ประเทศอิตาลี และสเปน จนกระทั่งปัจจุบัน รุ่นที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปถูกส่งไปทำตลาดหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ เยอรมนี และฝรั่งเศส นอกจากนี้ ยังมีบางภูมิภาคที่นำเข้ารุ่นเครื่องยนต์แบบ 3 สูบเรียง ซึ่งความเป็นจริงแล้วทางค่ายรถน่าจะนำมาจำหน่ายอย่างเป็นทางการด้วยเป็นอีกทางเลือก
สำหรับ AVENGER รุ่นล่าสุด มีการทำตลาดพร้อมกับรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน นั่นคือ ทางเลือกมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 156 แรงม้า กับแบทเตอรีความจุ 51.0 กิโลวัตต์ชั่วโมง และทางเลือก4 รุ่นย่อย โดยรุ่นเริ่มต้นมีราคาที่ 37,900 ยูโร และรุ่นทอพ SUMMIT เป็นรถทดสอบในครั้งนี้ มีราคาที่ 42,900 ยูโร แสดงให้เห็นว่า ส่วนต่างของราคาเมื่อเทียบกับรุ่นเบนซิน 1.2 ลิตร คือ 13,600-15,600 ยูโร ซึ่งเป็นจำนวนที่ต้องจ่ายเพิ่มเป็นอย่างน้อย ไม่นับบรรดาอุปกรณ์เลือกติดตั้งอีกหลายรายการ โดยรุ่นที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า ติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานจากโรงงานมาหลายรายการ เช่น ระบบช่วยเหลือการขับขี่ระดับที่ 2 ซึ่งไม่มีติดตั้งในบางรุ่นย่อยของรุ่นเครื่องยนต์เบนซินเลย
การใช้งานที่สะดวกสบาย
ปัจจัยในเรื่องของการประหยัดค่าใช้จ่าย คือ หนึ่งในหัวข้อสำคัญที่หลายคนพิจารณาเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเหล่าสุภาพสตรีทั้งหลาย ทั้งนี้ทั้งนั้น การจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า (รวมถึงการชาร์จจากครัวเรือนที่มีราคาไม่แพง การรับพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์มาชดเชยบางส่วน หรือการเลือกใช้งานสถานีชาร์จสาธารณะที่มีราคาเหมาะสม) AVENGER จัดเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีจุดเด่นดังกล่าวอยู่ครบถ้วน โดยเฉพาะการใช้งานในตัวเมือง ภายใต้ตัวถังที่มีขนาดกะทัดรัด (ความยาว 4,080 มม.) มีระยะทำการสูงสุดที่มากพอ (396 กม. สำหรับการขับในตัวเมือง) และมีการขับขี่ที่สะดวกสบาย แม้ภาพลักษณ์ของค่ายรถจะเน้นความสมบุกสมบัน จุดที่เราสังเกตเพิ่มเติม คือ ลักษณะของการออกแบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว น่าจะเรียกความสนใจจากกลุ่มลูกค้าได้ดีทีเดียว เรียกได้ว่า หน้าตาดี มีชัยไปกว่าครึ่ง โดยรวมแล้ว ห้องโดยสารของ AVENGER มีรูปแบบคล้ายกับเส้นสายของตัวถังภายนอก นั่นคือ มีความลงตัว และทันสมัยเกินคาด แม้จะมีจุดสังเกตให้เห็นเช่นกัน เช่น พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายมีความจุเพียง 261 ลิตร (เท่ากับรุ่นเครื่องยนต์สันดาป) เมื่อเทียบกับคู่แข่งระดับเดียวกันจะพบว่าความจุดังกล่าวมีมากกว่ารถยนต์รุ่นนี้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ เอสยูวีพลังไฟฟ้าจาก JEEP รุ่นนี้ ยังมีพื้นที่ใช้สอยด้านหลังที่ค่อนข้างจำกัด และมีพื้นที่โดยรวมที่น้อยที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลย นอกจากนี้ ในแง่ของคุณภาพการประกอบ วัสดุที่เลือกใช้มีความเรียบง่ายเกินไป ไม่สมกับราคาของตัวรถ แม้จะมีจุดที่น่าพอใจ คือ ห้องโดยสารมีอุปกรณ์ใช้งานที่ครบครัน การประกอบที่แน่นหนา และการใช้งานที่หลากหลาย
