ทดสอบ
MG EXTENDER DC GRAND/DC GRAND 4WD
ถ้านึกถึงพิคอัพใหญ่เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ ขนาดเล็ก ไม่เกิน 2.0 ลิตร หลายคนตอบทันทีว่า อีซูซุ ดี-แมกซ์ หรือไม่ก็ ฟอร์ด เรนเจอร์ แต่ยังนึกไม่ถึงว่ามีอีกหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มนี้เช่นเดียวกัน คือ เจ้ากระบะพันธุ์ยักษ์ ร่างใหญ่ น้องใหม่ในตลาดเมืองไทย เอมจี เอกซ์เทนเดอร์ ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร 161 แรงม้า ซึ่งครั้งนี้เราเลือกแบบ 2 ตอน 4 ประตู ดีซี (DC: DOUBLE CAB) และแบบยกสูง กแรนด์ (GRAND) กแรนด์ ขับเคลื่อน 4 ล้อ (GRAND 4WD) มาทดสอบและวัดสมรรถนะด้วยเครื่องมือดาทรอน เปรียบเทียบกับคู่แข่ง
EXTERIOR ภายนอก
เอมจี เอกซ์เทนเดอร์ ดีซี กแรนด์ ขับเคลื่อน 4 ล้อ มีตัวถังขนาดใหญ่ มิติภายนอก ยาว/กว้าง/สูง 5,365/1,900/1,850 มม. ระยะฐานล้อ 3,155 มม. เมื่อเทียบกับคู่แข่งแล้ว ใหญ่/สูงกว่า อีซูซุ ดี-แมกซ์ วี-ครอสส์ (5,265/1,870/1,790 และ 1,810 มม.) ขณะที่ตัวรถ และฐานล้อสั้นกว่า ฟอร์ด เรนเจอร์ ดับเบิลแคบ 2.0 ลิตร ลิมิเทด 4x4 (5,434/1,867/1,848 และ 3,220 มม.)
ไฟหน้าแบบพโรเจคเตอร์ (PROJECTOR) พร้อม DAYTIME RUNNING LIGHTS ระบบควบคุมไฟหน้าปรับเลี้ยวตามองศาพวงมาลัยอัตโนมัติ ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ บันไดข้าง และกล้องมองหลังพร้อมเซนเซอร์ขณะถอย ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ตั้งแต่ในรุ่น กแรนด์
เอมจี เอกซ์เทนเดอร์ ดีซี กแรนด์ ขับเคลื่อน 2 ล้อ เอกซ์ หรือรุ่น 4 ประตู ดับเบิลแคบ ยกสูงเกรดเอกซ์ ซึ่งเป็นรุ่นรอง มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับรุ่นทอพ หรือรุ่น 4WD และขนาดตัวใหญ่ มีความยาวตัวรถถึง 5,365 มม. เป็นรองก็แต่เพียง ฟอร์ด เรนเจอร์ ที่มีความยาวตัว 5,434 มม. ถ้าจะดูจุดแตกต่างระหว่างรุ่นนี้ กับรุ่น 4WD เท่าที่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก นอกจากตัวอักษร 4WD ที่ท้ายกระบะ คือ แรคหลังคา ยังคงมีกระจังหน้าแบบโมเดิร์น ไฟหน้าแบบพโรเจคเตอร์ แต่ไม่มีระบบควบคุมไฟหน้าปรับเลี้ยวตามองศา พวงมาลัยอัตโนมัติ
INTERIOR ภายใน
ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย และเงียบด้วยการติดตั้งฉนวนกันเสียง 9 จุด และเพิ่มความเรียบหรูด้วยวัสดุสัมผัสนุ่ม (SOFT TOUCH) แผงหน้าปัดดีไซจ์นสปอร์ท
สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชัน หน้าจอสีระบบสัมผัสขนาดใหญ่ 10 นิ้ว กุญแจระบบ SMART KEY พร้อมปุ่ม PUSH START และระบบปรับอากาศอัตโนมัติ เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง เบาะหลังพับได้ และมีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
