ชีวิตอิสระ
โตโยตา ไฮลักซ์ รีโว คาราวาน ทริพ มหัศจรรย์สุวรรณภูมิ
4 WHEELS เข้าร่วมคาราวาน "โตโยตา ไฮลักซ์ รีโว คาราวาน ทริพ...ผู้นำทุกเส้นทาง บนเส้นทางมหัศจรรย์สุวรรณภูมิ" ท่อง 4 ประเทศรับ AEC ไทย-ลาว-เวียดนาม-กัมพูชา ระยะทางกว่า 3,395 กม.เส้นทางมีทั้งทางเรียบ ทางฝุ่น ทางขึ้นเขา ขวาเหวลึกใช้เวลานานถึง 10 วัน (7-16 มกราคม ที่ผ่านมา) ได้ชมสถานที่ท่องเที่ยว ความสวยงามระหว่างทาง และสิ่งมหัศจรรย์ของโลก วันแรก จิม ทอมพ์สัน-ปราสาทหินพนมรุ้ง ระยะทาง 544 กม. คาราวาน ฯ เริ่มสตาร์ทที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร มีรถทั้งสิ้น 19 คัน พร้อมรถเซอร์วิศ 1 คัน หลังตีธงปล่อยขบวน เรามุ่งหน้าสู่ จิม ทอมพ์สัน ฟาร์ม แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่เปิดให้ชมเพียงปีละ 1 ครั้ง บนเนื้อที่ 600 ไร่ เชิงเขาพญาปราบ อ. ปักธงชัย จ. นครราชสีมา ที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้เกษตรเชิงวัฒนธรรม ที่มุ่งสืบสานภูมิปัญญาเพื่อเป็นวิถีทางสำหรับคนรุ่นหลังได้นำไปใช้ในการดำเนินชีวิต โดยมีการสาธิตการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม และการทอผ้าไหมซึ่งเป็นสินค้าขึ้นชื่อ รวมถึงเที่ยวชมแปลงผักและดอกไม้นานาพันธุ์ นอกจากนี้ยังนำสถาปัตยกรรมไทยอีสานมาแสดงในรูปแบบ “บ้านอีสาน” อาทิ บ้านโคราช บ้านภูไท และเรือนเหย้า โดยจำลองวิถีชีวิต วัฒธรรมประเพณี มารวมไว้ในเนื้อที่กว่า 10 ไร่ จากนั้นเดินทางสู่ จ. บุรีรัมย์ ชมปราสาทหินพนมรุ้ง สถาปัตยกรรมขอมที่สวยงาม พร้อมชมการแสดงต้อนรับ พนมรุ้งเทวาลัย ยามอาทิตย์อัสดง มื้อเย็นเราได้แวะกินขาหมู นางรอง อาหารขึ้นชื่อของบุรีรัมย์ ก่อนจะเข้าที่พัก ณ โรงแรมพนมรุ้งปุรี ปราสาทหินพนมรุ้ง ชื่อ “พนมรุ้ง” มาจากภาษาเขมรว่า “วนรุง” แปลว่า ภูเขาอันกว้างใหญ่ โดยคำนี้ปรากฏในศิลาจารึกอักษรขอมพบที่ปราสาทพนมรุ้ง และยังปรากฏชื่อผู้สร้างปราสาท คือ “นเรนทราทิพย์” เชื้อสายราชวงศ์มหิธรปุระ เกี่ยวข้องเป็นพระญาติกับพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ผู้สร้างปราสาทนครวัด ปราสาทหินพนมรุ้ง ตั้งอยู่บนยอดเขาพนมรุ้ง เป็นภูเขาไฟที่ดับสนิท เป็นโบราณสถานศิลปะลพบุรี ที่มีความงดงาม และสำคัญมากแห่งหนึ่งในไทย ศาสนสถานแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่องค์พระศิวะ เทพเจ้าสูงสุดในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกายเขาพนมรุ้ง และปราสาทบนยอดเขาจึงเปรียบเสมือนเขาไกรลาสที่เป็นที่ประทับของพระศิวะ วันที่ 2 บุรีรัมย์-สุรินทร์-อุทยานแห่งชาติผาแต้ม ระยะทาง 405 กม. คาราวานออกเดินทางไปอุบลราชธานี ระหว่างทางแวะสนามช้างอินเตอร์เนชันแนลเซอร์กิท (CIC) ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 1,200 ไร่ มีระยะทางต่อรอบ 4.554 กม. ทิศทางการวิ่งแบบตามเข็มนาฬิกา ประกอบด้วยจำนวนโค้งทั้งสิ้น 12 โค้งขวา 7 โค้ง และซ้าย 5 โค้ง สามารถจุผู้ชมได้สูงสุดถึง 50,000 คน เราใช้เวลาที่นี่ไม่นานนัก เพราะต้องเดินทางกันอีกยาว จาก จ. บุรีรัมย์ ถึง จ. สุรินทร์ ชม ”หมู่บ้านช้าง” หรือ “ศูนย์คชสาร” ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านตากลาง อ. ท่าตูม ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ชาวบ้านตากลางจะเลี้ยงดูช้างเสมือนเป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัว ดั้งเดิมชาวบ้านตากลางเป็นชาวส่วย