มหกรรมยานยนต์ต่างประเทศ
มหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ 2017
เช่นเดียวกับทุกๆ ปีในช่วงเวลา 1 ทศวรรษที่ผ่านมา ตารางการเดินทางไปทำข่าวมหกรรมยานยนต์ต่างประเทศของเรา เริ่มต้นด้วยงาน NAIAS (THE NORTH AMERICAN INTERNATIONAL AUTO SHOW) หรือ มหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ ซึ่งในระยะหลังๆ นี้ หากไม่มีเรื่องขัดข้องอะไรงานก็จะเปิดฉากในวันจันทร์ที่ 2 ของเดือนมกราคม และในปีไก่อ่อนสอนขันนี้ วันที่ว่า คือ วันที่ 9 มกราคม 2017เช่นเดียวกับเมื่อปีกลาย การเดินทางไปทำข่าวมหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ในปีนี้ เราผนวกงาน CES (CONSUMER ELECTRONIC SHOW) หรือ มหกรรมสินค้าอีเลคทรอนิคสำหรับผู้บริโภค ซึ่งมีขึ้นที่เมืองลาสเวกัส ในรัฐเนวาดา ในช่วงเวลา 4 วัน คือ ระหว่างวันพฤหัสบดีที่ 5 จนถึงวันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม 2017 ไว้ด้วย เนื่องจากงานนี้เป็นงานสำคัญเป็นงานใหญ่ และ 2-3 ปีหลังนี้มีสินค้ารถยนต์ร่วมอยู่ในงานด้วย การเดินทางครั้งนี้จึงใช้เวลาค่อนข้างยาวหน่อย คือ เราไม่ได้หลับไม่ได้นอนในเมืองไทยติดต่อกันถึง 9 คืน แต่ต้องนอนบ้างตื่นบ้างบนเครื่องบิน 2 คืน นอนที่โรงแรมบนแผ่นดินบาปของลาสเวกัส 3 คืน ที่โรงแรมริมแม่น้ำในเมืองดีทรอยท์ 3 คืน และที่โรงแรมริมมหาสมุทรในลอสแองเจลิสอีก 2 คืน เนื่องจากไทยกับสหรัฐอเมริกาอยู่กันคนละซีกโลก และเนื่องจากขณะนี้ไม่มีเที่ยวบินที่บินตรงดิ่งจากเมืองไทยไปเมืองมะกันและบินกลับ ไม่ว่าจะเป็นสายการบินไทย หรือสายการบินไหนๆ การเดินทางในปีนี้จึงไม่ผิดแผกอะไรกับเมื่อปีกลาย คือ เราต้องเปลี่ยนนกเหล็กหลายตัวก่อนจะบรรลุจุดหมายปลายทาง ขาไปเราเลือกใช้บริการของสายการบิน ANA (ALL NIPPON AIRWAYS) เริ่มจากขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิในตอนเช้าของวันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม เพื่อบินไปยังสนามบินนาริตะ (NARITA) ของญี่ปุ่น โดยใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง จากนั้นก็ต่อเครื่องของสายการบินเดียวกันนี้บินไปยังสนามบิน LAX ของนครลอสแองเจลิส โดยใช้เวลาบินยาวนานกว่า 12 ชั่วโมง แวะที่นี่ประมาณ 3 ชั่วโมงแล้วก็ใช้เวลาอีก 1 ชั่วโมงเศษใช้บริการในประเทศของสายการบิน UNITED AIRLINES เดินทางไปลาสเวกัสเพื่อจัดการกับงาน CES ที่กล่าวข้างต้น 3 วันหลังจากนั้น คือ ตอนสายของวันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม จึงเริ่มต้นการเดินทางอีกครั้งหนึ่ง คือ บินกับนกเหล็กของสายการบิน UNITED AIRLINES ไปที่เมืองเดนเวอร์ (DENVER) ในรัฐโคโลราโด โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วก็ใช้เวลาอีก 4 ชั่วโมงต่อเครื่องของสายการบินเดียวกันนี้บินไปยังเมืองดีทรอยท์ซึ่งอยู่ในรัฐมิชิแกน และถึงจุดหมายปลายทางตอนเย็นของวันเดียวกัน กล่าวโดยสรุป กว่าจะเดินทางไปถึงดีทรอยท์ซึ่งเป็นเป้าหมายหลัก ทีมงานของเราซึ่งมีอยู่รวม 3 ชีวิต ได้แก่ "คุณปิ๊ก" ชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ กับ "ป๋าพงษ์" ประพงษ์ ไม้เจริญ และ "น้าชู" ซึ่งก็คือ ตัวผู้รายงานเอง ต้องเดินขึ้นเครื่องและเดินลงจากเครื่องจนเบื่อไปตามๆ กันรวม 10 ครั้ง เที่ยวกลับดีขึ้นนิดหนึ่งเพราะลดจาก 10 ครั้งเป็น 8 ครั้ง คือ ใช้บริการในประเทศที่ไม่น่าประทับใจสักเท่าไร แต่ก็ไม่มีเรื่องให้ต้องบ่นอะไรของสายการบิน UNITED AIRLINES บินจากดีทรอยท์ไปยังนครชิคาโก ในรัฐอิลลินอยส์ แล้วต่อเครื่องของสายการบินเดียวกันนี้ไปยังสนามบิน LAX ของนครลอสแองเจลิส พักที่นี่ 2 คืน แล้วก็บินกับนกเหล็กของ ANA สวนทางเดิม คือ จากสนามบิน LAX ของลอสแองเจลิส ไปสนามบินนาริตะของญี่ปุ่น และต่อเครื่องอีกไฟลท์หนึ่งบินกลับมาสนามบินสุวรรณภูมิของเรา เป็นการเดินทางอันเยิ่นเย้อและยาวนานเพื่อจะพบว่า มหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ครั้งนี้ รสชาติค่อนข้างกร่อยด้วย 2 สาเหตุ สาเหตุแรก คือ การหายหน้าหายตาไปของผู้ผลิตรถยนต์รายสำคัญหลายราย เมื่อปีกลายเรารายงานไปแล้วว่า ไม่มีทั้ง แฟร์รารี (FERRARI) แอสตัน มาร์ทิน (ASTON MARTIN) แจกวาร์ (JAGUAR) และแลนด์ โรเวอร์ (LAND ROVER) ปีนี้ยิ่งหนักขึ้นอีก เพราะแม้แต่ โพร์เช (PORSCHE) ก็ยังไม่มี สาเหตุที่ 2 คือ ส่วนหนึ่งของบรรดารถใหม่ที่ปรากฏตัวในงานนี้ ล้วนอวดตัวที่งานมหกรรมยานยนต์ลอสแองเจลิส ซึ่งมีขึ้นเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนของปีลิงมาก่อนแล้วทั้งนั้น โดยเฉพาะรถใหม่สายพันธุ์อเมริกัน รถซึ่งเป็นจุดสนใจในงานนี้จึงเหลืออยู่ไม่กี่คัน มีรถอะไรกันบ้าง ? เชิญพลิกไปพบได้ใน 18 หน้าถัดจากนี้
CADILLAC ESCALA
เปิดรายงานข่าวมหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ ประจำปีไก่แก่แม่ปลาช่อน ด้วยผลงานของยอดผู้ผลิตรถหรูเมืองมะกันที่ประกอบกิจการมายาวนานถึง 114 ปี คือ แคดิลแลค เอสกาลา (CADILLAC ESCALA) ซึ่งปรากฏตัว "ครั้งแรกในโลก" ที่งานมหกรรม PEBBLE BEACH CONCOURS D'ELEGANCE ในรัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อกลางเดือนสิงหาคม 2016 และฉายซ้ำสองที่งานนี้ เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถเก๋งซีดานซึ่งประตูบานท้ายเปิดได้เหมือนรถลิฟท์แบค ตัวถังขนาด 5.347x1.948x1.455 ม. มีหน้าตาและรูปทรงองค์เอวที่ออกแบบได้เยี่ยมยอด เห็นแล้วไม่อยากเชื่อว่าเป็นรถสายเลือดอเมริกันพันธุ์แท้ ที่ทำได้เยี่ยมเช่นกัน คือ ขุมพลังขับเคลื่อนซึ่งเป็นเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบเบนซิน วี 8 สูบ ความจุ 4.2 ลิตร ออกแบบพัฒนาโดยเน้นความประหยัด เพราะในบางกรณีจะทำงานเพียง 4 สูบ ส่วนชื่อ ESCALA เป็นภาษาสเปน มีความหมายตรงกับ SCALE ในภาษาอังกฤษGMC TERRAIN
