เรื่องเด่น Quattroruote
LAMBORGHINI URUS PERFORMANTE
LAMBORGHINI (ลัมโบร์กินี) ชอบรังสรรค์สิ่งใหม่ ท้าทายขีดจำกัดเสมอมา ภายใต้ความมุ่งมั่น และท้าทาย ซ่อนไว้ซึ่งความดุดันที่น่าค้นหา และกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบสำหรับความแปลกใหม่ที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะ ซึ่งให้กำเนิดบแรนด์นี้เมื่อ 60 ปีที่แล้ว และยังคงทำให้ค่ายรถแห่งนี้มีความแตกต่างจากค่ายรถอื่นๆ ทั้งหมดในปัจจุบัน สิ่งเหล่านี้อธิบายถึงนิยามความเป็น URUS PERFORMANTE (อูรุส แปร์ฟอร์มันเต) ได้เป็นอย่างดี
เอสยูวีรุ่นนี้นับเป็นการชิมลางก่อนตัวแรงสายลุย HURACAN STERRATO (อูรากัน สแตร์ราโต) เมื่อพิจารณาแล้ว องค์ประกอบโดยรวมอยู่ภายใต้แนวคิดเดียวกัน แม้จะอยู่ภายใต้ตัวถังที่มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ในรถสปอร์ทสายลุยจะมีจุดศูนย์ถ่วง (ทั้งในเชิงทางกายภาพ และเชิงเปรียบเทียบ) ถูกย้ายไปอยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้นซึ่งไม่มีใครเคยจินตนาการถึงสำหรับรถสปอร์ทประเภทนี้ แต่ในเอสยูวีคันนี้จุดศูนย์ถ่วงกลับถูกลดลง พร้อมกับการตกแต่งที่มุ่งเน้นไปที่สมรรถนะอย่างชัดเจน ในทางกลับกัน ที่เมือง SANT‘AGATA คำว่า PERFORMANTE ไม่ใช่แค่คำธรรมดา คำนี้ถูกใช้เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงสมรรถนะเหนือขีดจำกัด ซึ่งปกติแล้วเป็นเรื่องของรถสปอร์ทเครื่องยนต์วางกลางลำ ซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อนในรถยนต์ 4 ประตู และยิ่งไปกว่านั้น ในรถที่ใช้งานล้อทรงสูงแบบนี้ เพื่อให้เข้าถึงสมรรถนะอย่างแท้จริง URUS ถูกปรับรูปลักษณ์ภายนอกในหลายส่วน
ความนุ่มนวลไม่เคยเป็นปัญหาของรถรุ่นนี้ แต่ในตอนนี้ เมื่อมีการติดตั้งอุปกรณ์เสริม และพโรแกรมปรับแต่งเฉพาะบุคคลเข้ามาหลายรายการ ทำให้มีความท้าทายอย่างยิ่งที่จะได้ตัวแรง PERFORMANTE ที่ไม่ดุดัน ไม่แพ้ใครมาอยู่ในมือ และมีตัวถังที่ดุดันพอๆ กับสำนักตกแต่งรถจาก MANSORY ซึ่งเป็นสำนักตกแต่งสัญชาติเยอรมันที่ขึ้นชื่อเรื่องความใจกล้ามากกว่าความสง่างาม ลองหาข้อมูลใน GOOGLE เราจะเห็นองค์ประกอบต่างๆ ที่มีความคล้ายคลึงกัน ไม่ว่าจะเป็นภายในห้องโดยสาร ต่างก็ถูกรังสรรค์ด้วยสมมติฐานเดียวกัน มีความท้าทายเดียวกัน และมีความเร้าใจในทิศทางเดียวกัน
บุคลิกที่แตกต่าง
ผู้ขับเพียงยกฝาครอบสีแดงขึ้นเพื่อกดปุ่มสตาร์ท การเลื่อนเกียร์ไปที่ 1 (ติดอยู่กับก้านพวงมาลัย น่าเสียดายที่ไม่ได้อยู่ที่คอพวงมาลัย) จะพาคุณเข้าสู่บรรยากาศของ PERFORMANTE ในทันที จุดเด่นประการแรก คือ คุณสมบัติร่วมกันระหว่างสายลุยอย่าง URUS และการรับรู้ถึงที่มาของความเป็นรถสปอร์ทที่แฝงอยู่ แม้จะมีลักษณะทางเทคนิคเฉพาะตัว และตราสัญลักษณ์ที่ประทับอยู่บนพวงมาลัย แต่ในบางช่วงเวลา URUS และ URUS S ก็แสดงความคล้ายคลึงกับเอสยูวีตัวแรงร่วมเครืออย่าง AUDI RS Q8 (เอาดี อาร์เอส คิว 8) อย่างเห็นได้ชัด ดังนั้น เพื่อสร้างระยะห่างจากรถร่วมเครือ แต่ยังไม่น้อยหน้าคู่แข่งประเภทเดียวกันอย่าง ASTON MARTIN DBX 707 (แอสตัน มาร์ทิน ดีบีเอกซ์ 