Quattroruote ลองของแรง
LOTUS ELETRE
หากใครที่ยังหลงใหลกับการขับขี่อันดุดัน ผ่านซุ่มเสียงอันเร้าใจจากเครื่องยนต์สันดาป รถคันนี้อาจไม่เหมาะกับคุณ แต่ถ้าคุณพร้อมที่เปิดใจรับรูปแบบใหม่ของความแรง คุณไม่ควรพลาดบทความทดสอบรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงคันนี้ กับการเป็นรถยนต์ไฟฟ้าสไตล์เอสยูวี รุ่นแรกของค่ายรถสปอร์ทระดับตำนาน และการขับขี่จะยังคงความเร้าใจได้มากน้อยแค่ไหน
เราเคยพบเรื่องราวอันเป็นที่ฮือฮาในวงการยานยนต์มาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการที่ค่าย JAGUAR (แจกวาร์) พัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลบลอคแรกขึ้นมา จากภาพลักษณ์ที่เน้นความหรูหรา แทบไม่เคยได้ไปข้องเกี่ยวกับกลิ่นอายของเครื่องยนต์ดีเซลมาก่อน จากนั้นเราก็พบว่าค่าย PORSCHE (โพร์เช) ตัดสินใจผลิตรถยนต์ที่มีความสูงกว่า 1,500 มม. ซึ่งในที่นี้ก็คือ รถยนต์รุ่น CAYENNE (คาเยนน์) อันโด่งดัง ซึ่งในเวลานั้นมีเสียงอื้ออึงด้วยความไม่เห็นด้วยจากบรรดาแฟนพันธุ์แท้ราวกับเป็นการดูหมิ่นศาสนาก็ไม่ปาน แต่ต่อมารถยนต์รุ่นนี้กลายเป็นผู้กอบกู้ค่ายรถให้มียอดขายถล่มทลาย และคำวิจารณ์ในแง่บวกตามมาอีกโข ช่วงต้นทศวรรษ 2000 เป็นเวลาแห่งการคิดใหม่ทำใหม่อย่างแท้จริง อาจมีความแตกต่างจนยากสำหรับหลายๆ คนที่จะเข้าใจได้ในทันที แต่เวลาจะเยียวยาทุกสิ่ง ดังนั้นวันนี้เราจึงพบว่าตัวเองเต็มใจที่จะมองดูรถของ FERRARI (แฟร์รารี) และ LAMBORGHINI (ลัมโบร์กินี) ที่มีตัวถังสูงแบบเอสยูวี ตราบใดที่บแรนด์ที่มีชื่อเสียงเหล่านี้ยังคงดำเนินต่อไป เพื่อประโยชน์ของตนเอง และของแฟนๆ ของพวกเขา เพื่อสร้างสิ่งที่พวกเขาทำได้ดีที่สุด และทำให้พวกเขามีชื่อเสียง นั่นคือ รถสปอร์ท
ตัวถังด้านหน้าของ ELETRE (เอเลตเรอ) เอสยูวีที่มีความยาวมากกว่า 5,000 มม. กับน้ำหนักโดยรวมกว่า 2 ตันครึ่ง และยังเป็นไฟฟ้าด้วย อย่าเพิ่งเดินหนีไปไหนเหล่าบรรดาแฟนดั้งเดิมของค่าย LOTUS (โลทัส) เอาเข้าจริงแล้วมันเป็นการเปลี่ยนวิสัยทัศน์ที่ไม่ธรรมดาสำหรับบแรนด์ที่ก่อตั้งบนหลักการของความเบา และความคล่องตัว แต่อย่างน้อยเรามาดูจุดเด่นในแง่มุมอื่นๆ ของรถยนต์คันนี้ก่อนดีกว่า หากเป็นไปตามที่ค่าย PORSCHE เคยทำสำเร็จมาก่อนแล้ว บางทีรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ของ LOTUS อาจพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นการสร้างความแตกต่างที่นำพาความมั่นคงต่ออนาคตของบแรนด์ และจะช่วยขยายขอบเขตอันไกลโพ้น (ขอบคุณเงินทุนของกลุ่ม GEELY (กีลี) ค่ายรถจากประเทศจีน ซึ่งถือหุ้นส่วนใหญ่ กับสารพัดรถเก๋งหรูหราในปัจจุบัน และเอสยูวีขนาดกะทัดรัด โดยตั้งเป้าไว้ที่ 150,000 คัน/ปี ภายในปี 2571 นั่นเชียว) สามารถทำกำไรได้ และยังคงสร้างรถสปอร์ทอันงดงามแบบที่ขับแข่งในตำนานอย่าง COLIN CHAPMAN (คอลิน แชพแมน) ชื่นชอบ