หรือกูย ชำนาญในการคล้องช้างป่า และฝึกหัดช้าง ส่วนใหญ่จะต้องเดินทางไปคล้องช้างบริเวณรอยต่อชายแดนกัมพูชา แต่ด้วยสภาวะการเมืองระหว่างประเทศทำให้ชาวบ้านไม่สามารถดำเนินวิถีชีวิตอย่างเช่นเคย จึงเปิดศูนย์ฝึกช้างเพื่อแสดงให้นักท่องเที่ยวชม รวมถึงสร้าง “สุสานช้าง” ขนาดใหญ่บนเนื้อที่หลายไร่บริเวณปากทางเข้าหมู่บ้าน หลังจากนั้น เรามุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติผาแต้ม อ. โขงเจียม จ. อุบลราชธานี ด้วยสมรรถนะของ ไฮลักซ์ รีโว ซึ่งเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อ เครื่องยนต์ดีเซล รหัส 1GD-FTV แบบ 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว DOHC ติดตั้งเทอร์โบชาร์เจอร์แบบแปรผัน และอินเตอร์คูเลอร์ 2.8 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 177 แรงม้า ที่ 3,400 รตน. ทำให้ผ่านเส้นทางที่มีความลาดชันและเป็นถนนลูกรังบางส่วน ไปได้สบายๆ คืนนี้เราพักที่ โรงแรมทอแสง โขงเจียม ก่อนจะเดินทางข้ามไปประเทศเพื่อนบ้าน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในวันรุ่งขึ้น อุทยานแห่งชาติผาแต้ม เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 74 ของไทย เป็นอุทยาน ฯ ที่มีแม่น้ำโขงเป็นเส้นกั้นพรมแดนระหว่างไทยและลาวเป็นแนวเขต เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวชอบ เพราะสามารถชมวิวทิวทัศน์ได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า และชมพระอาทิตย์ตกยามเย็น บรรยากาศโดยรอบเป็นลานกว้างบนหน้าผาสูง มีมุมมองแบบรอบทิศทาง สามารถเห็นวิวทางฝั่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวได้อย่างชัดเจน รวมทั้งยังมี ภาพเขียนสีโบราณยุคก่อนประวัติศาสตร์ อายุราว 3,000-4,000 ปี ที่แสดงให้เห็นร่องรอยของมนุษยชาติเมื่อครั้งอดีตกาล และเสาเฉลียงซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของผาแต้ม วันที่ 3 ช่องเม็ก-วัดภู-ปากเซ ระยะทาง 380 กม. คาราวานเดินทางสู่ช่องเม็ก ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองสู่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ที่แขวงจำปาสัก หรือลาวใต้ ปรับโหมดตัวเองสู่การขับรถเลนขวา เส้นทางเป็นดิน ยังไม่ลาดยาง ระยะทางเพียง 40 กม. แต่ใช้เวลาเดินทางกว่าครึ่งวัน เพราะทัศนวิสัยแย่มาก ฝุ่นตลบ ถนนเต็มไปด้วยหลุมบ่อ หัวสั่นหัวคลอนตลอดทาง ทั้งคนขับและคนนั่ง เราต้องรักษาระยะห่างกันพอสมควรเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ และด้วยสภาพทางที่สาหัสนี่เองทำให้จุดหมายเดิมที่วางไว้เปลี่ยนแปลง เรามาถึง ปราสาทหินวัดภู จากพโรแกรมเดิมที่จะได้เดินชมความสวยงามของปราสาทหินวัดภูด้านบน เหลือเพียงการแวะพักร่างและรถ หรือชื่นชมความงามของปราสาทเพียงด้านล่างเท่านั้น เรามุ่งสู่ โรงแรมแกรนด์ จำปาสัก สถานที่พักแรมของคาราวาน ฯ วันนี้ เพื่อรับประทานอาหารกลางวัน และประชุมปรับแผน หาสถานที่เที่ยวชมละแวกใกล้เคียง แทนจุดหมายเดิม คือ น้ำตกคอนพะเพ็ง เพื่อจะได้ไม่เหนื่อยจนเกินไป จากโรงแรมแกรนด์ จำปาสัก เรามุ่งหน้าสู่น้ำตกตาดผาส้วม ซึ่งห่างจากเมืองปากเซ ประมาณ 37 กม. โดยใช้เส้นทางปากเซ-แขวงสาละวัน ผาส้วม แปลว่า ผาที่เหมือนห้องนอน (ตาด-น้ำตก, ผา-หน้าผา, ส้วม-ห้องนอน) เป็นน้ำตกที่เกิดจากห้วยจำปีไหลผ่ากลางหมู่ผลึกหินบะซอลท์ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติหาชมยาก เส้นทางไปผาส้วมตามทางหลวงหมายเลข 21 บนเส้นทางปากเซ-สาละวัน เป็นถนนแบบ 2 เลน ทำให้ไม่สามารถทำความเร็วได้ แถมยังใช้ความระมัดระวัง เพราะเป็นเส้นทางขึ้น/ลงเขา ต้องเราใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. เศษๆ จึงถึงอุทยานแห่งชาติบ่าเจียง ซึ่งเป็นที่ตั้งของน้ำตกตาดผาส้วม ใกล้กับน้ำตกมีหมู่บ้านเล็กๆ ของชนเผ่าลาวเทิง มีการแสดงวิถีการใช้ชีวิต อาทิ การทอผ้า ร้องรำทำเพลง การละเล่นของเด็กๆ ที่ดูแล้วก็ไม่ต่างไปจากอีสานบ้านเราสักเท่าไร คืนนี้เรากลับถึงโรงแรมไม่มืด ทำให้มีเวลาพักผ่อนมากพอเมาท์มอยกันในหมู่เพื่อนๆ นักข่าวว่า “ถ้าไม่ตัดสินใจปรับเปลี่ยนแผน ไม่อยากคิดเลยว่าจะมาถึงกี่โมง เพราะจากโรงแรม ไปน้ำตกคอนพะเพ็ง ระยะทางกว่า 150 กม. แถมเป็นถนน 2 เลนสวยเสียด้วย” คิดตามว่า โชคดีจริงๆ ด้วย วันที่ 4 ปากเซ-อัตตะปือ-ยาลาย ระยะทาง 460 กม. เรายังคงใช้ทางหลวงหมายเลข 21 จุดหมาย คือ ”น้ำตกตาดฟาน” ระยะทางกว่า 100 กม. คาราวาน ฯ ได้สัมผัสกับเส้นทาง 2 อารมณ์ ทั้งสวยงามและอันตราย ไปพร้อมๆ กัน เพื่อนนักข่าวที่เป็นพลขับตัดสินใจปรับเปลี่ยนระบบเป็นแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เนื่องจากสภาพเส้นทางคดเคี้ยว และลาดชัน เพื่อทำให้การขับขี่สบายขึ้น ช่วยให้ผ่อนคลายความเครียดไปได้ น้ำตกตาดฟาน หรือน้ำตกดงหัวสาว เป็นสายน้ำ 2 สายไหลลงมาจากหน้าผาสูงกว่า 100 เมตร สายน้ำซ้ายมือชื่อ ห้วยผักกูด ส่วนทางขวามือเป็นสายน้ำที่มาจากอุทยานแห่งชาติห้วยดงสาว ลำน้ำทั้ง 2 สายไหลตกมารวมกันที่ด้านล่าง ซึ่งนักเดินทางสามารถเดินเท้าลงไปชมระยะทางเพียง 5 กม. หน้าทางเข้ามีร้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองของชาวบ้าน ชาวคณะได้มีโอกาสชิมกาแฟขี้ชะมด รสชาติและกลิ่นกาแฟยังคงหอมละมุนอยู่ในความทรงจำ จากน้ำตกตาดฟาน เรามุ่งหน้าเข้าสู่เมืองอัตตะปือ เพื่อรับประทานอาหารกลางวัน อาหารในดินแดนเพื่อนบ้าน ไม่เหมือนอาหารอีสานบ้านเราสักเท่าไร หลายเมนูที่ร้านรังสรรค์มาอย่างสุดฝีมือเป็นอาหารขึ้นชื่อของเขา แต่ก็ใช่ว่าจะถูกปากเราเสมอไป บางครั้งขอแค่ข้าวกับไข่เจียว หรือหมูทอดร้อนๆ ก็พอ ล้อเริ่มหมุนอีกครั้ง สู่พรมแดน ลาว-เวียดนาม เส้นทางปากเซที่ว่าอันตราย เทียบไม่ได้กับเส้นทางจากอัตตะปือมุ่งหน้าชายแดน ลาว-เวียดนาม ซึ่งอันตรายกว่ามาก บางจุดแคบ จนไม่คิดว่าจะมีรถใหญ่วิ่งผ่านได้ แต่เราก็เห็นรถบัสบรรทุกชาวบ้านเหมือนรถ บขส. บ้านเรา วิ่งสวนไปเป็นระยะ คิดกันเล่นๆ ว่า เขาไม่มีเส้นทางอื่นหรืออย่างไร รถใหญ่ถึงมาวิ่งกันบนเขาอย่างนี้ หรือทางนี้จะใกล้กว่า เราใช้เวลาเดินทางจากอัตตะปือ ประมาณ 3 ชม. เศษก็มาถึง "ด่านข้ามภูเกื่อ" เป็นจุดสิ้นสุดการเดินทางในประเทศที่สอง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว การเดินทาง 2 ประเทศระยะทางกว่า 1,800 กม. ไฮลักซ์ รีโว ทำได้ดีโดยตลอด ตอนหน้าจะเล่าถึงไฮไลท์ของการเดินทางครั้งนี้ นั่นคือ การขับรถบนทะเลทรายมุ่ยดิน ที่เวียดนาม และความสวยงามของหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก นครวัด นครธม ที่กัมพูชา ขอขอบคุณ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
ABOUT THE AUTHOR
ปาร์จารีย์ ทัศนชลีจิระโชติ
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิตนิตยสาร 417 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2559
คอลัมน์ Online : ชีวิตอิสระ(4wheels)