เรื่องเด่น Quattroruote
JEEP AVENGER 4XE โดดเด่นทั้งในเมือง และนอกเมือง
รุ่น 4XE HYBRID OVERLAND
ราคา
- จากผู้ผลิต 34,200 ยูโร (ประมาณ 1,320,000 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้า)
เครื่องยนต์+มอเตอร์
- เบนซิน เทอร์โบ 3 สูบเรียง ความจุ 1,199 ซีซี
กำลังสูงสุด
- 107 กิโลวัตต์/145 แรงม้า
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
- จากผู้ผลิต 20.0 กม./ลิตร
- จากการทดสอบ 17.6 กม./ลิตร
- ความคุ้มค่าโดยรวม 9.66 ยูโร/100 กม.
อัตราการปล่อยไอเสียเฉลี่ย
- จากผู้ผลิต 114 กรัม/กม.
จุดแข็ง
แม้จะมีการปรับเปลี่ยนด้านเทคนิคของขุมพลัง และระบบขับเคลื่อน แต่อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงยังคงยอดเยี่ยมเท่ากับรุ่นไฮบริดขับเคลื่อน 2 ล้อ ส่วนความสะดวกสบายโดยเฉพาะในแง่การดูดซับแรงสะเทือนของระบบรองรับ ถือว่าน่าพอใจสำหรับรถยนต์ในกลุ่มนี้
จุดอ่อน
พื้นที่เก็บสัมภาระที่มีความจุค่อนข้างจำกัด กลับลดลงไปอีกประมาณ 20 ลิตร จากการติดตั้งระบบรองรับด้านหลังแบบมัลทิลิงค์ และมอเตอร์ไฟฟ้า ขณะที่จอแสดงผลหลักสำหรับระบบความบันเทิงกลับไม่มีหน้าจอแสดงผลสำหรับการลุยทางสมบุกสมบัน ซึ่งเป็นจุดที่น่าเสียดายไม่น้อย
รถยนต์ขุมพลังไฮบริดรุ่นนี้มีการนำระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และการใช้งานที่ทันสมัยมากมายหลายรายการมาประยุกต์ใช้ใน JEEP AVENGER (จีพ อเวนเจอร์) การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมากเพียงพอที่จะสร้างความแตกต่างจาก B-SUV ทั่วไป ข่าวดี คือ การประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงยังคงทำได้ยอดเยี่ยมเช่นเคย
เมื่อคุณอยู่ในรถยนต์ของ JEEP ความคิดของคุณอาจล่องลอยไปไกล ใจหวนนึกถึงภาพของการใส่กางเกงยีนส์ เสื้อเชิร์ทลายสกอทท์ และรองเท้าบูท ขับรถพุ่งผ่านทุ่งหญ้าในเมืองเนบราสกา แล้วปีนขึ้นยอดเขาในโคโลราโด ใจคุณปลอดโปร่ง จิตวิญญาณเป็นอิสระ และด้วยระบบ 4x4 คุณพร้อมสำหรับทุกการผจญภัย
จนกระทั่งคุณลืมตาขึ้นมา และพบว่าตัวเองกำลังอยู่ในรถติดกับ AVENGER มีโอกาสที่จะเข้างานสายสำหรับการประชุม ในขณะที่คุณมองผ่านหน้าต่างไปยังผู้ขับรถคนอื่นที่หงุดหงิด และบีบแตรกันเซ็งแซ่ในโลกของความเป็นจริง แต่ก็เช่นนั้นแหละ JEEP คือ บแรนด์ที่มีเอกลักษณ์ชัดเจน สื่อถึงความอิสระ และการผจญภัย แม้ว่าจะเป็นเพียงเอสยูวีในเมืองก็ตาม โดยสังเกตเห็นได้จากซุ้มกระจังหน้า 7 ช่องแนวตั้ง และสันเหลี่ยมที่ดูแข็งแรงลงตัว
รถยนต์รุ่นนี้มีทุกสิ่งที่จะสร้างความพึงพอใจตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เมื่อเปิดตัวสู่ตลาด (ต่อมากลายเป็นรถที่ขายดีที่สุดในกลุ่มนี้ในประเทศอิตาลี และอันดับ 3 ของรุ่นขายดีที่สุดโดยรวม) แต่ยังขาดชิ้นส่วนสำคัญที่เป็นส่วนหนึ่งของดีเอนเอของผู้ผลิตอเมริกันตั้งแต่ต้น นั่นคือ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เอกลักษณ์สำคัญของค่ายรถ