ระบบความบันเทิงที่แปลกตา
ตอนนี้เราได้ตระหนักว่า เหนือสิ่งอื่นใด คือ การอิงตลาดเครื่องยนต์สันดาป ต่างก็ไม่ได้รับความสนใจมากมายแบบเมื่อก่อน ไม่ว่าจะเป็นรุ่น SEVEN (เซเวน), ELAN (เอลัน), ELISE (เอลิส) หรือแม้แต่ชื่อของบริษัทอย่าง LOTUS กำลังถูกกระแสยานยนต์ยุคปัจจุบันลืมเลือนไปทีละน้อย เพียงเพราะพวกเขากำลังมองหารถยนต์ที่ใช้พลังงานจากแบทเตอรีคุณภาพสูงสำหรับรถสปอร์ทขนานแท้ ไม่ใช่รถยนต์ไฟฟ้าสำหรับคนทั่วไปอย่าง TESLA (เทสลา) โดยค่ายรถ LOTUS ก่อตั้งขึ้นในปี 2495 ด้วยองค์ความรู้มากมายถูกนำไปใช้ในแง่มุมต่างๆ ของโลกยานยนต์ คือ สิ่งที่ค่ายรถแห่งนี้รังสรรค์ขึ้นมาตลอดเวลา 70 ปีของการก่อตั้ง (รวมถึงการมีส่วนร่วมในรถแข่ง F1) กลับสู่เวลาปัจจุบัน เรากำลังสัมผัสพวงมาลัยหุ้มหนังกลับที่สวยงาม ช่วยให้คุณรู้สึกตัวมากขึ้นในขณะที่คุณกำลังสะดวกสบายไปกับระบบนวดของเบาะนั่ง และระบบกันสะเทือนแบบแปรผันการตอบสนองได้ เพราะ ELETRE คันนี้ โดยธรรมชาติแล้วเป็นเอสยูวีพลังไฟฟ้าที่หรูหราไม่ใช่เล่น
ทันทีที่เราขึ้นมานั่งใน ELETRE S เราสังเกตเห็นคุณภาพที่มีคุณค่าอย่างแท้จริงทันที วัสดุ และการตกแต่งที่ไร้ที่ติ ความใส่ใจในรายละเอียดอย่างยิ่ง และการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ที่ได้รับการศึกษามาอย่างดี มีปุ่มทางกายภาพไม่กี่ปุ่ม ปัจจุบันเป็นสิ่งที่หาได้ยาก แต่ปุ่มที่มีอยู่ (ที่พวงมาลัย หรือสำหรับปรับอุณหภูมิ) ใช้วัสดุอัญมณีโลหะขนาดเล็กที่ให้ความรู้สึกน่าสัมผัส อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้นเราสังเกตระบบความบันเทิงของตัวรถ ซึ่งในตอนแรกอาจดูคล้ายกับของ TESLA อยู่บางส่วน เนื่องจากคุณสมบัติของเอสยูวีคันใหญ่โต กับหน้าจอขนาด 15 นิ้ว แต่หลังจากใช้งานมาสักระยะหนึ่ง เราจะพบว่ามันมีประโยชน์มากกว่าในบางแง่มุม เริ่มจากมาตรวัดความเร็วซึ่งไม่ใช่ตัวเลขที่มุมซ้ายของจอแสดงผล แต่มีเครื่องมือดิจิทอลจริงอยู่ตรงนั้น จากนั้น ภายใต้หน้าจอแอลอีดี ซึ่งมีความแข็งแกร่งมาก ประมวลผลด้วยพโรเซสเซอร์ของ QUALCOMM 8155 จำนวน 2 ตัว และส่วนประมวลผลกราฟิคชั้นสูงของ UNREAL ENGINE โดยหนึ่งตัวที่ใช้สำหรับวีดีโอเกมเพื่อรันระบบ HYPER OS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนาโดยบริษัท มีความลื่นไหลอย่างน่าทึ่ง