707) และอาจถึงขั้นท้าทาย FERRARI PUROSANGUE (แฟร์รารี ปูโรซังกเว) (ซึ่งอยู่ในอีกระดับหนึ่งอยู่แล้ว อย่างน้อยก็ในด้านราคา) วิศวกรจึงตัดสินใจปรับปรุงแชสซีส์ และติดตั้งยางกึ่งสลิคมาให้ เมื่อรวมกับขุมพลังที่ไม่ต้องเสริมชุดมอเตอร์ไฟฟ้าใดๆ กับเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบคู่ แบบ วี 8 สูบ กำลังสูงสุด 666 แรงม้า เป็นข้อพิสูจน์ว่า LAMBORGHINI คันนี้มีเป้าหมายที่อาจจะข้ามประเด็นเรื่องสภาพแวดล้อมเล็กน้อย แต่แลกมาด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพ และรวดเร็วที่สุด มากกว่าการยึดติดกับแนวคิดเดิมๆ เสียทั้งหมด
เครื่องยนต์กำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นอีก 16 แรงม้า จากรุ่นดั้งเดิม (ซึ่งมีอยู่แล้วในรุ่น S) ถือเป็นจุดที่ไม่ได้รับรู้อย่างชัดเจนตั้งแต่แรก ส่วนหนึ่งมาจากความคุ้นเคยของทีมงานของเรากับรุ่น 650 แรงม้า ในรถสปอร์ทที่เราเคยทดสอบ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกำลังสูงสุดที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย คิดเป็นประมาณ 2.5 % และเหนือสิ่งอื่นใด การใช้งานในช่วงรอบเครื่องยนต์สูงแบบ วี 8 สูบ ไม่เคยเป็นที่น่าสงสัย จัดเป็นเครื่องยนต์ที่ยอดเยี่ยม ซึ่งในปัจจุบันค่ายรถยนต์หลายค่ายกลับพยายามทุกวิถีทางที่จะลดจำนวนลูกสูบยังคงมีอยู่ การพัฒนารถรุ่นนี้ไม่สนใจประเด็นดังกล่าว ขุมพลังมีแรงบิดมากมายในรอบต่ำ มีอัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมแบบไม่ต้องใช้ความพยายามมากมาย อัตราเร่งอันฉับไวก็จะมาถึงในพริบตา และมีการยืดหยุ่นของรอบเครื่องยนต์ที่ลงตัว เพียงพอที่จะสร้างความรู้สึก และอารมณ์ที่เร้าใจราวกับเกียร์ธรรมดา สิ่งเหล่านี้มีส่วนสำคัญของการตอบสนองไม่น้อย ซึ่งช่วยเสริมทุกสิ่งที่เรากล่าวมาได้อย่างดีที่สุด รถคันนี้ฉับไวขึ้นเมื่อเปลี่ยนจังหวะเกียร์ขึ้น มีความเฉียบคม เมื่อเปลี่ยนจังหวะเกียร์ลง และนอกจากนี้ ยังสามารถปรับให้การตอบสนองมีความไหลลื่นมากขึ้น บางครั้งตัวรถดูเหมือนจะไม่ยอมให้ผู้ขับเร่งเครื่องเข้าใกล้โซนสีแดงมากเกินไป และจบลงด้วยการไม่ยอมให้ผู้ขับเปลี่ยนจังหวะเกียร์ตามต้องการ
น้ำหนักลดลง 33 กก.
การปรับปรุงคุณภาพของแชสซีส์มาจากการยกเลิกช่วงล่างแบบถุงลม และหันมาใช้ระบบรองรับแบบสปริงขดลวดเหล็กที่แข็งแกร่งกว่ามาก การแก้ปัญหานี้มีความซับซ้อนน้อยกว่าช่วงล่างแบบถุงลม แต่เป็นคุณสมบัติที่ลงตัว หากเป้าหมาย คือ ความหนึบแน่นกับพื้นผิวถนน ทั้งในแง่ของสมรรถนะที่แท้จริง และในแง่ของความสามารถในการให้ความรู้สึกที่สนุกเร้าใจแก่ผู้ขับขี่ นอกจากนี้ ยังช่วยลดน้ำหนักที่ระบุในชุดข้อมูลว่าลดลงถึง 47 กก. เมื่อชั่งน้ำหนักที่ศูนย์ทดสอบของเรา พบว่ามีการลดน้ำหนักที่ 33 กก. เมื่อเทียบกับ URUS ที่ทดสอบในปี 2018 อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้ควรนำมาพิจารณาอย่างระมัดระวัง เนื่องจากรายละเอียดของอุปกรณ์เสริม และคุณสมบัติต่างๆ นั้นมีความแตกต่างกัน รวมถึงชุดควบคุมโหมดการสั่งงานที่เชื่อมต่อคอนโซลหน้า และอุโมงค์เกียร์ โดยมีโหมดการขับขี่ต่างๆ ในรุ่นย่อยอื่นๆ ของ URUS เช่น SABBIA (ทราย), NEVE (หิมะ) และ TERRA (ดิน) ถูกแทนที่ด้วยโหมดที่น่าสนใจกว่า คือ RALLY บ่งบอกการปรับแต่งสำหรับตัวแรงโดยเฉพาะ