หนึ่งในบรรดารถตลาดสายพันธุ์อเมริกันเพียงไม่กี่แบบซึ่งใช้งานนี้เป็นที่เปิดตัว คือ จีเอมซี เทอร์เรน (GMC TERRAIN) รุ่นใหม่ (รุ่นที่ 2) ซึ่งในฤดูร้อนของปีไก่ฟ้าพญาลอนี้จะเริ่มออกโชว์รูมแทนที่รถรุ่นแรกซึ่งออกตลาดเมื่อปี 2009 และขายในทวีปอเมริกาเหนือไปแล้วมากกว่า 700,000 คัน รถรุ่นใหม่นี้มีขนาดตัวถัง 4.652x1.843x1.661 ม. คือ เล็กกว่ารถรุ่นเดิมเล็กน้อยในทุกมิติ แบ่งการตกแต่งและอุปกรณ์เป็น 4 ระดับ กำกับด้วยรหัส SL SLE SLT DENALI มีทั้งแบบขับล้อหน้า ขับทุกล้อ และมีเครื่องยนต์ให้เลือกรวม 3 ขนาด คือ เครื่องเทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC 4 สูบเรียง 1.5 ลิตร 127 กิโลวัตต์/170 แรงม้า และ 2.0 ลิตร 188 กิโลวัตต์/252 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ กับเครื่องเทอร์โบดีเซลฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC 4 สูบเรียง 1.6 ลิตร 102 กิโลวัตต์/137 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะCHEVROLET EQUINOX
เปิดตัวเมื่อเดือนกันยายนของปีลิงได้แก้ว และฉายซ้ำที่งานนี้ คือ เชฟโรเลต์ อีควินอกซ์ (CHEVROLET EQUINOX) รถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดกะทัดรัดซึ่งเป็นคู่แฝดต่างฝากับรถ จีเอมซี เทอร์เรน (GMC TERRAIN) ที่เพิ่งผ่านตาไป เป็นรถรุ่นใหม่อย่างที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า ALL-NEW มีกำหนดออกตลาดภายในไตรมาสแรกของปีไก่ได้พลอย ในตัวถังขนาด 4.652x1.843x1.661 ม. คือ ไม่สั้นไม่ยาวกว่ารถรุ่นเดิมซึ่งเป็นรุ่นที่ 2 สักเท่าไร แต่น้ำหนักตัวกลับลดลงถึง 180 กก. และก็เช่นเดียวกับรถคู่แฝดรุ่นใหม่นี้ จะมีทั้งแบบขับล้อหน้า ขับทุกล้อ และมีเครื่องยนต์ให้เลือกรวม 3 ขนาด คือ เครื่องเทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง 1.5 ลิตร 127 กิโลวัตต์/170 แรงม้า และ 2.0 ลิตร 188 กิโลวัตต์/252 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ กับเครื่องเทอร์โบดีเซลฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง 1.6 ลิตร 102 กิโลวัตต์/137 แรงม้าCHEVROLET TRAVERSE
รถอเมริกันพันธุ์แท้อีกแบบหนึ่งซึ่งปรากฏตัวแบบ WORLD PREMIERE หรือ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ คือ เชฟโรเลต์ ทราเวอร์ส (CHEVROLET TRAVERSE) รถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดโตเต็มพิกัด ติดตั้งเก้าอี้ที่นั่ง 3 แถว นั่งได้รวม 7 หรือ 8 คน (2+2+3 หรือ 2+3+3) ซึ่งต้องรอจนกว่าจะถึงฤดูใบไม้ร่วงของปีไก่เอ๋ยไก่แจ้นี่แหละจึงจะเริ่มการจำหน่ายในเมืองมะกัน ตัวถังขนาด 5.189x1.996x1.795 ม. มีทั้งแบบขับล้อหน้า ขับทุกล้อ และมีเครื่องยนต์ให้เลือกเพียง 2 ขนาด คือ เครื่องเทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC 4 สูบเรียง 1,998 ซีซี ซึ่งคาดว่าจะให้กำลังสูงสุด 190 กิโลวัตต์/255 แรงม้า กับเครื่องเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 6 สูบ 3,649 ซีซี ซึ่งคาดว่าจะให้กำลังสูงสุด 227 กิโลวัตต์/305 แรงม้า ส่วนระบบเกียร์เลือกไม่ได้เพราะมีแบบเดียว คือ เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ เป็นรถที่ผู้ผลิตกล่าวอ้างว่าผู้โดยสารบนเก้าอี้ที่นั่งแถว 3 มีพื้นที่วางแข้งวางขาเหลือเฟือมาก [table]FORD GT
DESIGN, TECHNOLOGY, ENVIRONMENT, [/table] จุดโฟคัสสายตาในบูธอันกว้างขวางของยักษ์รองเมืองมะกัน คือ รถสปอร์ทประตูปีกนกติดป้ายชื่อ ฟอร์ด จีที (FORD GT) ซึ่งเปิดตัวในงานเดียวกันนี้เมื่อต้นปี 2015 แต่เพิ่งเริ่มการผลิตเมื่อไตรมาสสุดท้ายของปีลิงถือลูกท้อ โดยตั้งเป้าหมายการผลิตไว้ที่ระดับ 250 คัน/ปี และใช้โรงงานที่ตั้งอยู่ในจังหวัดออนทาริโอของแคนาดาเป็นที่ผลิต เป็นรถสปอร์ทซูเพอร์คาร์ 2 ที่นั่งซึ่งมีตัวถังที่เบามาก เพราะชิ้นส่วนตัวถังล้วนทำจากวัสดุมวลเบาแต่แข็งแรง คือ อลูมิเนียมและคาร์บอนไฟเบอร์ แม้แต่โครงสร้างห้องโดยสารที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า PASSENGER CELL ก็ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ ส่วนขุมพลังขับเคลื่อนเป็นเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง วี 6 สูบ 3.5 ลิตร วางเครื่องกลางลำ ซึ่งค่าย ฟอร์ด ยืนยันว่าเป็นเครื่อง ECOBOOST ที่ทรงพลังที่สุดที่เคยผลิต เพราะคาดหมายว่าจะให้กำลังสูงสุดที่สูงกว่า 600 แรงม้านั่นเทียว กำลังที่ว่านี้ส่งทอดสู่ล้อคู่หลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 จังหวะFORD FUSION HYBRID AUTONOMOUS VEHICLE
ดึงดูดความสนใจจากผู้คนได้ดีดังคาด คือ ฟอร์ด ฟิวชัน ไฮบริด (FORD FUSION HYBRID) รถคันพิเศษที่ค่าย "วงรีสีฟ้า" ทำขึ้นเพื่ออวดผลงานการพัฒนา AUTONOMOUS VEHICLE ที่น่าจะเรียกเป็นภาษาไทยแบบไม่เป็นทางการได้ว่า "ยานยนต์ไม่ง้อผู้ขับ" เป็นยานยนต์ที่รังสรรค์ขึ้นจากส่วนประกอบสำคัญ 2 ส่วน คือ พแลทฟอร์มอย่างที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า AUTONOMOUS VEHICLE PLATFORM กับระบบขับแบบไม่มีผู้ขับก็เหมือนกับมี อย่างที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า VIRTUAL DRIVER SYSTEM ส่วนประกอบหลังนี้ ฟอร์ด ยืนยันว่าออกแบบเพื่อให้เป็นระบบที่สามารถมองเห็น สามารถรู้สึก สามารถคิด และสามารถทำได้อย่างที่มนุษย์ทำ แต่จะทำได้ดีกว่า ! รวมทั้งได้ตั้งเป้าหมายไว้ด้วยว่า จะเริ่มการผลิต "ยานยนต์ไม่ง้อผู้ขับ" นี้และนำออกจำหน่ายได้ภายในปี 2021 ที่น่าจับตามากก็คือ เมื่อยังก้าวไปไม่ถึงจุดนั้น ฟอร์ด ได้ประกาศไปแล้วว่า จะทุ่มเงินทุน 4,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อพัฒนารถไฟฟ้ารวม 13 แบบก่อนสิ้นปี 2020FORD F-150