ติดตั้งระบบปฏิบัติการ I–SMART เอกสิทธิ์เฉพาะสำหรับ เอมจี ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่กับรถสามารถเชื่อมต่อกันได้ ไม่ว่าจะเป็น SMART COMMAND สั่งการด้วยเสียงภาษาไทย
นอกจากนี้ ยังสามารถควบคุมหรือสั่งการระบบต่างๆ ผ่านหน้าจอทัชสกรีน หรือสั่งการบนสมาร์ทโฟนผ่าน MG MOBILE APPLICATION
ระดับเสียงในห้องโดยสาร จากความเร็วคงที่ 60/80/100/120 กม./ชม. วัดได้ 56/59/63/67 เดซิเบล อยู่ในระดับพอใช้ ใกล้เคียงกับคู่แข่งอย่าง มิตซูบิชิ ทไรทัน ดับเบิลแคบ ขับเคลื่อน 4 ล้อ จีที-พรีเมียม 58/61/64/67 เดซิเบล เงียบกว่า นิสสัน เอนพี 300 นาวารา
ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย และเงียบด้วยการติดตั้งฉนวนกันเสียง 9 จุด การออกแบบให้ความรู้สึกแข็งแกร่งสอดคล้องกับรูปลักษณ์ภายนอก โดยใช้โทนสีเข้ม และเพิ่มความเรียบหรูด้วยวัสดุสัมผัสนุ่ม (SOFT TOUCH) แผงหน้าปัดดีไซจ์นสปอร์ท
พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชัน หน้าจอสีระบบสัมผัสขนาดใหญ่ 10 นิ้ว กุญแจระบบ SMART KEY พร้อมปุ่ม PUSH START และระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แต่เบาะนั่งคนขับปรับ 6 ทิศทาง และผู้โดยสารด้านหน้า 4 ทิศทาง ไม่มีปรับไฟฟ้าเหมือนรุ่นทอพ
เบาะหลังพับได้ และมีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
ติดตั้งระบบปฏิบัติการ I–SMART SMART COMMAND สั่งการด้วยเสียงภาษาไทย
นอกจากนี้ ยังสามารถควบคุมหรือสั่งการระบบต่างๆ ผ่านหน้าจอทัชสกรีน หรือสั่งการบนสมาร์ทโฟนผ่าน MG MOBILE APPLICATION
SMART CONNECT เลือกฟังเพลงผ่าน ONLINE MUSIC ค้นหาร้านอาหารและที่พัก รวมทั้งเรียกดูข้อมูลข่าวสารและเหตุการณ์ปัจจุบันจากเวบไซท์ดังได้บนหน้าจอในรถ
SMART CHECK สามารถสั่งลอค หรือปลดลอคประตู ตรวจสอบตำแหน่งและค้นหารถ แจ้งความผิดปกติ และแจ้งสถานะการทํางานของรถ รวมถึงระบบช่วยค้นหาศูนย์บริการ นัดหมาย และบันทึกการดูแลรักษารถยนต์
ระดับเสียงในห้องโดยสาร จากความเร็วคงที่ 60/80/100/120 กม./ชม. วัดได้ 56/59/63/67 เดซิเบล อยู่ในระดับพอใช้ เงียบกว่า นิสสัน เอนพี 300 นาวารา
ENGINE เครื่องยนต์
เครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล ไดเรคท์อินเจคชัน แบบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบแปรผัน ให้กำลังสูงสุด 161 แรงม้า พร้อมระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 6 จังหวะ ที่สามารถปรับรูปแบบการขับขี่ได้ 3 รูปแบบ ทั้งโหมดมาตรฐาน (NORMAL MODE) โหมดประหยัด (ECO MODE) โหมดกำลังสูง (POWER MODE)
เครื่องบลอคเล็ก และต้องแบกน้ำหนัก 2 ตันกว่า มากกว่าคู่แข่งถึง 90 กก. ดูจะเสียเปรียบ อัตราเร่งและช่วงเร่งแซง อยู่ในเกณฑ์พอใช้ อัตราเร่งตีนต้น 0-100 กม./ชม. และ 0-400 ม. เอกซ์เทนเดอร์ ทำได้ 12.9/18.7 วินาที อัตราเร่งตีนปลาย 0-1,000 ม. ในเวลา 34.6 วินาที ช้ากว่า มิตซูบิชิ ทไรทัน ดับเบิลแคบ จีที-พรีเมียม เครื่องยนต์ 2.4 ลิตร 181 แรงม้า ที่ทำไว้ 11.2/17.9/32.9 วินาที
