ทดสอบ
GWM TANK 500 DIESEL SUV+PPV 7 ที่นั่ง กับทางเลือกดีเซล
4 WHEELS ทดสอบฉบับนี้ ถึงคิว GWM TANK 500 DIESEL (กเรท วอลล์ มอเตอร์ แทงค์ 500 ดีเซล) พี่ชาย GWM TANK 300 DIESEL (แทงค์ 300 ดีเซล) 2 เอสยูวีแนวรุกใหม่ ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ ที่รับประกันยาวนานถึง 1,000,000 กม. หรือระยะเวลานานถึง 8 ปีของ GWM สู้กับคู่แข่งอย่าง FORD EVEREST (ฟอร์ด เอเวอเรสต์) ISUZU MU-X (อีซูซุ มิว-เอกซ์) MITSUBISHI PAJERO SPORT (มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ท) NISSAN TERRA (นิสสัน แตร์รา) และ TOYOTA FORTUNER (โตโยตา ฟอร์ทูเนอร์)
EXTERIOR ภายนอก
GWM TANK 500 ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ มีให้เลือก 3 รุ่น 2.4T PRO (2.4 ที พโร), 2.4T ULTRA (2.4 ที อุลทรา) และ 2.4T ULTRA 4WD (2.4 ที อุลทรา โฟร์วีลดไรฟ) สานต่อความสำเร็จต่อจาก GWM TANK 300 DIESEL ที่ได้รับการตอบรับ มาพร้อมกับสีใหม่ BLACK WARRIOR
กระจังหน้าตัดขอบสีดำเงา ระบบไฟหน้า LED เปิด-ปิดอัตโนมัติ ฟังค์ชันหน่วงเวลาไฟส่องทางหลังดับเครื่องยนต์ ระบบปรับไฟสูง-ตํ่าอัตโนมัติ ระบบไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED บันไดข้าง มาพร้อมราวหลังคา เสาอากาศแบบครีบฉลาม และสปอยเลอร์ท้าย ไฟท้าย LED ในแนวตั้ง
หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ประตูท้ายแบบบานสวิง พร้อมระบบดูดไฟฟ้า ในรุ่น 2.4T ULTRA และ 2.4T ULTRA 4WD
มิติตัวถังขนาดใหญ่ ยาว/กว้าง/สูง 4,886/1,934/1,905 มม. และระยะฐานล้อ 2,850 มม. โดยในรุ่น 2.4T PRO มาพร้อมล้อสีดำขนาด 18 นิ้ว จับคู่กับยาง WESTLAKE (เวสต์เลค) ขนาด 265/60 R18 ขณะที่รุ่น 2.4T ULTRA และ 2.4T ULTRA 4WD ยกระดับขึ้นอีกขั้นด้วยล้อสีดำขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง CONTINENTAL (คอนทิเนนทัล) ขนาด 265/50 R20
GWM TANK 500 มีตัวรถที่สั้นกว่า แต่กว้าง และสูงกว่า FORD EVEREST ที่มีมิติ 4,914/1,923/1,842 มม. ฐานล้อ 2,900 มม.
แต่ขนาดตัวใหญ่กว่า ISUZU MU-X ที่มีมิติ 4,850/1,870/1,875 มม. ฐานล้อ 2,855 มม. MITSUBISHI PAJERO SPORT 4,825/1,815/1,835 มม. และ 2,800 ม. NISSAN TERRA 4,890/1,865/1,865 มม. และ 2,850 มม. TOYOTA FORTUNER 4,795/1,855/1,835 มม. และ 2,750 มม.