เป็นรถขายดีที่สุดในเมืองมะกัน และเป็นรถอเมริกันพันธุ์แท้อีกรุ่นหนึ่งซึ่งใช้งานนี้เป็นที่เปิดตัว คือ ฟอร์ด เอฟ-150 (FORD F-150) รถพิคอัพยอดนิยมซึ่งไม่ใช่รถรุ่นใหม่แท้อย่างที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า ALL-NEW แต่เป็นรุ่นปัจจุบันที่เพิ่งได้รับการปรับปรุงแบบ FACELIFT หรือ "ยกหน้า" หลังจากออกตลาดมาแล้วประมาณ 3 ปี และฤดูใบไม้ผลิของปีไก่ย่างหนังกรอบนี้จะออกโชว์รูมในเมืองมะกันในฐานะรถรุ่นปีโมเดล 2018 โดยใช้โรงงานที่เมืองเดียร์บอร์น (DEARBORN) ในรัฐมิชิแกน และที่เมืองคเลย์โคโม (CLAYCOMO) ในรัฐมิสซูรี เป็นที่ผลิต รถรุ่นใหม่นี้จะมีเครื่องยนต์ให้เลือกถึง 3 ขนาด คือ เครื่องเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง วี 6 สูบ 3.3 ลิตร 210 กิโลวัตต์/282 แรงม้า เครื่องเทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง ECOBOOST 2.7 ลิตร และเครื่องเบนซิน วี 8 สูบ 5.0 ลิตร ส่วนระบบเกียร์มีแบบเดียว และเป็นครั้งแรกที่นำมาใช้ในรถพิคอัพยอดนิยมอนุกรมนี้ คือ เกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะDISNEY PIXAR CARS 3
เติมสีสันจัดจ้านให้แก่มหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ครั้งนี้ และเรียกยิ้มจากทุกผู้ทุกผู้คนที่ได้สัมผัส แม้เป็นรถที่วิ่งไม่ได้จริงๆ คือ รถจำลองขนาดโตเท่ารถจริง ที่ทำขึ้นตามแบบของรถการ์ตูนแอนิเมชัน ไลท์นิง แมคควีน (LIGHTNING McQUEEN) ซึ่งเป็นตัวนำในภาพยนต์แอนิเมชัน คาร์ส์ 3 (CARS) ที่กำลังถ่ายทำอยู่ในขณะนี้ พิกซา แอนิเมชัน สตูดิโอ (PIXAR ANIMATION STUDIO ซึ่งอยู่ในสังกัดของวอลท์ดิสนีย์ พิคเจอร์ส์ (WALT DISNEY PICTURES) ทำภาพยนตร์ชุดนี้มาแล้ว 2 เรื่อง คาร์ (CARS) ซึ่งเริ่มฉายเมื่อปี 2006 กวาดเงินไปได้มากกว่า 244 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คาร์ส์ 2 (CARS 2) ซึ่งตามมาในปี 2011 ทำรายได้ 191.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนล่าสุด คือ คาร์ส์ 3 (CARS 3) ซึ่งมีกำหนดลงโรงทั่วสหรัฐอเมริกาในวันศุกร์ที่ 16 มิถุนายน 2017 มี บไรอัน ฟี (BRIAN FEE) เป็นผู้กำกับการแสดง และมีพระเอกหนุ่ม โอเวน วิลสัน (OWEN WILSON) เป็นผู้ให้เสียงรถ ไลท์นิง แมคควีนLINCOLN NAVIGATOR CONCEPT
อวดตัว "ครั้งแรกในโลก" ที่งานมหกรรมยานยนต์ลอสแองเจลิส ครั้งล่าสุด ซึ่งมีขึ้นระหว่างวันที่ 18-27 พฤศจิกายน 2016 และฉายซ้ำ 2 ที่ดีทรอยท์ คือ ลินคอล์น เนวิเกเตอร์ คอนเซพท์ (LINCOLN NAVIGATOR CONCEPT) ซึ่งควรคู่กับตำแหน่งรถหวือหวาฟู่ฟ่าที่สุดในงานนี้ เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถกิจกรรมกลางแจ้งพันธุ์แท้ขนาดโตเต็มพิกัด และเป็นต้นแบบของรถตลาดที่ค่ายนี้จะนำออกสู่ตลาดในไม่นานจนเกินรอพร้อมกับป้ายชื่อ ลินคอล์น เนวิเกเตอร์ (LINCOLN NAVIGATOR) ที่คนรักรถในเมืองมะกันคุ้นเคยกันดี ตัวถังขนาดใหญ่โตมโหฬาร และดูโดดเด่นสะดุดใจด้วยประตูปีกนกที่เปิดได้จนจรดกึ่งกลางหลังคา ออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจจากเรือใบและเรือยอชท์ระดับหรู มีระบบจัดเก็บเสื้อผ้าที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า CUSTOM WARDROBE MANAGEMENT SYSTEM และระบบ PERFECT POSITION SEATS ที่ค่ายนี้จนทะเบียนสิทธิบัตรไว้แล้ว ซึ่งทำให้สามารถปรับลักษณะเก้าอี้ที่นั่งได้ถึง 30 แบบCHRYSLER PORTAL
ยักษ์เล็กเมืองมะกันไม่ยอมเป็นผู้ผลิตรถยนต์ตกยุค โดยใช้รถแนวคิดติดป้ายชื่อ ไครสเลอร์ พอร์ทัล (CHRYSLER PORTAL) เป็นนางกวักดึงดูดสื่อมวลชนและผู้ชมงานให้หลั่งไหลเข้าสู่บูธ เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถมีนีแวน หรือรถอเนกประสงค์ขนาด 4.696x2.033x1.706 ม. ติดตั้งประตูข้างที่เปิดเลื่อนแยกจากกันโดยไม่มีเสาค้ำยันกลาง ทำให้การขึ้น/ลงรถทำได้สะดวกมาก เพราะมีช่องประตูที่เปิดกว้างถึง 1 เมตรครึ่ง ภายในห้องโดยสารติดตั้งเก้าอี้ที่นั่งแบบตัวใครตัวมันจำนวน 3 แถว รวม 6 ตัว และทุกตัวสามารถเลื่อนหน้าถอยหลัง หรือยกออกเลยก็ยังได้ ที่น่าสนใจไม่แพ้ตัวถังและเป็นไปตามยุคตามสมัย คือ ระบบขับล้อหน้าด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 1 ชุด ทำงานร่วมกันกับแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน 100 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งชาร์จไฟเต็มหม้อแต่ละครั้งรถจะวิ่งได้ไกลกว่า 400 กม. และการชาร์จไฟแบบเร่งด่วนซึ่งรถจะวิ่งได้ไกลประมาณ 240 กม. ต้องการเวลาไม่ถึง 20 นาทีJEEP COMPASS
รถสายพันธุ์อเมริกันอีกแบบหนึ่งซึ่งเปิดตัว "ครั้งแรกในโลก" ที่งานมหกรรมยานยนต์ลอสแองเจลิส ครั้งล่าสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายนของปีลิงไต่ราว และฉายซ้ำ 2 ที่งานนี้ คือ รถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดกะทัดรัดติดป้ายชื่อ จีพ คอมพาสส์ (JEEP COMPASS) เป็นรถรุ่นใหม่ (รุ่นที่ 2) ซึ่งจะมีการผลิตทั้งในบราซิล เมกซิโก อินเดีย และสาธารณรัฐประชาชนจีน การจำหน่ายในตลาดแรก คือ บราซิล เริ่มต้นไปแล้วก่อนสิ้นปีลิงหลอกเจ้า แต่ในเมืองมะกันข่าวระบุว่าต้องรอปีไก่เห็นตีนงู ในเมืองแม่รถรุ่นนี้มีทั้งแบบขับล้อหน้า และขับทุกล้อ แบ่งการตกแต่ง/อุปกรณ์เป็น 4 ระดับ กำกับด้วยรหัส SPORT LATITUDE LIMITED TRAILHAWK แต่มีเครื่องยนต์ขนาดเดียว คือ เครื่องเบนซิน SOHC 4 สูบเรียง 2,360 ซีซี 134 กิโลวัตต์/180 แรงม้า ถ่ายทอดกำลังผ่านระบบเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรือเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ หรือเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ ค่าตัวคาดว่าจะเริ่มต้นที่ 21,500 เหรียญสหรัฐฯRINSPEED OASIS