ตอนนี้คุณควรรู้แล้วว่ารุ่นย่อย 4XE มีความน่าสนใจจากเหตุผล 2 ประการ โดยประการแรก สำหรับผู้ที่ต้องการ B-SUV ขับเคลื่อน 4 ล้อ ประการต่อมา คือ ตัวเลือกของรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อในกลุ่มเดียวกันตอนนี้ คือ DACIA DUSTER (ดาเซีย ดัสเตอร์) SUZUKI VITARA (ซูซูกิ วีทารา) และ TOYOTA YARIS CROSS (โตโยตา ยารีส ครอสส์) เพราะการติดตั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อในรถยนต์กลุ่มนี้ถือเป็นสิ่งที่หาได้ยาก
JEEP AVENGER 4XE ทำให้คุณสามารถปีนขึ้นทางสมบุกสมบันได้จริง ไม่ใช่เพียงแค่การไปบ้านพักอันห่างไกลในชนบท และยังทำได้โดยไม่จำเป็นต้องมีตรา TRAIL RATED ซึ่ง JEEP จะติดบนรุ่นที่มีประสิทธิภาพการลุยแบบสุดขีด หลังจากผ่านขั้น RUBICON TRAIL ในเมืองแคลิฟอร์เนีย และการทดสอบความท้าทายอื่นๆ ตามมาตรฐานของค่ายรถแห่งนี้
เอาเข้าจริงแล้ว สมมติว่าทีมงานของเราต้องการจะลองใช้รถสำหรับลุยทางวิบากแบบจริงจังเพื่อความสนุกเร้าใจละก็ นี่ไม่ใช่รถที่ควรจะเลือก แต่จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม หากต้องขับบนถนนขรุขระพร้อมอุปสรรคที่หนักหน่วง ระบบ 4XE ที่ติดตั้งมาก็สามารถพาคุณฟันฝ่าอุปสรรคไปถึงจุดหมายได้ ด้วยยางที่เกาะถนนได้ดี ระยะสูงจากพื้นถนนเพิ่มขึ้นอีก 10 มม. และมอเตอร์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนล้อหลัง ความคล่องตัวของ AVENGER ทำได้น่าประทับใจ แม้ว่าตามที่อธิบายในรายละเอียดบนหน้าถัดไป ระบุว่าเพลาหลังบางครั้งมีการส่งกำลังที่ไม่ผสานกับเพลาหน้า ทำให้เกิดการกระจายแรงบิดไม่เท่ากันในล้อทั้ง 4 ตำแหน่ง แต่ในสถานการณ์ค่อนข้างท้าทายกว่านี้ ไม่ใช่แค่สำหรับใช้ในเมืองเท่านั้น เช่น การเข้าโค้งแคบๆ ความสามารถในการปีนทางลาดชันของ AVENGER ยังทำได้น่าประทับใจ และในสถานการณ์ส่วนใหญ่ที่ไม่ใช่ถนนแห้ง การยึดเกาะถนนโดยรวมยังหนึบแน่นอย่างน่าพอใจ
น้ำหนักมากขึ้น แต่พละกำลังมากขึ้นตาม
หนึ่งในจุดเด่นของรถรุ่นนี้ที่เราไม่ได้คาดหวังจะพบ คือ อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง เพราะในทีแรกเราคิดว่าตัวเลขจะสูงกว่ารุ่นไฮบริดขับเคลื่อน 2 ล้อ ด้วยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจากเพลาด้านหลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า (ประมาณ 80 กก. แต่ช่วยให้มีการกระจายน้ำหนักได้ดีขึ้นเช่นกันที่อัตราส่วน 58:42 ระหว่าง 2 เพลา) และแรงต้านอากาศขณะแล่นที่ทำได้เหมาะสมกว่าเดิม แม้จะมีระยะความสูงจากพื้นที่เพิ่มขึ้น และมีการติดตั้งราวหลังคา จัดเป็นปัจจัยที่สร้างแรงต้านอากาศมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม 4XE กลับมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเท่ารุ่น 2WD เฉลี่ยที่ 17.6 กม./ลิตร หากเฉพาะในเมือง และถนนหลวง จะทำได้มากกว่าที่ 19 กม./ลิตร ซึ่งถือว่ายอดเยี่ยมมาก