GWM TANK 300 มีมุมปะทะถึง 33 องศา มุมจาก 34 องศา มุมคร่อม 23.1 องศา
INTERIOR ภายใน
ภายในตกแต่งด้วยหนัง NAPPA จอแสดงผลดิจิทอลขนาด 12.3 นิ้ว และหน้าจอสัมผัสขนาด 14.6 นิ้ว ที่รองรับทั้ง APPLE CAR PLAY และ ANDROID AUTO พร้อมให้สัมผัสกับความบันเทิงอีกขั้น ด้วยลำโพง 12 ตัว พร้อมซับวูเฟอร์ ONLINE MUSIC และ ONLINE RADIO ในรุ่น 2.4T ULTRA และ 2.4T ULTRA 4WD (สำหรับรุ่น 2.4T PRO ลำโพง 8 ตำแหน่ง) พร้อมระบบ SURROUND SOUND ติดตั้ง MULTI-COLOR AMBIENT LIGHTING
โดยในรุ่น 2.4T ULTRA และ ULTRA 4WD เริ่มต้นด้วยเบาะที่นั่งสามารถปรับไฟฟ้าได้ถึง 8 ทิศทาง มาพร้อมระบบ WELCOME SEAT, MASSAGE SEAT ควบคู่ไปกับระบบระบายอากาศ พร้อมดันหลังไฟฟ้า 4 ทิศทาง กับระบบนวดไฟฟ้า และ VIP SWITCH และในรุ่น ULTRA 4WD เพิ่มระบบเบาะระบายอากาศทั้งในที่นั่งแถว 1 และแถว 2
ห้องโดยสารของ GWM TANK 500 รุ่น ULTRA และ ULTRA 4WD มีความทันสมัย เต็มไปด้วยฟังค์ชันการใช้งาน และการแสดงผลแบบดิจิทอล
หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทอลขนาด 12.3 นิ้ว ร่วมกับหน้าจอมัลทิมีเดียแบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว ที่รองรับทั้ง APPLE CAR PLAY และ ANDROID AUTO พร้อมให้สัมผัสกับความบันเทิงอีกขั้น ด้วยลำโพงถึง 6 ตำแหน่ง สำหรับรุ่น 2.4T PRO และลำโพง 8 ตำแหน่ง พร้อมซับวูเฟอร์ ONLINE MUSIC และ ONLINE RADIO ในรุ่น 2.4T ULTRA และ 2.4T ULTRA 4WD
ระบบปรับพนักพิง และพนักพิงเบาะพับได้แบบ 60:40 ที่มาพร้อมกับที่พักแขนตอนกลาง พร้อมที่วางแก้ว
พร้อมช่องต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหน้า และหลัง ช่องต่อ USB สำหรับกล้องบันทึกภาพ พร้อมช่องจ่ายไฟสำรอง 12V และ 220V
ระดับเสียงในห้องโดยสารของ GWM TANK 500 รุ่น 2.4T ULTRA จากความเร็วคงที่ 60/80/100/120 กม./ชม. วัดได้ 57/61/64/68 เดซิเบล ใกล้เคียงกับ NISSAN TERRA (57/60/63/67 เดซิเบล)
แต่ยังเงียบไม่เท่า ISUZU MU-X (52/56/59/63 เดซิเบล) MITSUBISHI PAJERO SPORT (55/57/62/67 เดซิเบล) FORD EVEREST (48/51/54/58 เดซิเบล) และ TOYOTA FORTUNER (49/52/55/59 เดซิเบล)
ENGINE เครื่องยนต์
GWM TANK 500 DIESEL ใช้เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ 2.4 ลิตร กำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 3,600 รตน. ให้แรงบิดสูงสุด 480 นิวทันเมตร แบบต่อเนื่อง 1,500-2,500 รตน.
แรงบิด 260 นิวทันเมตร ตั้งแต่ 1,000 รตน. 350 นิวทันเมตร ที่ 1,000 รตน. และ 480 นิวทันเมตร ที่ 1,500-2,500 รตน.
ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ ออกแบบให้มีช่วงอัตราทดกว้าง ช่วยลดรอบเครื่องยนต์ขณะใช้ความเร็วเดินทาง
ระบบขับเคลื่อนมีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) ในรุ่น 2.4T PRO และ 2.4T ULTRA ขับเคลื่อน 4 ล้อ (4WD) ในรุ่น 2.4T ULTRA 4WD
ผู้ผลิตแจ้งสมรรถนะอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 11 วินาที ช้ากว่ารุ่น 2.0T HEV เครื่องยนต์ระบบไฮบริด ที่ทำได้ในเวลา 9.0 วินาที
ส่วนอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย ทำได้ 14 กม./ลิตร (ECO STICKER)
ผลจากการทดสอบสมรรถนะ อัตราเร่งช่วงต้น 0-100 กม./ชม. ทำได้ในเวลา 12.5 วินาที 0-400 ม. ทำได้ในเวลา 18.5 วินาที อัตราเร่งช่วงความเร็วปลาย ขณะทำความเร็วสูง 0-1,000 ม. ทำได้ 34.1 วินาที ช้ากว่า TANK 300 DIESEL ที่ทำได้ 11.8/18.2/33.3 วินาที
ช้ากว่า ISUZU MU-X รุ่น 3.0 ลิตร ที่ทำเอาไว้ 10.5/17.3/32.0 วินาที และ FORD EVEREST 2.0 เทอร์โบคู่ (10.9/17.8/32.8 วินาที) NISSAN TERRA (11.6/18.2/33.5 วินาที) TOYOTA FORTUNER (12.0/18.3/33.7 วินาที) และ ISUZU MU-X 2.2 ที่ทำไว้ 12.1/18.4/33.5 วินาที
ใกล้เคียงกับ MITSUBISHI PAJERO SPORT (12.4/18.7/33.8 วินาที)