ปรากฎตัวในเวลาใกล้เคียงกัน ทั้งที่งานมหกรรมยานยนต์สินค้าอีเลคทรอนิคเพื่อผู้บริโภคหรือ CES ในลาสเวกัส และที่งานนี้ คือ รินสปีด โอเอซิส (RINSPEED OASIS) ผลงานลำดับที่ 23 และเป็นผลงานชิ้นใหม่สุดของผู้ชำนัญการด้านรถแนวคิดของเมืองสวิสส์ เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถพลังไฟฟ้าซึ่งไม่ง้อผู้ขับเพราะวิ่งได้ด้วยตัวเอง ตัวถังขนาด 3.602x1.917x1.517 ม. ซึ่งเต็มไปด้วยพื้นที่กระจก มีห้องโดยสาร 2 ที่นั่ง ซึ่งเพียบไปด้วยสิ่งสารพันที่ทำให้การเดินทางไปกับรถคันนี้มีแต่ความรื่นรมย์ ตัวอย่างคือ เก้าอี้ที่นั่งมีที่เท้าแขน โทรทัศน์ พื้นที่สำหรับปลูกต้นไม้ขนาดเล็กๆ รวมทั้งบอนไซ ฯลฯ และที่ขาดไม่ได้เลย คือ ระบบสื่อสารเริงรมย์ที่สอดรับได้อย่างดีกับสังคมยุค "มนุษย์ก้มหน้า" ส่วนระบบขับด้วยพลังไฟฟ้าที่กล่าวข้างต้น ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 40 กิโลวัตต์ 2 ชุด ติดตั้งอยู่กับล้อคู่หลังในลักษณะ IN-WHEEL MOTORS เมื่อชาร์จไฟเต็มหม้อแต่ละครั้งรถจะวิ่งได้ไกล 100 กม. และทำความเร็วสูงสุด 130 กม./ชม. [table]MERCEDES-BENZ E-CLASS SEDAN
DESIGN, TECHNOLOGY, ENVIRONMENT, [/table] ค่าย "ดาวสามแฉก" ซึ่งในรอบปีลิงขายรถทั่วโลกได้มากกว่า 2 ล้านคัน นำผลงานใหม่ออกอวดในงานนี้เป็นกองทัพและครบทั้ง 4 บแรนด์ เนื่องจากเนื้อที่จำกัดจึงเลือกงานที่น่าสนใจมานำเสนอเพียง 5 ชิ้น เริ่มด้วย เมร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาสส์ คูเป (MERCEDES-BENZ E-CLASS COUPE) รุ่นใหม่ ซึ่งเปิดตัวผ่านสื่อต่างๆ เมื่อกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และรถตัวจริงเสียงไม่จริงเพิ่งปรากฏตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ อธิบายได้อย่างสั้นๆ ว่า เป็นรถเก๋งคูเปสุดหรูขนาดกลางที่มีขนาดตัวถังโตกว่ารถรุ่นเดิมในทุกมิติ มีรูปทรงองค์เอวที่ออกแบบได้ดี และเพียบไปด้วยเทคโนโลยีอันก้าวล้ำนำสมัย รวมทั้งระบบช่วยขับที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า SEMI-AUTONOMOUS DRIVING ในเมืองมะกันต้องรอจนถึงฤดูร้อนของปีไก่ย่างห้าดาวรถรุ่นใหม่นี้จึงจะเริ่มการจำหน่าย โดยที่ในระยะแรกจะมีแต่รถขับล้อหลัง และมีเครื่องยนต์ให้เลือกรวม 4 ขนาด เป็นเครื่องเบนซิน 3 ขนาด กับเครื่องดีเซล 1 ขนาดMERCEDES-AMG GT S
ออกตลาดยังไม่ครบ 2 ปี ค่าย "ดาวสามแฉก" ก็สร้างความประหลาดใจโดยจัดการปรับปรุงรถสปอร์ท เมร์เซเดส-เอเอมจี จีที (MERCEDES-AMG GT) และ เมร์เซเดส-เอเอมจี จีที เอส (MERCEDES-AMG GT S) แบบ FACELIFT หรือ "ยกหน้า" เป็นครั้งแรก แล้วนำตัวจริงเสียงไม่จริงของรถรุ่นใหม่นี้ออกอวดตัวเป็นครั้งแรกที่ดีทรอยท์ ในส่วนของตัวถังภายนอกการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดแม้เมื่อมองเพียงแวบแรก คือ แผงกระจังหน้า AMG PANAMERICANA GRILLE ที่ออกแบบขึ้นใหม่และใช้ในรถอนุกรมนี้ทุกโมเดล ส่วนการเปลี่ยนแปลงที่มองไม่เห็นด้วย 2 ตามีอยู่หลายจุด จุดสำคัญที่สุด คือ การปรับแต่งเครื่องไบเทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 8 สูบ 3,982 ซีซี บลอคเดิม จนกำลังสูงสุดเพิ่มจาก 462 เป็น 476 แรงม้า คือ เพิ่มขึ้น 10 กิโลวัตต์/14 แรงม้า ในกรณีของรถ จีที และเพิ่มจาก 510 เป็น 522 แรงม้า หรือเพิ่มขึ้น 9 กิโลวัตต์/12 แรงม้า ในกรณีของรถ จีที เอสMERCEDES-AMG GT C EDITION 50
ปรากฏตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้เช่นกัน คือ รถสปอร์ท เมร์เซเดส-เอเอมจี จีที ซี (MERCEDES-AMG GT C) ซึ่งเป็นรถคูเปที่พัฒนามาอีกทอดหนึ่งจากรถสปอร์ทเปิดประทุน เมร์เซเดส-เอเอมจี จีที ซี โรดสเตอร์ (MERCEDES-AMG GT C ROADSTER) ซึ่งเปิดตัวเมื่อเดือนกันยายน 2016 เฉพาะคันที่เห็นในภาพเป็นรถโมเดลพิเศษ ที่ทำขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวาระที่สำนัก AMG ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบการออกแบบ/พัฒนารถแรงของค่าย "ดาวสามแฉก" มีอายุครบ 50 ปีในปีไก่สามอย่างนี้ รถโมเดลนี้จะมีสีตัวถังให้เลือกเพียง 2 สี คือ สีเทา DESIGNO GRAPHITE GREY MAGNO กับสีขาว DESIGNO CASHMERE WHITE MAGNO ส่วนเครื่องยนต์กลไกไม่มีอะไรต่างจากรถรุ่นสามัญ คือเป็นรถขับล้อหลังด้วยพลังของเครื่องไบเทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 8 สูบ 3,982 ซีซี 557 แรงม้า ถ่ายทอดกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 จังหวะ ความเร็วสูงสุด 317 กม./ชม.MERCEDES-AMG GLA 45 4MATIC
รถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดกะทัดรัด เมร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลเอ (MERCEDES-BENZ GLA) คือ รถใหม่อีกอนุกรมหนึ่งที่ยอดผู้ผลิตรถหรูของเมืองเบียร์เพิ่งจัดการปรับปรุงแบบ "ยกหน้า" แล้วนำรถตัวจริงเสียงไม่จริงออกอวดตัว "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดมากมายหลายจุด รวมทั้งเพิ่มเครื่องยนต์ให้เลือกใช้ได้มากชึ้น ในเมืองมะกันต้องรอจนถึงฤดูร้อนของปี 2017 รถรุ่นใหม่นี้จึงจะออกโชว์รูมโดยมีรถให้เลือก 3 โมเดล คือ MERCEDES-BENZ GLA 250 ซึ่งเป็นรถขับล้อหน้า และ MERCEDES-BENZ GLA 250 4MATIC กับ MERCEDES-AMG GLA 45 4MATIC ซึ่งเป็นรถขับทุกล้อ โมเดลหลังสุด คือ คันที่เห็นในภาพ ติดตั้งเครื่องเทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC 4 สูบเรียง 1,991 ซีซี 375 แรงม้า ถ่ายทอดกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 จังหวะ อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ทำได้ใน 4.3 วินาที ความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม.MERCEDES-MAYBACH S 650 CABRIOLET