คำตอบของสิ่งที่เราค้นพบอยู่ที่การเพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้าตัวที่ 2 โดยในรุ่น AVENGER 2WD ใช้เครื่องยนต์ไฮบริดแบบ 3 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร กำลังสูงสุด 110 แรงม้า แต่ 4XE มีกำลังสูงสุดที่ 145 แรงม้า มอเตอร์ไฟฟ้าที่ล้อหลังช่วยเสริมแรงตั้งแต่เริ่มออกตัวให้แก่มอเตอร์ไฟฟ้าหน้า (ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเต็มระบบในระยะเวลาสั้นๆ) ที่ความเร็วไม่เกิน 30 กม./ชม. ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อทำงานตลอดเวลา ในโหมด SPORT มอเตอร์ด้านหลังช่วยให้ทำอัตราเร่งได้ดีขึ้น ที่ความเร็ว 30-90 กม./ชม. เพลาหลังจะเข้ามาช่วยเฉพาะเมื่อเกิดการลื่นไถล และเมื่อความเร็วมากกว่า 90 กม./ชม. ระบบขับเคลื่อนจะส่งกำลังสู่ล้อหน้าเท่านั้น เพื่อลดแรงต้านขณะแล่น หากให้สรุปคร่าวๆ คือ อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงทำได้น่าพอใจ และพละกำลังเพียงพอสำหรับทุกการใช้งาน แม้อาจไม่ถึงกับโดดเด่นขั้นสุดก็ตามที
การตอบสนองจากด้านหลังดีกว่าเดิม
อีกหนึ่งจุดเด่นของรุ่น 4XE คือ ความสะดวกสบาย แม้แต่รุ่นพื้นฐานของ AVENGER ทำให้รถรุ่นนี้เป็นหนึ่งในรถที่ดีที่สุดในกลุ่ม ไม่ใช่แค่เพราะความเงียบของห้องโดยสาร แต่เพราะการดูดซับแรงสั่นสะเทือนของช่วงล่างที่ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้บางครั้งอาจมีเสียงดังบ้างบนทางสมบุกสมบัน รุ่นขับ 2 ล้อมีการตอบสนองของระบบรองรับด้านหลังค่อนข้างหนักหน่วง แต่ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อจำเป็นต้องใช้ระบบรองรับแบบมัลทิลิงค์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อรองรับเพลาขับของมอเตอร์ไฟฟ้า และความสะดวกสบายก็เพิ่มขึ้น ผู้โดยสารด้านหลังได้รับแรงสะเทือนน้อยลง
นอกจากนี้ การเลือกใช้ยางก็มีส่วนด้วย กับยาง GOODYEAR VECTOR 4SEASONS ขนาด 17 นิ้ว การดูดซับแรงสั่นสะเทือนก็ดีขึ้นเช่นกัน รวมถึงการเกาะถนนที่ทำได้ดีทั้งบนพื้นยางมะตอย และพื้นลื่นเสมือนผิวน้ำแข็ง ทำให้การควบคุมยังอยู่ในมาตรฐานที่สูง