หนึ่งในจุดแตกต่างสำคัญจากรุ่นเครื่องยนต์สันดาป คือ คอนโซลกลางที่มีความเรียบง่ายกว่าเดิม จากการปราศจากคันเกียร์ ถูกแทนที่ด้วยที่เก็บของทรงลึก สามารถบรรจุสิ่งของได้หลากหลาย และยังมีฝาปิดมิดชิดอีกชั้นหนึ่ง สามารถพับเพื่อทำการเปิด/ปิดได้อย่างแนบเนียน ใช้งานแทนโต๊ะได้เช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งพื้นที่วางของตลอดความกว้างของคอนโซลหน้า เป็นรายละเอียดที่น่าพอใจไม่น้อย โดยเฉพาะผู้โดยสารที่ชอบวางสิ่งของต่างๆ บริเวณคอนโซลหน้า
สิ่งที่ทำได้ดีใกล้เคียงกับรุ่นเครื่องยนต์สันดาป คือ ตำแหน่งของเบาะผู้ขับมีความลงตัว ไม่ว่าสไตล์การนั่งจะเน้นความสูงของตัวเบาะ หรือชอบปรับให้เบาะต่ำลงมาใกล้กับพื้นห้องโดยสาร ตัวเบาะกระชับสรีระได้ดีมาก ไม่ทำให้ผู้โดยสารรู้สึกลอยอยู่ในเบาะที่สูงขึ้นมา การปรับตำแหน่งของเบาะสามารถทำได้ตามต้องการอย่างแม่นยำ (รวมถึงการปรับตำแหน่งของส่วนคอพวงมาลัยได้) เสริมการใช้งานที่สะดวกสำหรับการปรับพนักพิงหลังกับปุ่มใช้งานแบบกลิ้งได้ สามารถปรับระดับได้อย่างละเอียด นอกเหนือจากนี้ ปุ่มใช้งานต่างๆ อยู่ในระยะที่เอื้อมมือถึง และมีการใช้งานที่สะดวก ปุ่มใช้งานแบบดิจิทอลมีกราฟิคที่คมชัด และเลื่อนรายการใช้งานได้อย่างง่ายดาย มีการแสดงผลของระบบความบันเทิงในส่วนถัดไปของหน้าจอ ผู้โดยสารเพียงเลื่อนสายตาเล็กน้อยจากการแสดงผลข้อมูลต่างๆ กับหน้าจอแสดงผลหลักขนาด 10.2 นิ้ว ถือว่ามีขนาดใหญ่ในระดับหัวแถวของคู่แข่งระดับเดียวกัน มีฟังค์ชันการใช้งานต่างๆ เช่น การเชื่อมต่อแบบไร้สายกับมือถือ การรองรับการสั่งงานด้วยเสียง การใช้งานต่างๆ มีความสะดวก และง่ายดายเกินคาด เป็นผลดีจากการออกแบบไอคอนต่างๆ และปุ่มใช้งานแบบดั้งเดิม รองรับการใช้งานได้ตามความต้องการของผู้ขับ อีกจุดที่น่าพอใจ คือ ระบบปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพ รักษาอุณหภูมิได้คงที่ แม้การทำงานจะเป็นแบบโซนเดียวทั่วทั้งห้องโดยสาร แต่การติดตั้งช่องแอร์ด้านหลัง ทำให้ความสะดวกสบายจากระบบปรับอากาศทำได้ดีกว่าคู่แข่งระดับเดียวกัน
การส่งกำลังไหลลื่นต่อเนื่อง
ปุ่มใช้งานที่ต้องทำความคุ้นเคยในช่วงแรก คือ ปุ่มใช้งานระบบเกียร์ มี 4 รูปแบบด้วยกัน มีตำแหน่งติดตั้งที่ส่วนล่างของคอนโซลหน้า หากใช้งานขณะถอยจอดรถ ผู้ขับต้องคอยก้มสายตามามองตำแหน่งของปุ่ม ไม่ว่าจะเป็นเกียร์ D, R หรือ P ก็ตาม หากเป็นไปได้ ทางผู้ผลิตควรจะติดตั้งคันเกียร์ขนาดเล็กมาแทนเพื่อการใช้งานที่สะดวกยิ่งขึ้น แต่เมื่อใดที่ผู้ขับเริ่มมีความคุ้นเคยแล้ว การใช้งานก็มีความสะดวกยิ่งขึ้น และสัมผัสกับการขับขี่ที่ความไหลลื่นอย่างน่าพอใจ จากการส่งกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้า รวมถึงการปราศจากการส่งกำลังของระบบเกียร์ ซึ่งมักจะมีการสะดุดในแต่ละจังหวะของเกียร์ การส่งกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าจึงมีความต่อเนื่อง และไหลลื่นมากกว่า สำหรับ AVENGER มีพละกำลังที่มากพอ และแรงบิดสูง ขับเคลื่อนตัวรถในสภาพการจราจรหนาแน่นได้สบาย การไต่ความเร็วทำได้รวดเร็ว แม้สมรรถนะอาจเป็นสิ่งที่ผู้ขับยังไม่ได้คาดหวังมากนักในสภาวะการขับขี่ในตัวเมือง ถึงอย่างนั้น รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 8.8 วินาที ถือว่าฉับไวกว่ารุ่นเครื่องยนต์สันดาปถึง 3 วินาทีเลยทีเดียว