ผลงานชิ้นสุดท้ายของค่าย "ดาวสามแฉก" ที่เลือกมานำเสนอในรายงานนี้ คือ เมร์เซเดส-มายบัค เอส 650 กาบริโอเลต์ (MERCEDES-MAYBACH S 650 CABRIOLET) เป็นรถเปิดประทุนเพียงแบบเดียวของค่ายนี้ที่ติดยี่ห้อ เมร์เซเดส-มายบัค (MERCEDES-MAYBACH) และเป็นรถใหม่อีกแบบหนึ่งซึ่งอวดตัว "ครั้งแรกในโลก" ที่งานมหกรรมยานยนต์ลอสแองเจลิส ครั้งล่าสุด เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2016 ก่อนการฉายซ้ำ 2 ที่ดีทรอยท์ รถซึ่งจะจำกัดจำนวนผลิตไว้เพียง 300 คันโมเดลนี้ ติดตั้งเครื่องยนต์ไบเทอร์โบเบนซิน SOHC วี 12 สูบ 5,980 ซีซี 463 กิโลวัตต์/630 แรงม้า ถ่ายทอดกำลังสู่ล้อคู่หลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 7G-TRONIC อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 4.1 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม. ในสหรัฐอเมริกาซึ่งได้โควทาการจำหน่ายเพียง 75 คัน รถเปิดประทุนโมเดลนี้กำหนดค่าตัวไว้ที่ 323,00 เหรียญ หรือเท่ากับประมาณ 11.6 ล้านบาทไทย [table]BMW 5-SERIES SEDAN
DESIGN, TECHNOLOGY, ENVIRONMENT, [/table] รถหรูสายพันธุ์เยอรมันอีกแบบหนึ่งที่เปิดตัวก่อนสิ้นปีลิงไต่ราว แต่ผู้คนเพิ่งมีโอกาสได้สัมผัสตัวจริงเสียงไม่จริงเป็นครั้งแรกที่งานนี้ คือ รถซีดานขนาดกลางติดป้ายชื่อ บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-5 ซีดาน (BMW 5-SERIES SEDAN) เป็นรถรุ่นใหม่แท้ (รุ่นที่ 7) ที่มีขนาดตัวถังโตกว่ารถรุ่นเดิมเล็กน้อยในทุกมิติ แต่น้ำหนักตัวกลับเบาลงประมาณ 60 กก. เนื่องจากชิ้นส่วนตัวถังหลายชิ้นทำจากโลหะมวลเบาอย่างแมกนีเซียม และอลูมิเนียม ส่วนค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศซึ่งบ่งบอกความลื่นลมก็ทำได้เยี่ยมมาก รถบางโมเดลมีค่าต่ำเพียง 0.22 เท่านั้นเอง มีกำหนดออกจำหน่ายทั่วโลกในเดือนกุมภาพันธ์ของปีไก่นาตาฟาง และในระยะแรกจะมีแต่รถเบนซิน และรถดีเซล คือ BMW 530I/530I XDRIVE-BMW 540I/540I XDRIVE-BMW 520D/520D XDRIVE-BMW 530D/530D XDRIVE ส่วนรถแรง BMW M550I XDRIVE และรถไฮบริดชนิดเสียบปลั๊ก BMW 530E IPERFORMANCE จะตามมาภายหลังAUDI S5 CABRIOLET
ค่าย "สี่ห่วง" ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากแก่งานนี้ โดยนำผลงานใหม่เอี่ยมแกะกล่องออกอวดตัวในงานนี้หลายชิ้น ชิ้นแรกที่เลือกมาให้ชมกัน คือ รถหรูรถแรงขนาดกะทัดรัด เอาดี เอส 5 กาบริโอเลต์ (AUDI S5 CABRIOLET) รุ่นใหม่ (รุ่นที่ 2) ซึ่งปรากฏตัว "ครั้งแรกในโลก" ที่งานมหกรรมยานยนต์ลอสแองเจลิส เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2016 และฉายซ้ำรอบ 2 ที่งานนี้ นับเป็นรถเปิดประทุน 4 ที่นั่งขนาดโตที่สุด เร็วที่สุด และร้อนแรงที่สุดในสายการผลิตของค่ายนี้ ตัวถังขนาด 4.692x1.846x1.382 ม. ติดตั้งประทุนหลังคาแบบอ่อนเปิด/ปิดด้วยระบบอัตโนมัติ โดยใช้เวลาเพียง 15 วินาทีในการเปิด และเพิ่มเป็น 18 วินาทีในการปิด ขุมพลังเป็นเครื่องเทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 6 สูบ 2,995 ซีซี 260 กิโลวัตต์/354 แรงม้า ถ่ายทอดกำลังสู่ล้อคู่หน้าและคู่หลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ TIPTRONIC ค่าตัวในเยอรมนีเริ่มต้นที่ 67,800 ยูโร หรือประมาณ 2.58 ล้านบาทไทยAUDI SQ5
ผลงานใหม่เอี่ยมอีกชิ้นหนึ่งของค่าย "สี่ห่วง" ที่เลือกมาให้ชื่นชมกันในรายงานนี้ คือ เอาดี เอสคิว 5 (AUDI SQ5) รุ่นใหม่ (รุ่นที่ 2) ซึ่งปรากฏตัวแบบ WORLD PREMIERE หรือ "ครั้งแรกในโลก" พร้อมคำประกาศยืนยันว่า เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิของปีไก่แก่แม่ปลาช่อนนี้จะเริ่มการจำหน่ายในเมืองมะกัน ตัวถังขนาด 4.671x1.893x1.635 ม. ที่ออกแบบให้นั่งได้รวม 5 คนของรถโมเดลนี้ ติดตั้งเครื่องยนต์บลอคเดียวกันกับรถ เอาดี เอส 5 กาบริโอเลต์ (AUDI S5 CABRIOLET) ที่เพิ่งผ่านตาไป คือ เครื่องเทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 6 สูบ 2,995 ซีซี 260 กิโลวัตต์/354 แรงม้า ถ่ายทอดกำลังสู่ล้อคู่หน้าและคู่หลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ TIPTRONIC อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 5.4 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม. เริ่มจำหน่ายแล้วในเมืองแม่ โดยติดป้ายค่าตัวเริ่มต้นที่ 64,900 ยูโร หรือประมาณ 2.47 ล้านบาทไทยAUDI Q8 CONCEPT
ผลงานอีกชิ้นหนึ่งของค่าย "สี่ห่วง" ซึ่งปรากฏตัว WORLD PREMIERE หรือ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ คือ เอาดี คิว 8 คอนเซพท์ (AUDI Q8 CONCEPT) ซึ่งหน้าตาดูเหมือนรถที่กำลังจะออกโชว์รูมแต่ที่จริงยังติดป้ายว่าเป็นรถแนวคิด เป็นต้นแบบของรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดโตเต็มพิกัดที่ค่าย "สี่ห่วง" ยืนยันในงานนี้ว่า เมื่อถึงปี 2018 จะนำออกสู่ตลาดพร้อมกับป้ายชื่อ เอาดี คิว 8 (AUDI Q8) ตัวถังขนาด 5.02x2.04x1.70 ม. ที่ออกแบบให้นั่งกันอย่างสบายๆ เพียง 4 คน และมีห้องเก็บของท้ายรถที่จุถึง 630 ลิตร ติดตั้งระบบขับทุกล้อแบบไฮบริดชนิดต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ ซึ่งใช้เครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง วี 6 สูบ 3.0 ลิตร 245 กิโลวัตต์/333 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า 100 กิโลวัตต์/136 แรงม้า แบทเตอรีลิเธียม-ไอออน 17.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง และเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ TIPTRONIC ได้กำลังสุทธิสูงสุด 330 กิโลวัตต์/449 แรงม้าVOLKSWAGEN ID BUZZ