อินเตอร์เฟศที่สามารถจัดการได้ง่ายดาย ทำความเข้าใจได้ทันที และการตอบสนองต่อการสัมผัสก็น่าทึ่งมาก ทำให้การเรนเดอร์ภาพ 3 มิติของ ELETRE ตอบสนองการสัมผัสไปกับนิ้วของคุณบนหน้าจอเกือบจะกลายเป็นอวัยวะเดียวกันก็ว่าได้ บางทีในขณะที่หลายคนคาดหวังถึงการฟังเพลงอันไพเราะจากรถยนต์สมรรถนะสูงคันนี้ ทางผู้ผลิตก็ไม่ได้มองข้าม กับการขับกล่อมผ่านลำโพงถึง 23 ตัว และกำลังไฟ 2,160 วัตต์ รองรับการฟังเพลงหรือดูวีดีโอในระบบ DOLBY ATMOS พร้อมเสียงที่คมชัดแบบ 360 องศา ทำให้คุณอยากใช้เวลาอยู่กับรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้มากขึ้น รถที่เป็นมากกว่าห้องนั่งเล่น แต่มีความล้ำสมัยมากกว่าการเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นหนึ่ง
การขับบนถนนทั่วไปทำได้เรียบเนียนอย่างน่าพอใจ กับล้อแมกขนาดใหญ่ถึง 23 นิ้ว แต่ยังตอบสนองความสะดวกสบายโดยรวมได้ดีอย่างน่าพอใจเกินคาด รวมถึงความสะดวกสบายของการโดยสาร ระบบรองรับแบบถุงลมคู่ แปรผันการตอบสนองได้ รองรับแรงสั่นสะเทือนได้ดี ผู้ขับสามารถเลือกใช้งานในโหมดสปอร์ท ความหนึบแน่นจะเพิ่มขึ้นพอสมควร ส่วนห้องโดยสาร มีการออกแบบให้เน้นความสปอร์ทในตัว กระจกหน้าต่างเน้นความปราดเปรียว เก็บเสียงได้ดี ทางผู้ผลิตอย่าง LOTUS ไม่มีการติดตั้งระบบเสียงสังเคราะห์สำหรับการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าทั้ง 2 ชุด เราคิดว่าทางผู้ผลิตน่าจะมีระบบเสียงสังเคราะห์ติดตั้งมาด้วย เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้ามีการทำงานที่เงียบมาก อาจมีผลดีในเรื่องของความปลอดภัยมากกว่า โดยเฉพาะรถยนต์สมรรถนะสูงเช่นนี้ แบบที่เราเคยทดสอบรถยนต์ไฟฟ้าตัวแรงมาแล้ว นั่นคือ ABARTH 500 (อาบาร์ธ 500)
ไม่ใช่ ELISE แต่มีดีพอตัว
หลังจากการขับทดสอบเป็นระยะทางสั้นๆ สิ่งที่ยังคงระลึกผู้ขับว่ากำลังอยู่ในรถยนต์ของ LOTUS คือ โลโกบนพวงมาลัย นอกจากนี้การประกอบวัสดุต่างๆ ในห้องโดยสาร รวมถึงคุณภาพของการออกแบบห้องโดยสารโดยรวมทำได้ยอดเยี่ยมเกินคาดแบบที่ไม่เคยพบเจอจากค่ายรถสัญชาติอังกฤษยุคดั้งเดิม อย่างไรก็ตาม ELETRE ก็ไม่ได้ละทิ้งเอกลักษณ์การเป็นค่ายรถสปอร์ทที่ประวัติมายาวนานหลายปีเสียทั้งหมด เรารับรู้ได้จากคุณลักษณะการขับขี่ที่ยังคงถูกรักษาเอาไว้พอสมควร หลังจากทำการทดสอบรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ โดยต้องไม่ลืมข้อเท็จจริงที่ว่า เอสยูวี พลังไฟฟ้าคันนี้มีน้ำหนักโดยรวมเทียบเท่ากับรถสปอร์ทร่วมค่าย ELISE