หากชื่อ PERFORMANTE ชวนให้นึกถึงสนามแข่ง โหมด RALLY กลับมีความโน้มเอียงไปในการขับขี่บนทางเรียบกับถนนลูกรังที่ไม่ขรุขระมากนัก ที่ซึ่งความเร็ว และการเคลื่อนที่แบบมีแรงเหวี่ยงจากด้านข้างเป็นสิ่งที่ต้องเจอตลอดเวลา สิ่งที่สร้างความแตกต่างเมื่อเทียบกับรถร่วมค่ายอื่นๆ ทั้งในด้านบุคลิกภาพ และประสิทธิภาพ คือ ยาง PIRELLI P ZERO TROFEO R ยางสไตล์กึ่งสลิคที่ให้การยึดเกาะในระดับที่ URUS ไม่เคยตอบสนองให้ได้ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่สมบูรณ์แบบในการเปลี่ยนนวัตกรรมที่กล่าวถึงไปแล้ว และระบบส่งกำลังแบบ TORSEN ที่ได้รับการปรับปรุงให้เป็นแรง จี และมีประสิทธิภาพด้านการขับเคลื่อนในระดับสูง สิ่งเหล่านี้ได้รับการปรับเปลี่ยนกับรถยนต์รุ่นนี้ เพื่อส่งแรงบิดในปริมาณที่มากขึ้นไปยังล้อคู่หลัง ภายใต้องค์ประกอบที่เน้นความแข็งแกร่ง
ในบางครั้งเรามีความรู้สึกว่าน้ำหนักของตัวรถมีบทบาทน้อยลงเล็กน้อย และขึ้นอยู่กับทักษะการขับขี่ของผู้ขับ และการปรับตั้งโหมดการขับขี่ที่เหมาะสมกับระบบขับเคลื่อนที่มีชื่อว่า ANIMA (แปลว่า จิตวิญญาณ) หรือโหมด CORSA (สนามแข่ง) หากคุณตัดสินใจที่จะใช้ประสิทธิภาพ และความดุดันทั้งหมดที่รถทำได้ ขณะที่โหมด SPORT หรือ RALLY หากคุณต้องการให้รถคันนี้มีอิสระ และผ่อนคลายมากขึ้น แน่นอนว่าระบบส่งกำลัง TORSEN ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ และการปรับแต่งการตอบสนองการทำงานของการกระจายแรงบิดไปที่ล้อคู่หลัง มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เอสยูวีรุ่นนี้มีความว่องไว และควบคุมง่าย เพื่อลดภาระการทำงานอันมหาศาลของล้อคู่หน้า (เพียงแค่ 58 % ของน้ำหนักตัวรถรวมทั้งหมดอยู่ที่นั่น) ช่วยให้การควบคุมมีความแม่นยำยิ่งขึ้น
ทุกสิ่งที่เราได้ทดสอบมีจุดสังเกต คือ การส่งผลกระทบต่อความสะดวกสบายโดยรวม การตอบสนองจะค่อนไปทางความแข็งกระด้างด้วยซ้ำ เมื่อพิจารณาว่าพื้นฐานของตัวรถ คือ การเป็นรถสปอร์ทอเนกประสงค์ ซึ่งเหมาะแม้กระทั่งการใช้งานสำหรับครอบครัว (ที่มีฐานะสูงมากพอสมควร) แม้แต่ในโหมด STRADA (สำหรับการขับขี่บนถนน) ที่นุ่มนวลที่สุด ความสามารถในการดูดซับแรงสั่นสะเทือนก็ยังห่างไกลจากความนุ่มนวลของรถร่วมค่ายที่มีช่วงล่างแบบถุงลมอย่างมาก ทั้งในระยะยุบตัว และที่สำคัญกว่านั้น คือ ระยะยืดยุบ ขณะโดยสารผู้ขับจะสัมผัสได้ถึงการสั่นสะเทือนที่มากเกินไปอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่นั่งด้านหลัง แต่ในท้ายที่สุด สิ่งเหล่านี้ก็ไม่น่าแปลกใจ เห็นได้จากการติดตั้งท่อไอเสียคุณภาพสูงของ AKRAPOVIC แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่าบุคลิกของรถรุ่นนี้แตกต่างกับรุ่นย่อยอื่นอย่างมาก
ราคา
- ของรถทดสอบ 268,554 ยูโร (ประมาณ 9,976,000 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้า)
เครื่องยนต์
- แบบ เบนซิน เทอร์โบคู่ วี 8 สูบ 3,996 ซีซี
กำลังสูงสุด
- 490 กิโลวัตต์/666 แรงม้า
จุดแข็ง