อย่างไรก็ตาม เรายังคงพบจุดสังเกตเพิ่มเติม นอกจากราคาที่เพิ่มขึ้น (รุ่น OVERLAND ที่เรานำมาทดสอบราคา 34,200 ยูโร มากกว่ารุ่น SUMMIT HYBRID ที่ 3,000 ยูโร) รุ่น 4XE ยังคงรักษาคุณสมบัติเด่นของ AVENGER เอาไว้ได้เป็นอย่างดี แต่พื้นที่เก็บสัมภาระลดลงประมาณ 20 ลิตร จากการติดตั้งมอเตอร์ และระบบรองรับแบบมัลทิลิงค์ ขณะที่ส่วนอื่นๆ ที่ยังไม่เปลี่ยนแปลง ได้แก่ เบาะนั่งสูง ปรับทิศทางง่าย ควบคุมการจัดวางได้ดี ห้องโดยสารกว้างขวาง เบาะหน้าทำได้น่าพอใจ แต่เบาะหลังอาจรู้สึกว่าส่วนเข่าติดขัดเล็กน้อย ขณะที่ระบบความบันเทิงทำได้ดีตามมาตรฐาน หาก JEEP มีหน้าจอเฉพาะสำหรับตัวลุยขนานแท้ มาพร้อมเข็มทิศ และมาตรวัดมุมความเอียงของตัวรถจะครบครันลงตัวยิ่งขึ้น
1. ปุ่มควบคุมระบบช่วยเหลือการขับขี่ ระดับที่ 2
2. ปุ่มละลายฝ้า/น้ำแข็งกระจกบังลมหน้า และปุ่มควบคุมระบบช่วยลงทางลาดชัน
3. จอหน้าปัดแบบดิจิทอลขนาด 10.3 นิ้ว
4. ชุดควบคุมระบบเครื่องเสียง
5. สวิทช์ด้านขวาเป็นปุ่มควบคุมทริพคอมพิวเตอร์ ส่วนด้านซ้ายเป็นปุ่มปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลของจอมาตรวัด
6. ระบบความบันเทิงที่เชื่อมต่ออินเตอร์เนทได้ พร้อมจอแสดงผลขนาด 10 นิ้ว
7. ปุ่มลัดเข้าสู่เมนูหลัก และการใช้งานระบบช่วยเหลือการขับขี่ พร้อมปุ่มไฟฉุกเฉิน และปุ่มลอคประตู
8. ระบบปรับอากาศอัตโนมัติไม่แยกโซน
9. ชุดปุ่มใช้งานระบบเกียร์
10. คอนโซลกลางพร้อมแท่นชาร์จมือถือไร้สาย และช่อง USB-C จำนวน 2 ช่อง รวมถึงช่องจ่ายไฟฟ้าแบบ 12 โวลท์
พร้อมสำหรับการลุยทุกรูปแบบ
รูปทรงเบาะนั่งใกล้เคียงกับ AVENGER รุ่นอื่นๆ แต่สำหรับรุ่น 4XE มีการเลือกใช้วัสดุเฉพาะ จากการผสมผสานระหว่างหนังสังเคราะห์ และผ้าชนิดพิเศษ จากข้อมูลจากผู้ผลิตระบุว่ามีความทนทานมากกว่าวัสดุผ้าทั่วไปถึง 2 เท่า มีจุดเด่น คือ ตัวเบาะนั่งสามารถกันน้ำ และทำความสะอาดได้ง่าย รองรับการใช้งานแบบสมบุกสมบัน อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตเล็กน้อย คือ การระบายอากาศไม่ดีนักเมื่อใช้งานในช่วงอุณหภูมิสูง อีกทั้งไม่มีระบบระบายอากาศในตัว แต่สามารถเลือกติดตั้งระบบทำความร้อนเบาะได้ (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม)
รายละเอียดตัวรถ มาพร้อมรูปเป็ดที่คุ้นเคย
รถยนต์รุ่นนี้มีรายละเอียดหลายอย่างที่ทำให้ 4XE แตกต่างจาก AVENGER รุ่นอื่นๆ นอกเหนือจากราวหลังคา และล้อแมกสีดำขนาด 17 นิ้ว (ซึ่งมีดีไซจ์นเหมือนกับรุ่นย่อย ALTITUDE ของ AVENGER) พร้อมยางแบบ ALL-TERRAIN นอกจากนี้ยังมีกันชนหน้าหุ้มวัสดุป้องกันรอยขีดข่วน มีการออกแบบให้มีลักษณะยื่นออกมา และขยายความยาวเพิ่มขึ้น เพื่อปกป้องชุดเรดาร์ และเซนเซอร์ได้ดียิ่งขึ้น ขณะเดียวกันชุดไฟตัดหมอกก็ถูกยกตำแหน่งให้สูงขึ้นเล็กน้อย ในภาพด้านข้างจะเห็นแถบสีเขียวแนวตั้งที่ด้านล่างของชุดกระจังหน้า (อุปกรณ์แบบ MOPAR ราคา 64 ยูโร) และที่ภาพด้านขวาจะพบกับจุดเด่นที่ถูกซ่อนเอาไว้เพิ่มเติมจากสิ่งที่คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว นั่นคือ รูปเป็ดที่บ่งบอกระดับน้ำ กรณีต้องขับลุยน้ำ (สูงสุด 400 มม.) อีกหนึ่งออพชันเสริมจากโรงงาน คือ สติกเคอร์บนฝากระโปรงหน้า (ราคา 205 ยูโร) ที่ใช้สีดำด้านเพื่อลดการสะท้อนแสงเข้าสู่ห้องโดยสาร ส่วนด้านหลังมีหูลากจูงที่โผล่ออกมาให้เห็น ซึ่งติดตั้งมาพร้อมจากโรงงาน ไม่เพียงแต่เพิ่มเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ยังใช้งานได้จริงในหลายสถานการณ์บนทางวิบาก
รุ่น 4XE มีความได้เปรียบในเรื่องอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ไม่ว่าจะขับในตัวเมืองหรือบนทางหลวง สามารถทำตัวเลขได้เกิน 19 กม./ลิตร ซึ่งเทียบเท่ากับรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริดขับเคลื่อนล้อหน้าทุกประการ
การลุยทางวิบาก แม้ไม่ใช่ WRANGLER แต่ลุยได้ไม่น้อยหน้า
สิ่งที่เราพบจากการทดสอบรถรุ่นนี้ คือ ความทะเยอทะยานด้านการลุยที่อาจจะไม่เทียบเท่ารถร่วมค่ายอย่าง WRANGLER ส่วนหนึ่งเพราะไม่มีเทคโนโลยีเฉพาะทางอย่างระบบเกียร์ต่ำเน้นแรงบิด ระบบลอคการส่งกำลังชุดเพลาขับหรือช่วงการทำงานของระบบรองรับที่มีระยะยืด/ยุบค่อนข้างมาก แต่ AVENGER ยังสามารถทำให้ผู้ขับก้าวข้ามจากสู่การเป็นเพียงเอสยูวีที่ลุยได้ค่อนข้างจริงจัง ด้วยการปรับแต่งงค์ประกอบหลายอย่างที่ถูกออกแบบมาเพื่อเป้าหมายนี้โดยตรง อย่างไรก็ตาม ส่วนทดสอบแบบสมบุกสมบันของสนาม VAIRANO สามารถพิสูจน์ได้อย่างชัดเจน และได้เผยให้เห็นข้อจำกัดบางประการ โดยเฉพาะหนุ่งในประเด็นหลักของรถยนต์รุ่นนี้ นั่นคือ ระบบ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ในสถานการณ์ที่ท้าทาย เช่น การบิดตัวของโครงสร้างเมื่อมีล้อสัมผัสพื้นเพียง 2 ล้อขณะที่อยู่ในตำแหน่งตรงข้ามกัน การทำงานร่วมกันระหว่าง เครื่องยนต์สันดาปที่ขับเคลื่อนล้อหน้า กับ มอเตอร์ไฟฟ้าที่ขับล้อหลังยังไม่ค่อยราบรื่นนัก เพลาส่งกำลังของล้อคู่หน้า-หลังดูผสานการส่งกำลังได้ไม่เต็มที่ ทำให้บางครั้งเกิดอาการ ล้อหน้าหมุนฟรี ก่อนจะตามมาด้วยแรงกระชากแบบกะทันหันจากด้านหลัง ส่งผลให้การควบคุมไม่ต่อเนื่องเท่าที่ควร อย่างไรก็ตาม ม่ควรคาดหวังความไหลลื่นแบบระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาที่เชื่อมโยงเพลาหน้า-หลังเข้าด้วยกันโดยตรง เพราะโดยรวมแล้ว สำหรับรถ B-SUV ที่เน้นใช้งานในเมือง อย่าง AVENGER ถือว่าทำผลงานได้ดีพอสมควร ทั้งการยึดเกาะจากยางที่ยอดเยี่ยม ระยะความสูงจากพื้นเพิ่มขึ้น (+10 มม. รวมเป็น 210 มม.) มุมปะทะ และมุมจากของตัวรถที่เหมาะสมกว่า ช่วยให้ข้ามสิ่งกีดขวางได้ง่ายขึ้น และถึงแม้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อจะไม่สม่ำเสมอเท่าที่คาดหวัง แต่ก็ยังทำให้ตัวรถสามารถแสดงผลงานได้อย่างน่าประทับใจ รถยนต์รุ่นนี้สามารถปีนขึ้นแท่นลาดยางที่มีความชัน 100 % ได้สำเร็จเลยทีเดียว