ถึง 3 คันด้วยกัน ในแง่ของความคล่องแคล่วจากการขับขี่อาจไม่สามารถเทียบเคียงกันได้โดยตรง อย่างไรก็ตาม การปรับแต่งระบบรองรับของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ทำได้ดีเกินคาด การติดตั้งชุดเหล็กกันโคลง ตลอดจนระบบช่วยบังคับเลี้ยวล้อคู่หลัง ช่วยให้การขับขี่มีความเฉียบคมอย่างน่าพอใจ รองรับการหักเลี้ยวแบบรวดเร็วได้อย่างแม่นยำ การเปลี่ยนทิศทางของล้อคู่หน้า และคู่หลังสอดประสานการทำงานได้อย่างลงตัว ให้ความรู้สึกที่สมดุลอย่างน่าพอใจ การหักเลี้ยวของพวงมาลัยตอบสนองได้อย่างลงตัว มีความฉับไว และแม่นยำที่ยอดเยี่ยม แม้ขณะใช้ความเร็วสูง น้ำหนักของพวงมาลัยค่อนข้างเบาเล็กน้อย ระบบรองรับด้านหน้ามีการเคลื่อนไหวตามสภาพพื้นผิวถนนมากเกินไปสักหน่อย ในแง่ของรถยนต์ไฟฟ้าพละกำลังสูงในระดับ 612 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 72.4 กก.-ม. จุดที่ทำได้เหมาะสมอีกประการ คือ บรรดาแป้นเหยียบที่มีความแข็งแรง สามารถปรับระดับการตอบสนองได้ด้วย คันเร่งจะไม่หนักเกินไป หากปรับในระดับที่เหมาะสม
สำหรับคุณสมบัติการชาร์จกระแสไฟฟ้า LOTUS พลังไฟฟ้ารุ่นนี้สร้างมาตรฐานใหม่ของการรองรับกระแสไฟฟ้าสูงสุด นั่นคือ โครงสร้างระบบไฟฟ้าแบบ 800 โวลท์ ซึ่งเป็นรบบไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง ตามที่ค่ายรถสัญชาติอังกฤษระบุมา คือ การรองรับการชาร์จได้สูงสุดถึง 350 กิโลวัตต์ (แม้แต่ค่ายรถสปอร์ทอย่าง PORSCHE ยังรองรับที่ 270 กิโลวัตต์เท่านั้น) ช่วยให้ระยะเวลาในการชารืจทำได้สั้นมากๆ จากระดับแบทเตอรีที่ 10-80 % จะใช้เวลาเพียง 20 นาทีเท่านั้น ได้ความจุกระแสไฟฟ้าเข้ามาถึง 112 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งเป็นการคำนวณจากตัวเลขโดยตรง แม้ในความเป็นจริง ความเร็วในการชาร์จกระแสไฟฟ้าขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ดังนี้แล้ว ตัวเลขการชาร์จที่แท้จริงตามสภาวะต่างๆ เราจะนำมาทดสอบโดยละเอียดอีกครั้งที่สนามทดสอบ VAIRANO
อย่างไรก็ตาม ความจุของแบทเตอรีที่มีค่อนข้างเยอะของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ ELTRE กลับรองรับการชาร์จแบบ AC สูงสุดที่ 22 กิโลวัตต์เท่านั้น แต่ความจุที่มากพอ ช่วยให้รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้มีระยะทำการสูงสุดค่อนข้างมากในระดับ 600 กม. เลยทีเดียว เป็นผลดีจากความจุของแบทเตอรีที่มีให้เต็มพิกัด มากกว่าอัตราสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าโดยรวม จากน้ำหนักโดยรวมที่ค่อนข้างมาก และระบบไฟฟ้าที่เน้นสมรรถนะ ระหว่างการทดสอบรถรุ่นนี้ จอแผงหน้าปัดแสดงตัวเลขการสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าที่ 25-27 กิโลวัตต์/100 กม. แม้จะใช้ความเร็วที่ไม่สูงมากนักก็ตาม