สมรรถนะอันร้อนแรงจากขุมพลังเบนซิน เทอร์โบ วี 8 สูบ ขณะที่ความหนึบแน่นในโค้ง ความคล่องแคล่ว ของตัวรถแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในระดับสูง
จุดอ่อน
การใช้ระบบรองรับแบบคอยล์สปริงลดทอนความสะดวกสบายพอสมควรเมื่อเทียบกับรถร่วมค่ายที่ใช้ระบบรองรับแบบถุงลม นอกจากนี้การตอบสนองโดยรวมเน้นไปที่สมรรถนะมากกว่าการขับขี่ที่สนุก เร้าใจ
รายละเอียดของตัวถังที่น่าทึ่ง
รถยนต์รุ่นนี้มีรายละเอียดของตัวถังที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ชุดตกแต่งตัวถังลดน้ำหนักลงได้ 47 กก. เมื่อเทียบกับรุ่น URUS S และเหนือสิ่งอื่นใดคือการปรับแต่งที่ทำให้รถมีน้ำหนักเบา และได้รูปทรงที่ชวนมองยิ่งขึ้น ในเมือง SANT‘AGATA พวกเขาได้เปลี่ยนระบบรองรับแบบถุงลมของ URUS รุ่นพื้นฐานไปเป็นคอยล์สปริงเหล็กแบบธรรมดา และมีรูปแบบดั้งเดิมมากกว่า แม้ว่าความสะดวกสบายจะหายไปบ้าง แต่สิ่งที่ได้กลับมา คือ การตอบสนองที่ฉับไวขึ้นขณะหักเลี้ยว ซึ่งในรุ่นนี้ถูกลดความสูงลง 20 มม. (เมื่อเทียบกับตำแหน่งต่ำสุดของรุ่นที่ใช้ระบบรองรับแบบถุงลม) และเพิ่มความกว้างช่วงล้อออก 16 มม. ตามข้อมูลจากผู้ผลิต สปอยเลอร์ด้านบนกระจกหลังช่วยเพิ่มแรงกดส่วนท้ายได้ถึง 38 % ตัวเลขเปอร์เซนท์อาจดูสูง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าค่าแรงกดจริงจะมากมายอะไรนัก เมื่อพิจารณาจากขนาด และรูปทรงของปีก นอกจากนี้ยังน่าสังเกตว่าการปรับแต่งด้านความสวยงามทำให้ URUS คันนี้ยาวขึ้นอีก 25 มม.
ชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์รอบคัน
ในเวอร์ชันนี้ของ URUS มีรายละเอียดที่ทำจากวัสดุคอมโพสิทอยู่มากมาย เริ่มตั้งแต่สปอยเลอร์ที่ฐานกระจกด้านหลัง ส่วนด้านบนซึ่งมีปลายท่อไอเสียวัสดุคอมโพสิตนั้น ได้รับแรงบันดาลใจจากปีกของสปอร์ทตัวแรง AVENTADOR SVJ ส่วนฝากระโปรงหน้าก็ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์เช่นกัน แม้ว่าจะถูกพ่นสีทับบางส่วนก็ตาม ช่องระบายความร้อนทั้ง 2 ช่องก็ถูกออกแบบขึ้นมาใหม่ด้วย
รูปทรงคมเข้มเป็นพิเศษ
บริเวณด้านหลังของตัวถัง กันชนล่าง และดิฟฟิวเซอร์ทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ตรงลางเป็นท้อไอเสียของ AKRAPOVIC โทนสีแบบทูโทนช่วยเสริมบุคลิกที่ดูสปอร์ท และความดุดันของรุ่น PERFORMANTE ซึ่งมาจากรายละเอียดต่างๆ เช่น มือจับประตูสีดำ และช่องระบายอากาศบนฝากระโปรงหน้า เสริมเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรุ่นด้วยช่องอากาศด้านหน้า และล้อแมกขนาดมาตรฐาน คือ 22 นิ้ว (ซึ่งใช้กับรถทดสอบด้วย) แต่ถ้าต้องการก็สามารถสั่งเป็นขนาด 23 นิ้วได้ เส้นสายของตัวรถโดยรวมถูกเสริมด้วยนอทไทเทเนียมสำหรับยึดล้อเข้ากับดุม และยาง PIRELLI ซึ่งหากสั่งพิเศษ สามารถเลือกเป็นรุ่น P ZERO TROFEO R แบบเซมิสลิคได้
ข้อมูลทางเทคนิค
ข้อมูลจำเพาะ
เครื่องยนต์
- เบนซิน วางด้านหน้าตามยาว
- แบบ วี 8 สูบ (ทำมุม 90 องศา)
- กระบอกสูบ 86 มม.
- ช่วงชัก 86 มม.
- ความจุ 3,996 ซีซี
- กำลังสูงสุด 490 กิโลวัตต์/666 แรงม้า ที่ 6,000 รตน.
- แรงบิดสูงสุด 850 นิวทันเมตร/86.7 กก.ม. ที่ 2,300-4,500 รตน.