ยักษ์ใหญ่ของเมืองเบียร์ซึ่งกำลังหน้ามืดตาหม่นกับการจ่ายค่าปรับจำนวนมหาศาล เพราะการบิดเบือนตัวเลขคาร์บอนไดออกไซด์ นำผลงานใหม่เอี่ยมออกอวดตัวในงานนี้หลายคัน คันที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนได้มากที่สุด คือ โฟล์คสวาเกน ไอดี บัซซ์ (VOLKSWAGEN ID BUZZ) รถหน้าตาย้อนยุคซึ่งปรากฏตัว "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถตู้อเนกประสงค์ขนาด 8 ที่นั่ง ขับเคลื่อนทุกล้อด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ไม่มีการติดตั้งเครื่องยนต์ใดๆ ตัวถังขนาด 4.941x1.977x1.963 ม. ซึ่งมีห้องเก็บของทั้งที่หน้าและที่ท้ายรถ ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด คือขนาด 150 กิโลวัตต์/204แรงม้า กับขนาด 200 กิโลวัตต์/272 แรงม้า และติดตั้งแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน 111 กิโลวัตต์ชั่วโมงไว้ที่พื้นรถ ได้กำลังสุทธิสูงสุด 275 กิโลวัตต์/374 แรงม้า มีพิสัยเดินทาง 450-600 กม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ทำได้ใน 5.3 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 160 กม./ชม.VOLKSWAGEN ATLAS
เปิดตัว "ครั้งแรกในโลก" ที่ชายหาดซานตาโมนิกาในรัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อปลายเดือนตุลาคมปีลิงหลอกเจ้า และเพิ่งออกงานเป็นครั้งแรกที่ดีทรอยท์ คือ รถตลาดติดป้ายชื่อ โฟล์คสวาเกน แอทลาส (VOLKSWAGEN ATLAS) ซึ่งเป็นรถสายพันธุ์เยอรมันที่ผลิตในเมืองมะกัน เป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดโตเต็มพิกัดที่ออกแบบ/พัฒนาโดยมีตลาดอเมริกาเหนือ ตลาดรัสเซีย และตลาดตะวันออกกลาง เป็นเป้าหมายหลัก ตัวถังขนาด 5.037x1.979x1.768 ม. ซึ่งติดตั้งเก้าอี้ที่นั่ง 3 แถว นั่งได้รวม 7 คน มีทั้งแบบขับล้อหน้า และขับทุกล้อ และมีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 ขนาด คือ เครื่องเทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC 4 สูบเรียง 2.0 ลิตร 175 กิโลวัตต์/238 แรงม้า กับเครื่องเบนซิน DOHC วี 6 สูบ 3.6 ลิตร 206 กิโลวัตต์/280 แรงม้า ส่วนระบบเกียร์เลือกไม่ได้เพราะมีแบบเดียว คือ เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ในเมืองมะกันผู้อยากเป็นเจ้าของรถแบบนี้ต้องอดใจรอจนถึงฤดูใบไม้ผลิของปีไก่VOLKSWAGEN TIGUAN ALLSPACE
ผลงานใหม่อีกชิ้นหนึ่งของยักษ์ใหญ่เมืองเบียร์ที่เลือกมาให้ชมกัน คือ โฟล์คสวาเกน ทีกวน ออลล์สเปศ (VOLKSWAGEN TIGUAN ALLSPACE) ซึ่งเป็นรถตลาดอีกแบบหนึ่งซึ่งปรากฏตัวแบบ WORLD PREMIERE หรือ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ เป็นรถที่มีทวีปอเมริกาเหนือเป็นตลาดเป้าหมาย และไม่ใช่รถที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งคัน แต่พัฒนามาอีกทอดหนึ่งจากรถที่มีขายอยู่แล้วขณะนี้ในเมืองเบียร์พร้อมกับป้ายชื่อ โฟล์คสวาเกน ทีกวน (VOLKSWAGEN TIGUAN) การพัฒนาที่ว่านี้ไม่มีอะไรสลับซับซ้อนหรือซ่อนเงื่อน จุดหลัก คือ การยืดช่วงฐานล้อให้ยาวขึ้น 11.0 ซม. เป็น 2.791 ม. เพิ่มความยาวตัวถัง 21.5 ซม. เป็น 4.704 ม. รวมทั้งเพิ่มเก้าอี้ที่นั่งอีก 2 ตัวหากผู้ซื้อต้องการ ซึ่งผลลัพธ์ก็คือ รถ 5 ที่นั่งจะเปลี่ยนสภาพเป็นรถ 5+2 ที่นั่ง ในยุโรป รวมทั้งในเยอรมนี รถแบบใหม่นี้จะเริ่มออกโชว์รูมในช่วงครึ่งหลังของปี 2018 พร้อมกับป้ายราคาซึ่งเริ่มต้นที่ระดับ 30,000 ยูโร หรือประมาณ 1.14 ล้านบาทไทยALFA ROMEO STELVIO
เป็นรถใหม่อีกแบบหนึ่งซึ่งอวดตัว "ครั้งแรกในโลก" ที่งานมหกรรมยานยนต์ลอสแองเจลิส เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่เพิ่งผ่านพ้นไป คือ อัลฟา โรเมโอ สเตลวีโอ (ALFA ROMEO STELVIO) รถกิจกรรมกลางแจ้งแบบแรกในประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า 1 ศตวรรษของค่ายนี้ ออกแบบพัฒนาโดยทีมงานในเมืองมะกะโรนี และเปิดตัวในเมืองไก่ทอดยอดผู้พัน พร้อมคำโฆษณาว่า "เป็น เอสยูวี ที่วิ่งได้เร็วกว่ารถ เอสยูวี แบบใดในโลก" ที่กล้ายืนยันขนาดนี้ก็เนื่องจากโมเดลหัวกะทิของรถอนุกรมใหม่นี้ คือ ALFA ROMEO STELVIO QUADRIFOGLIO ซึ่งเป็นรถขับทุกล้อติดตั้งเครื่องยนต์ไบเทอร์โบเบนซิน DOHC วี 6 สูบ 2,891 ซีซี 375 กิโลวัตต์/510 แรงม้า ถ่ายทอดกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ที่กำลังจะออกจำหน่ายในเมืองมะกันในฐานะรถรุ่นปีโมเดล 2018 ใช้เวลาเพียง 3.9 วินาทีเท่านั้นเองในการทำอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ส่วนความเร็วสูงสุดก็สามารถทำได้สูงถึง 285 กม./ชม. นั่นเทียว [table]TOYOTA CAMRY
DESIGN, TECHNOLOGY, ENVIRONMENT, [/table] หนึ่งในบรรดารถตลาดสายเลือดซามูไรเพียงไม่กี่แบบที่เรียกความสนใจจากสื่อมวลชนและผู้ชมงานได้อย่างอีงคนึง คือ โตโยตา แคมรี (TOYOTA CAMRY) ซึ่งปรากฏตัว "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ เป็นรถรุ่นที่ 8 เป็นเวอร์ชันที่ออกแบบ/พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะสำหรับตลาดในทวีปอเมริกาเหนือ รวมทั้งใช้โรงงานที่ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกาเป็นที่ผลิตอีกต่างหาก มีกำหนดออกตลาดในฤดูร้อนของปี 2017 และในฐานะรถรุ่นปีโมเดล 2018 เพื่อสืบสานภารกิจของรถรุ่นก่อนๆ ซึ่งครองตำแหน่งรถยนต์นั่งขายดีที่สุดในเมืองมะกันติดต่อกันมายาวนานถึง 15 ปี (ปี 2016 ขายได้รวม 388,618 คัน) ตัวถังขนาด 4.880-4.895x1.840x1.445 ม. ที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด มีหน้าตาและรูปทรงองค์เอวที่ดูดีมากเมื่อมองในบางมุม และดูไม่ดีเอาเสียเลยในบางมุม อย่างไรก็ตามยักษ์ใหญ่เมืองยุ่นยืนยันว่าเป็นรถที่มีรูปลักษณ์เฉพาะตัว และเห็นความแตกต่างจากรถแบบอื่นๆ ได้อย่างชัดเจน แม้เมื่อมองจากระยะไกลถึง 200 เมตรMAZDA CX-5