ทางลาดชัน
การไต่ทางลาดด้านข้างที่มุม 40 องศา ทำได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ การเข้า และออกจากอุปสรรคเป็นไปอย่างราบรื่น เพียงแต่ถ้ามีจอแสดงผลมุมองศาของตัวรถแบบดิจิทอลอาจช่วยให้ลุยทางวิบากทำได้สะดวกขึ้น
พื้นผิวถนนเรียบ
บนพื้นผิวเรียบรถคันนี้มีการยึดเกาะที่ดีจากชุดยาง และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยม จนเราประหลาดใจที่รถสามารถแล่นผ่านแท่นลาดยางแบบทางชันระดับ 100 % ได้โดยไม่มีอาการติดขัด
การขึ้นเนินชัน
แม้จะเป็นทางดินลาดชันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับ 4XE ที่ความชัน 30 % รถคันนี้สามารถแล่นขึ้นได้อย่างมั่นใจ ส่วนที่ระดับ 60 % ต้องอาศัยแรงส่งเพิ่มขึ้นบ้าง มีอาการลื่นเล็กน้อย แต่ก็ยังไต่ขึ้นไปได้
การลุยคูน้ำ
การลงคูน้ำที่มุม 52 องศา มีข้อจำกัดจากมุมปะทะด้านหน้า ทำให้กันชนหน้าขูดพื้นเล็กน้อย และเมื่อมีล้อฝั่งหนึ่งมีลักษณะลอยขึ้นมา ระบบการส่งกำลังเริ่มแสดงอาการติดขัดให้เห็น
เนินสลับ
ในสถานการณ์ที่มีล้อเพียงหนึ่งข้างยังคงสัมผัสกับพื้นผิวของเนินสลับ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อยังคงส่งกำลังได้อย่างไม่สม่ำเสมอในแง่การกระจายแรงบิดระหว่างเพลาขับด้านหน้า และด้านหลัง ทำให้ความต่อเนื่องในการเคลื่อนตัวลดลง
ทางสมุบกสมบัน
บนเส้นทางผสมที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อ และเนินดิน AVENGER ขับเคลื่อนได้อย่างคล่องตัว การยึดเกาะทำได้ดี และระยะความสูงจากพื้นถนนก็เพียงพอที่จะผ่านการทดสอบนี้ได้สำเร็จ
ข้อมูลจำเพาะ ข้อมูลของรถทดสอบจากผู้ผลิต
มอเตอร์ไฟฟ้า
วางด้านหน้าตามขวาง
เครื่องยนต์
- เบนซิน 3 สูบเรียง
- กระบอกสูบ 75.0 มม.
- ช่วงชัก 90.5 มม.
- ความจุ 1,199 ซีซี
- อัตราส่วนกำลังอัด 11.5:1
- ระบบไฮบริดคู่ขนาน
- กำลังสูงสุด 100 กิโลวัตต์/136 แรงม้า ที่ 5,500 รตน.
- แรงบิดสูงสุด 230 นิวทันเมตร/23.5 กก.ม. ที่ 1,750 รตน.
- เสื้อสูบ และฝาสูบใช้วัสดุโลหะน้ำหนักเบา
- ชุดเพลาปรับสมดุล 1 ชุด
- ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ ชุดวาล์วแปรผัน 2 ชุด 4 วาล์วต่อลูกสูบ (สายพานโซ่)
- ระบบฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง เทอร์โบ (พร้อมครีบแปรผัน) และอินเตอร์คูเลอร์
- ชุดกรองไอเสีย
ระบบไฮบริด
- ส่งกำลังแบบคู่ขนาน
- มอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้าแบบสนามแม่เหล็ก
- กำลังสูงสุด 21 กิโลวัตต์/29 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุด 55 นิวทันเมตร/5.6 กก.ม.