- เสื้อสูบ และฝาสูบ ใช้วัสดุโลหะน้ำหนักเบา
- ดับเบิล โอเวอร์เฮด แคมชาฟท์ ระบบวาลืวแปรผัน 2 ชุด 4 วาล์วต่อลูกสูบ (สายพานโซ่)
- ระบบฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง เทอร์โบคู่ และอินเตอร์คูเลอร์
ระบบส่งกำลัง
- ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา
- เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ระบบทอร์คคอนเวอร์เตอร์
- ระบบเฟืองส่งกำลังแบบ TORSEN พร้อมระบบลอคเฟืองส่งกำลัง และระบบกระจายแรงบิด
รูปแบบตัวถัง
- ตัวถังวัสดุโลหะ และอลูมิเนียม ทรง 2 กล่อง 5 ประตู 5 ที่นั่ง
- ระบบรองรับด้านหน้า ปีกนกคู่ คอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง
- ระบบรองรับด้านหลัง มัลทิลิงค์ คอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง
- ชอคอัพแบบไฮดรอลิค ควบคุมด้วยไฟฟ้า
- ระบบบังคับเลี้ยวล้อคู่หลัง
- จานเบรคแบบ คาร์บอนเซรามิค เอบีเอส อีเอสพี
- ระบบบังคับเลี้ยว ฟันเฟือน และตัวหนอน ควบคุมด้วยไฟฟ้า
- ความจุถังน้ำมัน 85 ลิตร
ยาง
- PIRELLI P ZERO TROFEO R ด้านหน้า 285/40 ZR22 110Y ด้านหลัง 325/35 ZR22 114Y
- ชุดปะยางฉุกเฉิน
มิติตัวถัง และน้ำหนัก
- ระยะฐานล้อ 3,010 มม.
- ความกว้างของฐานล้อ คู่หน้า 1,710 มม. คู่หลัง 1,720 มม.
- ความยาว 5,140 มม. กว้าง 2,030 มม. สูง 1,620 มม.
- น้ำหนักโดยรวม 2,150 มม. น้ำหนักบรรทุกสุงสุด 2,835 กก.
- ความจุที่เก็บสัมภาระท้าย 616 ซีซี
สถานที่ผลิต
- เมือง SANT‘AGATA BOLOGNESE ประเทศอิตาลี
สมรรถนะของรถรุ่นนี้จะร้อนแรงแค่ไหน ?
เริ่มจากทดสอบสมรรถนะระดับพื้นฐานก่อน นั่นคือ การเทียบกับเวลามาตรฐานตามตารางหน้าถัดไป ซึ่งคุณจะเห็นว่าไม่มีคู่แข่งโดยตรงเลย เหตุผล คือ สนามทดสอบ VAIRANO PRO เป็นสนามใหม่ที่สงวนไว้สำหรับรถที่มีพละกำลังสูง และเรายังไม่เคยมีโอกาสทดสอบรถเอสยูวีสายสปอร์ทที่มีความแรงระดับนี้ และมีบุคลิกชัดเจนเช่นนี้ ขณะแล่นผ่านส่วนขอบของสนาม URUS PERFORMANTE ตอบสนองการบังคับควบคุมที่มั่นคงมาก ขนาดที่บางครั้งลดทอน “ความสนุกเร้าใจ” ของการขับขี่เล็กน้อย แต่การประเมินผลโดยรวมต้องคำนึงถึงบริบทโดยรวมของตัวรถอีกด้วย เพราะแม้ค่ายรถแห่งนี้จะเป็นตัวแทนของความสปอร์ทแบบดั้งเดิม แต่ URUS ก็ยังเป็นเอสยูวีที่มีความยาวกว่า 5 ม. และน้ำหนักมากกว่า 2.3 ตัน ซึ่งโดยธรรมชาติจากศูนย์ถ่วง และอาการโคลงของตัวรถไม่ได้อยู่ในระดับที่เหมาะสมตามทฤษฎีของรถสปอร์ทสมรรถนะสูง อย่างไรก็ตาม การควบคุมโดยรวมมีความสมดุล จุดสำคัญ คือ อย่ากดดันล้อหน้าเกินไป ไม่เช่นนั้นระบบ TORQUE VECTORING จากล้อคู่หลังก็จะไม่สามารถรองรับอัตราเร่งได้ แล้วจะเริ่มมีอาการหน้าอันเดอร์สเตียร์ ระบบเบรคแบบคาร์บอนเซรามิคมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมมาก เรียกได้ว่าไร้อาการล้าใดๆ เช่นเดียวกับขุมพลังแบบ วี 8 สูบ ที่ดุดันสุดๆ ทุกสถานการณ์ ส่วนหนึ่งต้องยกความดีให้เกียร์ที่รองรับพลังอันดุดันนี้ด้วยความฉับไว และความแม่นยำ ขณะที่พวงมาลัยนั้นน่าจะถ่ายทอดสิ่งที่เกิดขึ้นที่จากล้อคู่หน้าได้ละเอียดกว่านี้ โดยเฉพาะปัญหาจากการเสื่อมสภาพของยางคู่หน้าเป็นเรื่องสำคัญกับการทำเวลาต่อรอบ โดยต้องปิดระบบ อีเอสพี การปรับแต่งระบบมีความแม่นยำสูง หากใช้ขับอย่างเฉียบคม และถูกต้อง ผู้ขับสามารถทำเวลาได้ดีมากเช่นกัน