มีรถใหม่ของยักษ์เล็กเมืองยุ่นอยู่รวม 3 คัน ที่ทีมงานของเรามีโอกาสสัมผัสตัวจริงเป็นครั้งแรกที่งานนี้ คันหนึ่ง คือ รถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดเล็กกะทัดรัด มาซดา ซีเอกซ์-5 (MAZDA CX-5) ซึ่งก็เป็นรถอีกแบบหนึ่งซึ่งอวดตัว "ครั้งแรกในโลก" ที่งานมหกรรมยานยนต์ลอสแองเจลิส เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2016 และฉายซ้ำรอบ 2 ที่งานนี้ เป็นรถรุ่นใหม่ (รุ่นที่ 2) ซึ่งเริ่มการผลิตในเมืองยุ่นไปเรียบร้อยแล้วหลังการเปิดตัวได้เพียง 2 สัปดาห์ ในเมืองมะกันรถรุ่นใหม่นี้มีกำหนดออกจำหน่ายในฐานะรถรุ่นปีโมเดล 2018 ตัวถังขนาด 4.550x1.840x1.690 ม. ออกแบบและพัฒนาพร้อมกับคำขวัญ AN SUV ALL CUSTOMERS WILL ENJOY หรือ "รถ เอสยูวี ที่ลูกค้าทุกผู้ทุกคนจะพอใจที่ได้ใช้" ส่วนกลไกก็ล้วนเป็นผลลัพธ์ของเทคโนโลยีอันก้าวล้ำนำสมัย รวมทั้งเครื่องเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง SKYACTIV-G ความจุ 2.0 กับ 2.5 ลิตร และเครื่องเทอร์โบดีเซลฉีดตรง SKYACTIV-D 2.2 ลิตรMAZDA MX-5 MIATA RF
อวดตัว "ครั้งแรกในโลก" ที่งานมหกรรมยานยนต์นิวยอร์ค ตอนต้นปีลิง แต่ทีมงานของเราเพิ่งได้สัมผัสตัวจริงเป็นครั้งแรกที่งานนี้ ก็คือ มาซดา เอมเอกซ์-5 มิอาตะ อาร์เอฟ (MAZDA MX-5 MIATA RF) ซึ่งไม่ใช่รถที่ทำขึ้นใหม่ทั้งคัน แต่ดัดแปลง/พัฒนามาอีกทอดหนึ่งจากรถเปิดประทุนซึ่งเมื่อจำหน่ายในญี่ปุ่นติดป้ายชื่อ มาซดา โรดสเตอร์ (MAZDA ROADSTER) และเปลี่ยนเป็น มาซดา เอมเอกซ์-5 มิอาตะ (MAZDA MX-5 MIATA) เมื่อลงเรือไปขึ้นบกที่เมืองมะกัน จุดใหญ่ใจความของการดัดแปลง/พัฒนาที่ว่านี้ คือ การเปลี่ยนจากประทุนหลังคาแบบอ่อนเป็นประทุนแข็ง ที่ออกแบบเป็น 3 ชิ้น และบังคับเปิด/ปิดโดยการกดปุ่ม ยักษ์เล็กเมืองยุ่นอวดสรรพคุณว่าเป็นระบบที่ใช้เวลาทำงานสั้นกว่ารถประเภทเดียวกันทุกรุ่นทุกแบบ และประทุนหลังคาก็มีวัสดุบุที่ป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดีเยี่ยม ในเมืองมะกันค่าตัวของรถรุ่นใหม่นี้เริ่มต้นที่ระดับ 31,555 เหรียญ หรือเท่ากับประมาณ 1.14 ล้านบาทไทยSUBARU VIZIV-7 SUV CONCEPT
รถอีกคันหนึ่งซึ่งอวดตัว WORLD PREMIERE หรือ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานมหกรรมยานยนต์ลอสแองเจลิส เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2016 และฉายซ้ำรอบ 2 ที่งานนี้ คือ ซูบารุ วีซิฟ-7 เอสยูวี คอนเซพท์ (SUBARU VIZIV-7 SUV CONCEPT) ซึ่งเป็นจุดโฟคัสสายตาในบูธของยักษ์เล็กเมืองยุ่นที่ในรอบปี 2016 ยอดขายรถในเมืองมะกันสามารถพุ่งผ่านหลัก 600,000 คันได้เป็นครั้งแรก เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดโตเต็มพิกัด ซึ่งออกแบบตามแนวคิด ENJOYMENT AND PEACE OF MIND วลีภาษาอังกฤษที่ดูเข้าท่าเข้าทีแต่ยากจะเข้าใจว่าหมายถึงอะไร ? ตัวถังขนาด 5.200x2.030x1.830 ม. ซึ่งหน้าตาเหมือนรถที่กำลังจะออกโชว์รูม ติดตั้งเก้าอี้ที่นั่ง 3 แถว นั่งได้รวม 6 หรือ 7 คน ยักษ์เล็กเมืองยุ่นบอกไว้ในเอกสารประชาสัมพันธ์ว่า ไม่ใช่รถที่ทำให้ดูเล่นแต่ตั้งเป้าไว้ว่า ต้นปี 2018 นี่แหละ รถตลาดที่พัฒนาจากรถแนวคิดคันนี้จะออกสู่โชว์รูม [table]LEXUS LS-SERIES
DESIGN, TECHNOLOGY, ENVIRONMENT, [/table] รถตลาดสายเลือดซามูไรอีกแบบหนึ่งที่เรียกผู้คนเข้าสู่บูธได้อย่างล้นหลาม คือ รถเก๋งซีดานสุดหรู เลกซัส แอลเอส-ซีรีส์ (LEXUS LS-SERIES) ซึ่งปรากฏตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ เป็นรถรุ่นใหม่ (รุ่นที่ 5) อย่างที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า ALL-NEW ซึ่งยอดผู้ผลิตรถพรีเมียมของเมืองยุ่นใช้เวลาออกแบบและพัฒนายาวนานถึง 6 ปี มีกำหนดออกโชว์รูมในเมืองมะกันก่อนสิ้นปี ในตัวถังขนาด 5.235x1.450x1.900 ม. ที่ออกแบบได้ดียกเว้นแผงกระจังหน้าที่ดูเทอะทะและใหญ่โตมโหฬารจนเกินงาม เป็นตัวถังที่เบากว่ารถรุ่นเดิมแต่แข็งแรงกว่าเดิม และส่วนท้ายมีลักษณะคล้ายรถคูเปมากกว่ารถซีดาน เป็นรถวางเครื่องหน้า/ขับล้อหลัง หรือขับทุกล้อ ซึ่งในระยะแรกจะมีเครื่องยนต์ขนาดเดียว คือ เครื่องทวินเทอร์โบเบนซิน DOHC วี 6 สูบ 3.5 ลิตร ที่ให้กำลังสูงถึง 310 กิโลวัตต์/415แรงม้า ส่วนระบบเกียร์เพื่อส่งทอดกำลังสู่ล้อคู่หลัง หรือทั้ง 2 คู่แล้วแต่กรณี เป็นเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะACURA NSX GT3 RACE CAR
ปีนี้บูธของค่าย อคูรา (ACURA) ดูหงอยเหงากว่าปีก่อนๆ และมีผลงานใหม่ที่สมควรนำเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังในรายงานนี้เพียงชิ้นเดียว คือ อคูรา เอนเอสเอกซ์ จีที 3 เรศ คาร์ (ACURA NSX GT3 RACE CAR) ซึ่งเป็นรถแข่งที่พัฒนามาจากรถสปอร์ท อคูรา เอนเอสเอกซ์ (ACURA NSX) รุ่นล่าสุดที่เพิ่งเริ่มการจำหน่ายในเมืองมะกันเมื่อกลางปีลิงวิ่งวุ่นนี่เอง ออกแบบสำหรับการแข่งรถ NORTH AMERICAN GT RACING COMPETITION ซึ่งจะเริ่มต้นในปี 2017 โดยเปลี่ยนระบบขับจากระบบ SPORT HYBRID SH-AWD ซึ่งใช้เครื่องยนต์ทวินเทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 6 สูบ 75 องศา ความจุ 3,493 ซีซี ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้ารวม 3 ชุด และระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 9 จังหวะ เป็นขับล้อหลังด้วยพลังของเครื่องทวินเทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 6 สูบ 3,493 ซีซี ถ่ายทอดกำลังผ่านระบบเกียร์ SEQUENTIAL-SHIFT 6 จังหวะ ไม่มีมอเตอร์HONDA ODYSSEY