- มอเตอร์ไฟฟ้าด้านหลังแบบสนามแม่เหล็ก
- กำลังสูงสุด 21 กิโลวัตต์/29 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุด 55 นิวทันเมตร/5.6 กก.ม.
กำลังสูงสุดทั้งระบบ
- 107 กิโลวัตต์/145 แรงม้า
ระบบส่งกำลัง
- ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา เกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 6 จังหวะ
รูปแบบตัวถัง
- ตัวถังวัสดุโลหะ 2 กล่อง 5 ประตู 5 ที่นั่ง
- ระบบรองรับด้านหน้า แมคเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง เหล็กกันโคลง
- ระบบรองรับด้านหลัง มัลทิลิงค์ คอยล์สปริง เหล็กกันโคลง
- ชอคอัพแบบไฮดรอลิค
- ระบบเบรคแบบจาน ช่องระบายความร้อน เอบีเอส อีเอสพี
- ระบบบังคับเลี้ยวแบบ ฟันเฟือง และตัวหนอน ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า
- ความจุถังน้ำมัน 44 ลิตร
ยาง
- GOOD YEAR VECTOR 4SEASONS 215/60 R17 100V
- ชุดปะยางฉุกเฉิน
มิติตัวถัง และน้ำหนัก
- ระยะฐานล้อ 2,560 มม.
- ความกว้างฐานล้อคู่หน้า 1,560 มม. ด้านหลัง 1,560 มม.
- ความยาว 4,090 มม. กว้าง 1,780 มม. สูง 1,540 มม.
- น้ำหนักโดบรวม 1,475 กก. น้ำหนักบรรทุกสูงสุด 1,976 กก. น้ำหนักลากจูงสูงสุด 920 กก.
- พื้นที่เก็บสัมภาระท้าย 325 ลิตร
สถานที่ผลิต
- เมือง TYCHY (ประเทศโปแลนด์)
พื้นที่ใช้สอย และทัศนวิสัย
เบาะคนขับ
ตัวเบาะมีความสูงค่อนข้างมาก ปรับตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ ให้ความสะดวกสบายเป็นอย่างดี พนักพิงหลังได้องศากว้าง พร้อมปุ่มปรับเอนหลัง
แผงหน้าปัด และปุ่มควบคุม
ดีไซจ์นโดยรวมมีความสวยงาม มาพร้อมการใช้งานที่สะดวก และง่ายดาย มีช่องเก็บของ และปุ่มใช้งานจัดวางในตำแหน่งที่เหมาะสม
แผงมาตรวัด
มีการจัดเรียงข้อมูลที่ชัดเจน สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลได้อย่างหลากหลาย
ระบบความบันเทิง
มีฟังค์ชันการใช้งานที่ครบครัน รวมถึงการเชื่อมต่อกับมือถือแบบไร้สาย หากมีหน้าจอการแสดงผลสำหรับการลุยทางวิบากจะดีกว่านี้มาก
ระบบปรับอากาศ
ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ ใช้งานได้สะดวก และง่ายดาย แต่ไม่มีปุ่มปรับอุณหภูมิแบบแยก รวมถึงช่องแอร์สำหรับเบาะหลัง
ทัศนวิสัย
มุมอับสายตาขณะเลี้ยวค่อนข้างมาก จากเสาเอที่มีขนาดใหญ่ แต่กล้องมองภาพรอบทิศทางช่วยได้มาก
วัสดุ และงานประกอบ
ห้องโดยสารมีการเลือกใช้วัสดุพลาสติคแข็งในหลายส่วน แต่การประกอบโดยรวมมีคุณภาพที่ดีอย่างน่าพอใจ
อุปกรณ์เลือกติดตั้ง
รายการของอุปกรณ์เลือกติดตั้งมีให้อย่างหลากหลาย แพคเกจที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มมีความคุ้มค่ามาก
ระบบความปลอดภัย/ระบบช่วยเหลือการขับขี่