ความดุดันของขุมพลังแบบ วี 8 สูบ พร้อมระบบเหล็กกันโคลงแบบแปรผัน ช่วยเสริมสมรรถนะอย่างได้ผล แต่น้ำหนักของตัวรถที่ค่อนข้างมากยังคงมีผลอยู่
ความเฉียบคมของระบบอิเลคทรอนิค
URUS สามารถลดทอนปัญหาจากน้ำหนักตัวที่มาก และจุดศูนย์ถ่วงที่สูง ด้วยระบบเหล็กกันโคลงแบบแปรผัน ช่วยลดอาการโคลงของตัวถังโดยไม่ทำให้ความสะดวกสบายในการขับขี่ลดลง (ต่างจากคอยล์สปริงแบบเหล็กที่ใช้ในระบบกันสะเทือนของรถหลายรุ่น) รวมถึงระบบ TORQUE VECTORING ที่ช่วยกระจายแรงบิดตามความเหมาะสมไปยังล้อคู่หลัง ทั้งหมดนี้ทำให้การโอเวอร์สเตียร์มีเพียงเล็กน้อย เพิ่มความคล่องตัวให้กับรถขณะเข้าโค้ง
ความท้าทายเรื่องการยึดเกาะกับรุ่นย่อยอื่นๆ
การขับรอบสนามทดสอบแบบระยะทางสั้น กับการขับแบบคันเดียวบนสนาม ตัวเลขที่ได้มาค่อนข้างประเมินได้ยากหากมองแยกกันเป็นส่วนๆ ด้านการควบคุมรถช่วยให้เรามีจุดเปรียบเทียบได้บ้าง แต่เมื่อรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน การทดสอบแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างรุ่น PERFORMANTE และรุ่นพื้นฐานที่ชัดเจน ทั้งในด้านการตอบสนองโดยรวม และเวลาต่อรอบ นอกจากนี้ยังมีความแตกต่างอีกประการหนึ่งระหว่างทั้ง 2 รุ่น ข้อแรก คือ ชัยชนะของรถยนต์ร่วมค่าย โดย URUS รุ่นพื้นฐาน (การทดสอบครั้งนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าปัจจัยต่างๆ เช่น แรงม้าที่มากกว่าเอสยูวีทั่วไป รวมถึงการปรับปรุงระบบรองรับโดยรวมเป็นต้นยังคงไร้คู่แข่งมาตั้งแต่ปี 2018) วันนี้ถูกรุ่น PERFORMANTE เอาชนะรถยนต์ร่วมรุ่นได้แล้ว
การใช้งานที่ครบครัน
การใช้งานของห้องโดยสารมีความหลากหลาย และค่อนข้างละเอียดอ่อน นอกจากกราฟิกเฉพาะสำหรับแผงหน้าปัด และระบบความบันเทิงแล้ว อุปกรณ์ภายในที่ติดตั้งมาให้จะเป็นชุดหนัง ALCANTARA พร้อมลายตะเข็บบนเบาะที่ออกแบบใหม่เป็นลาย 6 เหลี่ยม เรียกว่า PERFORMANTE TRIM แน่นอนว่าถ้าผู้ขับต้องการ สามารถอัพเกรดเป็นเบาะหนังได้ และทุกองค์ประกอบในห้องโดยสารสามารถปรับแต่งได้แบบสั่งทำผ่านพโรแกรม AD PERSONAM ซึ่งช่วยให้ผู้เป็นเจ้าของสามารถออกแบบ PERFORMANTE TRIM ได้ในหลายส่วนของห้องโดยสาร เช่น แผงประตู เพดานห้องโดยสาร และพนักพิงเบาะหลัง การตกแต่งด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์แบบด้าน เมื่อเลือกแพคเกจ DARK PACKAGE สามารถนำมาใช้กับรายละเอียดภายในห้องโดยสารเพิ่มเติมได้อีก แม้กระทั่งคันโยกสำหรับใช้งานสามารถเลือกรูปแบบได้ ทั้งหมดนี้แน่นอนว่าสามารถเพิ่มจากราคาเริ่มต้นของรุ่น PERFORMANTE เป็นมูลค่าเกือบ 270,000 ยูโร ถือว่าแพงขึ้นอย่างชัดเจน
การปรับแต่งสมรรถนะ
ก้านสำหรับปรับโหมดการขับขี่ มีชื่อเรียกว่า TAMBURO ซึ่งอยู่ระหว่างคอนโซลหน้ากับอุโมงค์เกียร์ ทำหน้าที่เป็นศส่วนควบคุมโหมดการขับขี่ทั้งหมด ตรงกลาง คือ ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ พร้อมฝาพับสีแดงแบบคลาสสิค และด้านบนเป็นคันโยกเข้าเกียร์ถอยหลัง ด้านซ้าย คือ คันโยกของระบบ SOUL ซึ่งมีโหมดต่างๆ รวมถึงโหมดเฉพาะของรุ่น PERFORMANTE ที่เรียกว่า RALLY ส่วนด้านขวาเป็นปุ่มสำหรับปรับระดับตอบสนองของระบบรองรับ และการตอบสนองของชอคอัพ พร้อมด้วยคันโยกของระบบ EGO ซึ่งเป็นโหมดขับขี่ที่สามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ
พื้นที่ใช้สอย และทัศนวิสัย พื้นที่เก็บสัมภาระท้าย
การทดสอบสมรรถนะ
การประเมินผลของ QUATTRORUOTE
เบาะนั่งคนขับ
รถคันนี้ คือ รถสปอร์ทแบบอเนกประสงค์ แต่ไม่ลืมองค์ประกอบที่จำเป็นเพื่อสมกับตราสัญลักษณ์ และแรงม้าใต้ฝากระโปรง ตำแหน่งเบาะนั่งสอดคล้องกับระบบควบคุม และเบาะนั่งที่มีรูปทรงที่เหมาะสม สามารถรองรับสรีระผู้ขับไว้ได้ดีเมื่อเข้าโค้ง
แผงหน้าปัด และระบบควบคุม
หน้าจอบางส่วนแสดงผลแบบดิจิทอลแบบเสมือนจริง แต่ก็มีส่วนประกอบที่เป็นปุ่มใช้งานทางกายภาพที่ดีมาก การใช้งานระบบควบคุมที่ออกแบบได้สวยงาม มีตำแหน่งระหว่างอุโมงค์เกียร์ และคอนโซล ซึ่งใช้กำหนดการตอบสนองของตัวรถ
แผงมาตรวัด
กราฟิค และรูปแบบการแสดงผล สะท้อนถึงคุณสมบัติทั่วไปของรถร่วมค่ายที่เครื่องยนต์วางกลาง กล่าวโดยรวม คือ มีทุกสิ่งที่ผู้ขับต้องการเพื่อการขับขี่แบบเน้นสมรรถนะ สิ่งนี้เข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบกับการแสดงข้อมูลในการขับขี่ทั่วไป โดยเฉพาะระบบแผนที่
ระบบความบันเทิง
ระบบความบันเทิงมีคุณภาพสูง ถูกใช้งานร่วมกับรถร่วมเครือของกลุ่ม VOLKSWAGEN (โฟล์คสวาเกน) แสดงผลผ่านหน้าจอขนาด 10.1 นิ้ว การเชื่อมต่ออินเตอร์เนท และถูกออกแบบให้ลดการรบกวนที่มากเกินไปในระหว่างการขับขี่แบบเน้นสมรรถนะ
ระบบปรับอากาศ
ระบบปรับอากาศแบบแยก 2 โซน แม้มีความซับซ้อน แต่ยังใช้งานได้ง่ายดายอย่างยิ่ง การทำงานของระบบแบบ “ตั้งค่าแล้วลืมได้” แบบคลาสสิค เพียงตั้งอุณหภูมิที่ 22 องศา ในโหมด AUTO เท่านี้ก็ใช้งานได้ยาวนานในทุกฤดูกาล นอกจากนี้ ยังทำความอุ่นได้อย่างลงตัวอีกด้วย
ทัศนวิสัย
ตัวถังขนาดใหญ่ของรถไม่ได้สร้างปัญหาพิเศษใดๆ สำหรับการมองเห็นขณะขับขี่ ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณเสาที่ไม่บดบังสายตามากนัก อย่างไรก็ตาม ตัวถังที่มีขนาดใหญ่ และหักเลี้ยวในที่แคบ กล้องมองภาพรอบคันจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น
การตกแต่ง
แม้ในรายละเอียด ไม่มีอะไรที่สามารถลดทอนจากการประเมินในเชิงบวกอย่างแท้จริงได้ สิ่งนี้อาจดูเหมือนเป็นเรื่องปกติ เมื่อพิจารณาจากราคาของตัวรถ แต่คู่แข่งระดับเดียวกันก็ไม่สามารถแสดงความโดดเด่นด้านห้องโดยสารได้ดีขนาดนี้
อุปกรณ์เสริม
รายการอุปกรณ์เสริมมีครบครัน และสิ่งที่ไม่รวมอยู่ในรายการตัวเลือกมาตรฐาน สามารถพบได้ในตัวเลือกการปรับแต่งเฉพาะบุคคล ด้วยพโรแกรม AD PERSONAM คุณสามารถเลือกติดตั้งชุดหนังตัดเย็บอย่างประณีตอย่างแท้จริง
ระบบความปลอดภัย
จุดได้เปรียบของการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มค่ายรถยักษ์ใหญ่ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนในหัวข้อนี้ การเข้าถึงคลังชิ้นส่วนของกลุ่มค่ายรถสัญชาติเยอรมัน ทำให้รถรุ่นนี้ได้รับชุดระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ลงตัว และทำงานได้ดีมาก
พื้นที่ห้องโดยสาร
ห้องโดยสารให้ความสะดวกสบาย และความรู้สึกกว้างขวาง ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ซึ่งแม้แต่การโดยสารจำนวน 3-4 คน ก็สามารถเดินทางได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ การขึ้น-ลงห้องโดยสารทำได้สะดวกเช่นกัน