ขณะเร่งแซงช่วง 60-100/80-120 กม./ชม. TANK 500 DIESEL ทําเวลาได้ 7.0/9.6 วินาที ช้ากว่า TANK 300 DIESEL ที่ทำไว้ 6.2/8.3 วินาที
ช้ากว่าคู่แข่งทั้ง MITSUBISHI PAJERO SPORT (6.4/8.2 วินาที) ISUZU MU-X รุ่น 3.0 ลิตร (6.0/7.7 วินาที) FORD EVEREST (6.0/8.0 วินาที) NISSAN TERRA (6.0/7.8 วินาที) และ TOYOTA FORTUNER (5.8/7.4 วินาที)
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง TANK 500 DIESEL ขณะใช้ความเร็วคงที่ 60/80/100/120 กม./ชม. อยู่ที่ 22.0/17.7/14.8/12.8 กม./ลิตร ทำได้ใกล้เคียงกับ TANK 300 DIESEL ที่ทำไว้ 22.9/18.7/14.4/12.7 กม./ลิตร
SUSPENSION ระบบรองรับ
ระบบรองรับด้านหน้าแบบอิสระ ดับเบิลครอสส์อาร์ม ด้านหลังแบบมัลทิลิงค์ หนึบแน่น แต่ยังให้ระยะยืด/ยุบตัวได้ดีในการลุยทางสมบุกสมบัน พวงมาลัยมีน้ำหนักตามการปรับโหมด NORMAL, ECO และ SPORT
จุดสำคัญของเอสยูวีรุ่นนี้ คือ การใช้งานขณะลุยทางสมบุกสมบัน บริเวณคอนโซลเกียร์ ทางซ้ายมือเป็นปุ่มหมุนสำหรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ต่างๆ ตามลักษณะของเส้นทางในการลุย ฝั่งขวามือเป็นปุ่มปรับโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อ ความเร็วต่ำ (4L) รวมถึงระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน แต่ที่น่าสนใจ คือ TANK TURN (4L เท่านั้น) ระบบเลี้ยวในวงแคบ
ผลทดสอบเบรค ที่ความเร็ว 60-0/80-0/100-0 กม./ชม. สามารถหยุด TANK 500 DIESEL ได้ในระยะ 16.1/28.2/44.1 ม. อยู่ในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะช่วงความเร็ว 60 กม./ชม. ดีกว่า TANK 300 DIESEL (16.6/26.6/43.5 ม.)
พอๆ กับ TOYOTA FORTUNER (16.2/28.4/44.0 ม.)
ดีกว่า ISUZU MU-X 2.2 และ 3.0 ลิตร (16.2/29.4/45.0 ม. และ 16.2/28.6/45.7 ม.) และ MITSUBISHI PAJERO SPORT (17.0/31.0/46.7 ม.) FORD EVEREST (17.5/32.6/50.2 ม.)
ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ด้วย 3D IMAGING STEREO CAMERA ที่มีมุมมองกว้าง และแม่นยำกว่าเดิม พร้อมเรดาร์ 2 จุด มีเซนเซอร์ 8 จุดรอบคัน ระบบแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า (FCW) พร้อมระบบเบรคฉุก เฉินอัตโนมัติ (AEB) ระบบเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อมีรถสวนทางขณะ เลี้ยวขวา (TA-AEB) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) พร้อมฟังค์ชัน STOP & GO และเพิ่มใหม่ คือ ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถยนต์ (RCTA) พร้อมระบบเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอย (RCTB)
ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตา (BSM) ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ (AHB) ระบบตัดกําลังเครื่องยนต์เมื่อเหยียบคันเร่งผิดพลาด (PMM) ระบบแจ้งเตือนออกนอกเลน (LDW) ระบบเบรคอัตโนมัติหลังการเกิดอุบัติเหตุ ช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุซํ้าซ้อน (MCB) ระบบเซนเซอร์ช่วยจอดรถยนต์ ระบบตั้งค่าจํากัดความเร็วสูงสุดด้วยตัวเอง (MSL) ACTIVE SAFETY ระบบความปลอดภัยป้องกันก่อนเกิดอุบัติเหตุ เช่น ABS EBD ESC TCS HSA HDC และกล้องมองภาพด้านหลังขณะถอยจอดแบบ BUILT-IN แจ้งเตือนจุดอับสายตา พร้อมเส้นกะระยะ LANE GUIDE
GWM TANK 500 DIESEL มาพร้อม 3 รุ่นย่อย ได้แก่ 2.4T PRO ราคา 1,399,000 บาท 2.4T ULTRA ราคา 1,499,000 บาท และ 2.4T ULTRA 4WD ราคา 1,599,000 บาท เป็นเอสยูวียุคใหม่ มีความครบครัน และเมื่อเทียบกับราคาดีเซลเจ้าตลาดอย่าง
FORD EVEREST 2.0L BI-TURBO TITANIUM+ 4x4 10AT ที่ 1,917,000 บาท ISUZU MU-X 4x4 3.0 RS A/T ที่ 1,759,000 บาท TOYOTA FORTUNER 2.4 LEADER V 4WD ที่ 1,600,000 บาท
GWM TANK 500 DIESEL พร้อมสีภายนอก 3 สี ได้แก่ สีขาว, สีดำ, สีเทา และสีพิเศษ BLACK WARRIOR ในรุ่น 2.4T ULTRA และ 2.4T ULTRA 4WD รับประกันเครื่อง 1 ล้านกิโลเมตร