มีการติดตั้งระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่อย่างครบครัน รวมถึงระบบช่วยเหลือการขับขี่ระดับที่ 2 และระบบแจ้งเตือนจุดบอดที่แม่นยำ
พื้นที่ใช้สอย
ด้านหน้ามีพื้นที่ใช้สอยที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง ขณะที่ด้านหลังมีพื้นที่โดยรวมน้อยกว่าคู่แข่งบางราย
พื้นที่เก็บสัมภาระ
ความจุของที่เก็บสัมภาระท้าย คือ 261 ลิตร ถือว่าลดลง 20 ลิตร จากการติดตั้งมอเตอร์ด้านหลัง
ความสะดวกสบาย
ช่วงล่างถูกปรับแต่งมาอย่างลงตัว แม้จะมีเสียงรบกวนจากยางบ้างในขณะแล่น ระบบรองรับด้านหลังแบบมัลทิลิงค์ช่วยเพิ่มความสบายในห้องโดยสาร
เครื่องยนต์
ขุมพลังขนาด 1.2 ลิตร แบบ 3 สูบ เสริมด้วยระบบไฮบริด ส่งกำลังได้ลื่นไหล แรงบิดดีมาก มอเตอร์ไฟฟ้าช่วยเสริมการส่งกำลังได้อย่างฉับไว
อัตราเร่ง
อัตราเร่งโดยรวมทำได้ดีกว่ารุ่น 2WD เพราะมีมอเตอร์หลังช่วยส่งกำลังอีกแรง
อัตราเร่งยืดหยุ่น
อัตราเร่งในส่วนนี้อาจไม่ถึงกับเร็วที่สุด แต่การเร่งแซงกลับทำได้ง่าย จากการมีมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยส่งกำลัง
ระบบส่งกำลัง
สมดุลดี ระหว่างลื่นไหล และเร็ว มีโหมดแมนวลเหมาะกับออฟโรด
ระบบบังคับเลี้ยว
การตอบสนองของพวงมาลัยไม่ไวมากเกินไป แต่ยังคงให้การควบคุมทิศทางได้ดี
ระบบเบรค
การทำงานของระบบเบรคให้ความรู้สึกที่หนักแน่น ส่วนหนึ่งมาจากยางที่ให้การยึดเกาะถนนเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะในสภาวะพื้นถนนแห้ง และผิวถนนลื่น
ความคล่องแคล่ว
ตัวรถมีความสูงค่อนข้างมาก และการเลือกใช้ยางที่รองรับการลุยทางสมบุกสมบัน ทำให้มีการโคลงของตัวถัง และมีการเคลื่อนไหวค่อนข้างมากในโค้ง แต่โดยรวมแล้วยังให้ความมั่นคงที่น่าพอใจ
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
แม้จะมีการเพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้า และน้ำหนักมากขึ้นอีก 80 กก. ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงยังเกิน 19 กม./ลิตร ทั้งในเมือง และถนนหลวง
สรุป
จากคุณสมบัติยอดเยี่ยมหลายประการ ทำให้ JEEP AVENGER เป็นหนึ่งใน B-SUV ที่ได้รับความสนใจมากที่สุด (โดยเฉพาะด้านการออกแบบที่สวยสะดุดตา) รุ่น 4XE เพิ่มจุดเด่นด้านการผจญภัย สอดคล้องกับภาพลักษณ์โดยรวมของ JEEP ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานจริง หรือการสร้างความรู้สึกอยากใช้งานบนทางวิบาก ระบบขับเคลื่อน และเทคโนโลยี ช่วยให้เอสยูวีรุ่นนี้ขับบนเส้นทางที่ท้าทายได้ แม้การลุยทางสมบุกสมบันเต็มรูปแบบบางครั้งยังไม่สมบูรณ์แบบเสียทีเดียว แต่คุณสมบัติเด่น เช่น การเกาะถนน และอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงยังคงยอดเยี่ยม
คะแนนรวม: 79/100 คำนวณจากดาวรวมที่ให้น้ำหนักต่างกันตามหมวดในรายงาน และกลุ่มรถระดับเดียวกัน