ส่วนระบบความปลอดภัยระดับที่ 2 คือ หนึ่งในจุดเด่นของ ELETRE มีการติดตั้งมาอย่างครบครัน และมากเกินกว่าระดับมาตรฐานของหลายประเทศด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นระบบตรวจจับด้วยคลื่นเสียงถึง 4 ตำแหน่งด้วยกัน มีความแม่นยำสูง (2 ตำแหน่งจะติดตั้งบริเวณซุ้มล้อหน้า 1 ตำแหน่งบริเวณกระจกด้านหน้า และอีกหนึ่งตำแหน่งที่กระจกบานท้าย) ทำงานรร่วมกับเซนเซอร์ของระบบเรดาร์ และกล้องมองภาพรอบทิศทาง สามารถตรวจจับ และประมวลผลสิ่งแวดล้อมรอบข้างเป็นภาพที่ชัดเจนของระบบตรวจจับ รวมถึงขณะจอดรถอยู่กับที่ และขณะเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ตัวรถพร้อมสำหรับการรองรับระบบความปลอดภัยระดับที่ 3 ด้วยซ้ำ หากมาตรฐานการใช้งานถูกประกาศใช้อย่างเป็นทางการ เพียงอาศัยการอัพเดทผ่านอินเตอร์เนทก็พร้อมใช้งานได้ทันที
ผู้ที่สนใจสามารถสั่งจอง LOTUS ELETRE ได้ทางออนไลน์ โดยมีให้เลือก 3 รุ่นย่อย ทุกรุ่นติดตั้งแบทเตอรีขนาด 112 กิโลวัตต์ชั่วโมง และมอเตอร์คู่ โดยมีราคาในรุ่นพื้นฐานที่ 98,490 ยูโร ขึ่นไปถึง 154,890 ยูโร สำหรับรุ่นที่มีกำลังสูงสุด นั่นคือ รุ่น R แต่คนที่ยังไม่สามารถตัดใจจากสปอร์ทเครื่องยนต์สันดาปได้ ยังคงมีรุ่น EMIRA ทำตลาดในหลายโชว์รูม และทีมงานของเราเคยนำมาทดสอบไปก่อนหน้านี้
ข้อมูลของรถทดสอบ รุ่น S
มอเตอร์ไฟฟ้า
- จำนวน 2 ชุด ขับเคลื่อนล้อคู่หน้า/คู่หลัง
- กำลังสูงสุด 612 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุด 72.4 กก.-ม.
ชุดแบทเตอรี
- แบบลิเธียม-ไอออน ความจุ 112 กิโลวัตต์ชั่วโมง (ใชได้จริง 109 กิโลวัตต์ชั่วโมง)
รองรับการชาร์จไฟฟ้า
- แบบ AC ที่ 22 กิโลวัตต์/แบบ DC ที่ 350 กิโลวัตต์
ระบบส่งกำลัง
- ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา
- เกียร์อัตราทดคงที่
สมรรถนะ
- ความเร็วสูงสุด 258 กม./ชม.
- อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 4.5 วินาที
- อัตราสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า ไม่ระบุ
- ระยะทำการสูงสุด 600 กม.
มิติตัวถัง และน้ำหนัก
- ระยะฐานล้อ 3,020 มม.
- ความยาว 5,100 มม. กว้าง 2,140 มม. สูง 1,640 มม.
- น้ำหนักโดยรวม 2,490 กก.
ราคา
- 124,090 ยูโร (ประมาณ 5,270,000 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้า)