อีกหนึ่งความแตกต่างจากรุ่นเครื่องยนต์สันดาป คือ การตอบสนองการขับขี่บนถนน รถยนต์ไฟฟ้าคันนี้มีจุดได้เปรียบ 2 ประการด้วยกัน ได้แก่ ความสะดวกสบายของการโดยสาร และความคล่องแคล่วของการหักเลี้ยว ระบบรองรับ คือ อีกหนึ่งจุดเด่นที่ถูกปรับแต่งมาอย่างลงตัว สามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือนจากความขรุขระบนพื้นถนนได้ดีมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่พบเจอได้ตลอดเวลาของการขับในตัวเมือง หรือแม้แต่การขับทางไกลบนทางหลวง ความสะดวกสบายของการโดยสารยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจมาก จากเสียงรบกวนในห้องโดยสารที่ต่ำ มีเพียงเสียงจากยางขณะใช้ความเร็วสูงเท่านั้น ส่วนความคล่องแคล่วในทางโค้ง จากน้ำหนักที่มากกว่ารุ่นเครื่องยนต์สันดาปประมาณ 350 กก. AVENGER ยังคงมีความสมดุลที่ดี และมีความมั่นคงที่น่าพอใจในแทบทุกสภาวะการขับขี่ ขณะที่ประสิทธิภาพของระบบเบรคสะท้อนน้ำหนักโดยรวมที่ค่อนข้างมากของรถรุ่นนี้ ระยะเบรคจึงค่อนข้างมากพอสมควร
ส่วนการใช้พลังงานไฟฟ้า มีการประหยัดพลังงานที่ดี และระยะทำการที่มากพอ ในกรณีที่ขับขี่ในตัวเมือง หรือทางชนบท เอสยูวีพลังไฟฟ้าของ JEEP มีระดับการใช้พลังงานที่ต่ำ ขณะที่บนทางหลวงกับความเร็วสูงจะใช้พลังงานมากยิ่งขึ้นเป็นปกติ เปรียบเทียบกันแล้ว การขับบนทางหลวงมีระยะทำการสูงสุดที่ 363 กม. ส่วนการขับในตัวเมืองจะมีตัวเลขดีขึ้นมาที่ 396 กม. ส่วนการขับทางไกลด้วยความเร็วสูง ระยะทำการสูงสุดจะลดลงมาเหลือ 208 กม. เท่านั้น เป็นตัวเลขต่ำกว่าค่าเฉลี่ยไม่น้อย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พอจะสร้างความอุ่นใจได้บ้าง คือ จำนวนสถานีชาร์จที่มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามทางหลวงหลายสาย นอกจากนี้ AVENGER ยังรองรับการชาร์จไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ได้สูงสุดที่ 100 กิโลวัตต์ ทำให้การใช้เวลาเพียง 15 นาทีของการชาร์จ จะได้ระยะทำการอีก 100 กม. เลยทีเดียว
ข้อมูลของรถทดสอบจากผู้ผลิต
มอเตอร์ไฟฟ้า
มอเตอร์ไฟฟ้าแบบสนามแม่เหล็ก ติดตั้งด้านหน้า
กำลังสูงสุด 156 แรงม้า
แรงบิดสูงสุด 26.5 กก.-ม.
แบทเตอรี
แบบ ลิเธียม-ไอออน ติดตั้งใต้พื้นรถ
กำลังไฟฟ้า 400 โวลท์ ความจุ 54 กิโลวัตต์ชั่วโมง (ใช้งานได้จริง 51 กิโลวัตต์ชั่วโมง)
การชาร์จไฟฟ้า
รองรับไฟฟ้าแบบ 3 เฟส สูงสุด 11 กิโลวัตต์
การชาร์จแบบเร่งด่วน DC สูงสุด 100 กิโลวัตต์ ที่ 400 โวลท์
ระบบส่งกำลัง
ขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า
ระบบเกียร์แบบอัตราทดเดียว
รูปแบบตัวถัง
ตัวถังวัสดุโลหะ 2 กล่อง 5 ประตู 5 ที่นั่ง
ระบบรองรับด้านหน้าแบบ แมคเฟอร์สัน สตรัท คอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง
ระบบรองรับด้านหลัง มัลทิลิงค์ คอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง
ชอคอัพแบบไฮดรอลิค
ระบบเบรคแบบ จาน พร้อมช่องระบายอากาศ เอบีเอส อีบีดี
พวงมาลัย ฟันเฟือง และตัวหนอน ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า
ยาง
GOOD YEAR EFFICIENTGRIP PERFORMANCE 2 ขนาด 215/55 R18 99V
ชุดปะยางฉุกเฉิน
มิติตัวถัง และน้ำหนัก
ระยะฐานล้อ 2,560 มม.
ความกว้างฐานล้อ คู่หน้า/หลัง 1,560 มม.
ความยาว 4,080 มม. กว้าง 1,780 มม. สูง 1,530 มม.
น้ำหนักโดยรวม 1,536 กก.
ความจุที่เก็บสัมภาระท้าย 355 ลิตร
สถานที่ผลิต
เมือง TYCHY (ประเทศโปแลนด์)