สมรรถนะช่วงเร่งแซง 60-100 กม./ชม. และ 80-120 กม./ชม. เอกซ์เทนเดอร์ ทำได้ 7.1/ 9.4 วินาที ช้ากว่าคู่แข่ง มิตซูบิชิ ทไรทัน ที่ทำไว้ 5.8/7.5 วินาที และนิสสัน เอนพี 300 นาวารา ที่ทำไว้ 5.7/7.1 วินาที
ส่วนอัตราสิ้นเปลืองวัดจากความเร็วคงที่ 60/80/100/120 กม./ชม. เอกซ์เทนเดอร์ ทำได้ 19.9/16.7/13.5/10.1 กม./ลิตร ใกล้เคียงกับ นิสสัน เอนพี 300 นาวารา ที่ทำไว้ 20.5/ 17.9/13.9/10.6 กม./ลิตร มิตซูบิชิ ทไรทัน ที่ทำได้ 21.0/18.7/ 14.1/10.7 กม./ลิตร
เครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล ไดเรคท์อินเจคชัน แบบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบแปรผัน 161 แรงม้า ที่ 4,000 รตน. แรงบิด 38.2 กก.-ม. หรือ 375 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 6 จังหวะ ที่สามารถ ปรับรูปแบบการขับขี่ได้ 3 รูปแบบ ทั้งโหมดมาตรฐาน (NORMAL MODE) โหมดประหยัด (ECO MODE) เพื่อความประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น โหมดกำลังสูง (POWER MODE) สำหรับการขับขี่ที่ต้องการกำลังสูง
จากตัวเลขผลทดสอบดาทรอน พบว่า อัตราเร่งและช่วงเร่งแซง อยู่ในเกณฑ์พอใช้ อัตราเร่งตีนต้น 0-100 กม./ชม. และ 0-400 ม. เอกซ์เทนเดอร์ ทำได้ 12.9/18.7 วินาที อัตราเร่งตีนปลาย 0-1,000 ม. ในเวลา 34.6 วินาที ช้ากว่า มิตซูบิชิ ทไรทัน ดับเบิลแคบ และเชฟโรเลต์ โคโลราโด ไฮคันทรี สตอร์ม เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร 180 แรงม้า ที่ทำไว้ 12.0/18.3/33.5 วินาที
สมรรถนะช่วงเร่งแซง 60-100 กม./ชม. และ 80-120 กม./ชม. เอกซ์เทนเดอร์ ทำได้ 7.1/9.4 วินาที ช้ากว่าคู่แข่ง เชฟโรเลต์ โคโลราโด ที่ทำไว้ 6.5/8.5 วินาที
ส่วนอัตราสิ้นเปลืองวัดจากความเร็วคงที่ 60/80/100/120 กม./ชม. เอกซ์เทนเดอร์ ทำได้ 19.9/16.7/13.5/10.1 ประหยัดกว่า เรนเจอร์ แรพ-เตอร์ ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคู่ 2.0 ลิตร (17.3/14.6/12.3/9.6 กม./ลิตร) ใกล้เคียงกับ นิสสัน เอนพี 300 นาวารา ที่ทำไว้ 20.5/17.9/13.9/10.6 กม./ลิตร
SUSPENSION ระบบรองรับ
ในรุ่น 4 ประตู ขับเคลื่อน 4 ล้อ (4WD) พร้อมโหมดการขับขี่ให้เหมาะกับสภาพถนน 3 รูปแบบ คือ 2H, 4H และ 4L ที่มาพร้อมระบบลอคเฟืองท้าย (REAR AXLE DIFFERENTIAL LOCK) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน
ช่วงล่างปรับในสไตล์ยุโรป เพิ่มความปลอดภัยด้วยเบรคแบบจานทั้ง 4 ล้อ
ผลทดสอบเบรคที่ความเร็ว 60/80/100 กม./ชม. อยู่ในเกณฑ์ดี ระยะเบรคทำได้ 16.5/28.1/44.8 ม. ไม่แพ้คู่แข่งอย่าง มิตซูบิชิ ทไรทัน ที่ทำได้ 16.2/28.6/45.0 ม. และนิสสัน เอนพี 300 นาวารา ที่ทำได้ 16.9/28.5/44.7 ม.
ระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรปที่ทำงานประสานเป็นหนึ่งเดียว ประกอบด้วย ระบบป้องกันล้อลอคขณะเบรคฉุกเฉิน (ABS) ระบบช่วยเสริมแรงเบรคด้วยอีเลคทรอนิค (EBA) ระบบช่วยกระจายแรงเบรค (EBD) ระบบควบคุมการทรงตัว (SCS) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล (TCS) ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง (TPMS) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HAS) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา (BSD) และระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW)
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัยรวม 6 ตำแหน่ง เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ กล้องมองภาพรอบทิศทาง สัญญาณเตือนกะระยะด้านหลัง และด้านหน้า และกล้องมองหลัง ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่
ช่วงล่างปรับในสไตล์ยุโรป ด้านหน้าอิสระ ปีกนกคู่ ด้านหลังแหนบแบบซ้อนแผ่น ให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ในความเร็วต่ำ และให้ความมั่นคงในการขับขี่ที่ความเร็วสูง เพิ่มความปลอดภัยด้วยเบรคแบบจานทั้ง 4 ล้อ
ผลทดสอบเบรคที่ความเร็ว 60/80/100 กม./ชม. อยู่ในเกณฑ์ดี ระยะเบรคทำได้ 16.5/28.1/ 44.8 ม. ไม่แพ้คู่แข่งอย่าง มิตซูบิชิ ทไรทัน ที่ทำได้ 16.2/28.6/45.0 ม. และนิสสัน เอนพี 300 นาวารา ที่ทำได้ 16.9/28.5/44.7 ม.
ระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป ประกอบด้วย ระบบป้องกันล้อลอคขณะเบรคฉุกเฉิน ระบบช่วยเสริมแรงเบรคด้วยอีเลคทรอนิค ระบบช่วยกระจายแรงเบรค ระบบควบคุมการทรงตัว (SCS) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล (TCS) ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง (TPMS) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HAS) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) แต่ไม่มีระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา (BSD) และระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW)
ระบบกุญแจนิรภัยแบบ IMMOBILIZER ถุงลมนิรภัยรวม 6 ตำแหน่ง เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ สัญญาณเตือนกะระยะด้านหลัง และด้านหน้า และกล้องมองหลัง ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ แต่ไม่มีกล้องมองภาพรอบทิศทาง
MG EXTENDER DC 2.0 GRAND 4WD X 6AT
เอมจี เอกซ์เทนเดอร์ ถึงเป็นน้องใหม่ในวงการตลาดรถกระบะของบ้านเรา แต่ด้วยความครบเครื่องทั้งรูปทรงที่ดูลงตัว บึกบึน ห้องโดยสารกว้างขวาง เครื่องยนต์กำลังพอตัว แต่ก็สามารถลุยทางสมบุกสมบันได้ไหลลื่นกับระบบช่วยเหลือต่างๆ ระบบรองรับหนึบนุ่ม นอกจากนี้ยังมีระบบ I-SMART กับฟังค์ชันการใช้งาน ออพชันที่มีให้เหลือเฟือ แลกกับราคาแตะ 1 ล้านบาท
MG EXTENDER DC 2.0 GRAND X 6AT
ถ้าไม่ได้ติดอยู่กับพิคอัพยี่ห้อเดิมๆ และไม่ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เจ้า เอมจี เอกซ์เทนเดอร์ ดีซี กแรนด์ เอกซ์ ก็คุ้มค่ากับราคาไม่ถึง 9 แสนบาท