พื้นที่เก็บสัมภาระ
พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายมีรูปทรงปกติ การตกแต่งมีความใส่ใจ และคำนึงทุกรายละเอียด แต่ความสามารถในการบรรทุกไม่ได้มากมายนักที่ 443 ลิตร วัดได้จริงโดยศูนย์ทดสอบของเรา รวมถึงช่องเล็กๆ ใต้พื้นห้องเก็บสัมภาระ
ความสะดวกสบาย
ท่อไอเสียยี่ห้อ AKRAPOVIC เพิ่มความดังขึ้นมาเล็กน้อย สังเกตได้ชัดเจนขึ้นภายใต้การทำอัตราเร่ง ซึ่งเป็นความเร็วที่มากกว่าที่ความเร็วทางหลวงกำหนด ช่วงล่างแข็งกระด้างอย่างเห็นได้ชัด ชุดสปริงโลหะที่ด้านหลังทำให้เกิดแรงกระแทกที่ค่อนข้างสูง
เครื่องยนต์
การเพิ่มขึ้น 16 แรงม้า เป็นการก้าวกระโดดอย่างกล้าหาญ ส่วนที่เหลือ คือ คุณสมบัติที่รู้สึกได้อย่างชัดเจน และความพิเศษของเครื่องยนต์แบบ วี 8 สูบ ปลดปล่อยพละกำลังอย่างเป็นธรรมชาติ แรงบิดมากมายในรอบต่ำ และแรงม้าที่ทรงพลังในรอบสูง เสียงเครื่องยนต์กระหึ่มเร้าใจ
อัตราเร่ง
เอสยูวีตัวแรงรุ่นนี้มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ลดลงจาก 3.2 วินาที สำหรับ URUS รุ่นปกติ เป็น 3.1 วินาที สำหรับรุ่น PERFORMANTE เมื่อความเร็วเพิ่มขึ้น ช่องว่างของอัตราเร่งจะมากขึ้น ใช้เวลาฉับไวกว่าร่วม 1 วินาที สำหรับอัตราเร่ง 0-240 กม./ชม. พิสูจน์แล้วว่าแรงม้าที่เพิ่มขึ้นมีผลจริงๆ
อัตราเร่งยืดหยุ่น
แม้จะไม่มีการเปลี่ยนจังหวะเกียร์ลงมา URUS ก็เพิ่มความเร็วได้อย่างฉับไวอย่างน่าทึ่ง เมื่อใช้การกดคันเร่งสุดทันที การทำเวลาของตัวแรงคันนี้เทียบได้กับรถยนต์ไฟฟ้าที่ทรงพลัง กับอัตราเร่ง 70-120 กม./ชม. ที่ 3.6 วินาที
ระบบส่งกำลัง
อีกครั้งที่ระบบเกียร์ของ ZF พิสูจน์ว่าเป็นระบบส่งกำลังที่เหมาะสมกับรถยนต์สมรรถนะสูงเช่นนี้ ความนุ่มนวลที่ลื่นไหลของการเปลี่ยนเกียร์จังหวะในชีวิตประจำวัน สามารถเปลี่ยนการตอบสนองให้กระชับ ดุดัน ได้ทันทีทันใดสำหรับการขับแบบเน้นสมรรถนะ
ระบบบังคับเลี้ยว
การตอบสนองของพวงมาลัยไม่ได้เฉียบคมเป็นพิเศษ แต่มีทุกสิ่งที่ผู้ขับต้องการ นั่นคือ การตอบสนองที่น่าพึงพอใจ มีความแม่นยำในระดับยอดเยี่ยม และความต่อเนื่องที่ทำได้ดีเช่นกัน ขณะขับขี่ด้วยความเร็วคงที่ นอกจากนี้ ยังให้การตอบสนองขณะเน้นอัตราเร่งที่ดีอีกด้วย
ระบบเบรค
แม้จะมีน้ำหนักค่อนข้างมาก ระบบเบรคแบบคาร์บอนเซรามิคสามารถชะลอความเร็วได้อย่างน่าทึ่ง แม้ในช่วงความเร็วสูง และความเร็วสูงสุด ระบบเบรคไม่สูญเสียประสิทธิภาพบนพื้นผิวที่มีการยึดเกาะต่ำ และยังทนทานได้ดี แม้ภายใต้การใช้งานที่หนักหน่วงถึงขีดสุด
ความคล่องแคล่ว
ความเพลิดเพลิน และความปลอดภัยอยู่ในระดับที่ยอดเยี่ยม และมีประสิทธิภาพเช่นกัน URUS สามารถทะยานด้วยความเร็วสูงอย่างมั่นคง อย่างไรก็ตาม น้ำหนักที่ค่อนข้างมาก และจุดศูนย์ถ่วงที่สูง ไม่ว่าจะถูกปรับแต่งมาดีแค่ไหน ก็ไม่อาจเลี่ยงคุณสมบัติของรูปแบบตัวถังไปได้
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
การจัดอันดับในหัวข้อนี้บอกทุกอย่าง URUS PERFORMANTE ต้องการเชื้อเพลิงในปริมาณที่มากในทุกช่วงความเร็ว แม้กระทั่งในปริมาณที่ไม่ธรรมดา หากคุณเน้นสมรรถนะถึงที่สุด สิ่งเดียวที่ปลอบใจได้ คือ ความจุถังน้ำมัน 85 ลิตร สามารถแล่นได้ไกลในระดับหนึ่ง