คันสุดท้ายของรถตลาดสายเลือดซามูไรกวัดไกวดาบเพียง 3 แบบซี่งใช้งานนี้เป็นที่เปิดตัว "ครั้งแรกในโลก" คือ ฮอนดา ออดิสซีย์ (HONDA ODYSSEY) รุ่นใหม่ซึ่งเป็นรถรุ่น 5 และเป็นเวอร์ชันที่ทำขึ้นโดยเฉพาะสำหรับตลาดอเมริกาเหนือ จะไม่มีจำหน่ายในญี่ปุ่น มีกำหนดออกตลาดในฤดูใบไม้ผลิของปีไก่ผัดใบกะเพราในฐานะรถรุ่นปีโมเดล 2018 ตัวถังซึ่งติดตั้งเก้าอี้ที่นั่ง 3 แถว นั่งได้รวม 7 หรือ 8 คน มีหน้าตาที่ดูดีขึ้นนิดหน่อยเมื่อเทียบกับรถรุ่นเดิม แถมห้องโดยสารยังติดตั้งระบบ MAGIC SLIDE ซึ่งทำให้สามารถปรับตำแหน่งของเก้าอี้ที่นั่งแต่ละตัวได้ง่าย ที่ดีขึ้นเช่นกัน คือ เครื่องยนต์ซึ่งมีอยู่เพียงขนาดเดียว เป็นเครื่องเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง SOHC วี 6 สูบ 3,471 ซีซี บลอคเดิม แต่ปรับแต่งใหม่จนกำลังสูงสุดพุ่งจาก 248 เป็น 280 แรงม้า คือ เพิ่มขึ้นถึง 32 แรงม้า ส่วนระบบเกียร์เพื่อส่งกำลังสู่ล้อคู่หลัง ก็ปลี่ยนจากเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ เป็นเกียร์อัตโนมัติ 9 หรือ 10 จังหวะHONDA CR-V
เปิดตัวในเมืองมะกันเมื่อกลางเดือนตุลาคม 2016 แต่ต้องรอจนถึงงานใหญ่ที่ดีทรอยท์นี่แหละทีมงานของเราจึงมีโอกาสสัมผัสตัวจริงเสียงไม่จริงของ ฮอนดา ซีอาร์-วี (HONDA CR-V) รุ่นใหม่ซึ่งเป็นรถรุ่นที่ 5 และเริ่มการจำหน่ายในเมืองมะกันไปแล้วก่อนสิ้นปีลิง โดยติดป้ายราคาค่าตัวซึ่งเริ่มต้นที่ระดับ 24,045 เหรียญสหรัฐฯ หรือเท่ากับประมาณ 866,000 บาทไทย รถรุ่นนี้มีขนาดตัวถัง 4.587x1.854x1.679-1.689 ม. ที่ออกแบบและกำหนดคุณลักษณะทางวิศวกรรมขึ้นใหม่ทั้งหมด แต่หน้าตาและรูปทรงองค์เอวไม่ได้แปลกไปจากรถรุ่นเดิมสักเท่าไร ในสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นตลาดหลักรถรุ่นใหม่นี้แบ่งการตกแต่ง/อุปกรณ์เป็น 4 ระดับ กำกับด้วยรหัส LX EX EXL TOURING และมีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 ขนาด คือ เครื่องเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC 4 สูบเรียง 2,356 ซีซี 137 กิโลวัตต์/184 แรงม้า กับเครื่องเทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC 4 สูบเรียง 1,496 ซีซี 142 กิโลวัตต์/190 แรงม้าNISSAN VMOTION 2.0 CONCEPT
รถแนวคิดสายเลือดซามูไรไม่กลัวความคมอีกคันหนึ่งซึ่งปรากฏตัวแบบ WORLD PREMIERE ที่งานนี้ คือ นิสสัน วีโมชัน 2.0 คอนเซพท์ (NISSAN VMOTION 2.0 CONCEPT) จุดดึงดูดสายตาในบูธของยักษ์รองเมืองยุ่นซึ่งยอดขายในเมืองมะกันผ่านหลัก 1.5 ล้านคัน 2 ปีซ้อน คือ ทั้งในรอบปี 2015 และ 2016 เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถเก๋งซีดานขนาดกลางที่รังสรรค์ขึ้นเพื่ออวดแนวคิดการออกแบบส่วนหน้าของตัวรถที่ค่ายนี้ตั้งชื่อในภาษาอังกฤษว่า V-MOTION กับ NISSAN INTELLIGENT MOBILITY ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่จะใช้ในอนาคตกับ "ยานยนต์ไม่ง้อผู้ขับ" ที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า AUTONOMOUS VEHICLE ตัวถังขนาด 4.860x1.890x1.380 ม. ที่ดูดีมากเมื่อมองจากด้านข้างตรงๆ มีจุดเด่นสะดุดตาตรงประตูข้างที่เปิดแยกจากกันโดยไม่มีเสากลางเหมือนประตูตู้กับข้าวยุคโบราณ กับหลังคาที่ดูราวกับลอยอยู่ในอากาศโดยไม่มีเสารองรับ ซึ่งเรียกกันในภาษาอังกฤษว่า FLOATING ROOFINFINITI QX50 CONCEPT
รถแนวคิดสายพันธุ์ยุ่นอีกคันหนึ่งที่นำเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังในรายงานนี้ คือ อินฟินิที คิวเอกซ์ 50 คอนเซพท์ (INFINITI QX50 CONCEPT) ซึ่งก็อวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" เช่นกัน เป็นรถแนวคิดซึ่งเป็นต้นแบบของรถตลาด อินฟินิที คิวเอกซ์ 50 (INFINITI QX50) รุ่นใหม่ซึ่งมีกำหนดออกตลาดในปี 2018 รวมทั้งเป็นรถแนวคิดที่รังสรรค์ขึ้นเพื่ออวดเทคโนโลยีใหม่ 2 รายการของค่าย นี้ คือ SEMI-AUTONOMOUS DRIVE TECHNOLOGY ซึ่งเป็นระบบช่วยขับซึ่งจะทำหน้าที่เป็น CO-PILOT หรือ "ผู้ขับร่วม" ช่วยให้ผู้จับพวงมาลัยในรถสามารถขับขี่และบังคับควบคุมรถได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด กับเทคโนโลยีเครื่องยนต์ที่ตั้งชื่อเป็นภาษาอังกฤษยาวเหยียดว่า FUEL-SAVING VARIABLECOMPRESSION RATIO ENGINE และอธิบายได้อย่างย่นย่อได้ว่า เป็นเครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินขนาด 2.0 ลิตร 268 แรงม้า ที่สามารถสู้กันได้สบายมากกับเครื่องยนต์ดีเซลอันทันสมัย ทั้งด้านพละกำลัง และความประหยัดKIA STINGER
เกีย สตริงเกอร์ (KIA STINGER) รถตลาดสายเลือดโสมขาวซึ่งอวดตัว "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ คือ รถเกาหลีเพียงแบบเดียวที่สมควรบรรจุไว้ในรายงานนี้ เป็นรถเก๋งสปอร์ทซีดานทั้งแรงและเร็วที่ออกแบบ/พัฒนาในเยอรมนี โดยทีมงานภายใต้การกำกับดูแลของ อัลเบิร์ท เบียร์มันน์ (ALBERT BIERMANN) วิศวกรชาวเยอรมันวัย 60 ปี ซึ่งทำงานกับค่าย "ใบพัดเครื่องบิน" มายาวนานกว่า 30 ปี ก่อนย้ายมาอยู่กับค่ายเกาหลีเมื่อปี 2014 ตัวถังซึ่งยาว 4.831 ม. และกว้าง 1.869 ม. ติดตั้งเครื่องเทอร์โบเบนซินฉีดตรง 4 สูบเรียง 2.0 ลิตร 190 กิโลวัตต์/255 แรงม้า หรือเครื่องทวินเทอร์โบเบนซินฉีดตรง วี 6 สูบ 3.3 ลิตร 272 กิโลวัตต์/365 แรงม้า ทั้ง 2 เครื่องถ่ายทอดกำลังสู่ล้อคู่หลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ยักษ์รองเมืองโสมตั้งเป้าหมายว่า รถที่ติดตั้งเครื่องยนต์ วี 6 สูบ จะใช้เวลาแค่ 5.1 วินาทีในการทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. และความเร็วสูงสุด คือ 270 กม./ชม.GAC ENSPIRIT CONCEPT
GAC (GUANGZHOU AUTOMOBILE GROUP MOTOR) ผู้ผลิตรถยนต์จากสาธารณรัฐประชาชนจีนเพียงเจ้าเดียวในงานนี้ นำรถแบบใหม่ๆ ออกอวดในงานนี้หลายคัน ตัวอย่างคือ รถ เอสยูวี ขนาดกลาง จีเอซี จีเอส 7 (GAC GS7) กับรถ เอสยูวี พลังไฟฟ้า จีเอซี จีอี 3 (GAC GE3) ซึ่งปรากฏตัว "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ ส่วน จีเอซี เอนสปิริท คอนเซพท์ (GAC ENSPIRIT CONCEPT) ที่ปรากฏในภาพและเป็นผลงานที่น่าจับตามองที่สุด ไม่ใช่รถตลาดแต่เป็นรถแนวคิดซึ่งเป็นผลงานจากความร่วมมือกับค่าย ฮอนดา และเป็นต้นแบบของรถ เอสยูวี ขนาดกะทัดรัด ซึ่งค่ายนี้ยืนยันว่าจะทำขายในอนาคตที่ไม่นานจนเกินรอ ตัวถังของรถคันนี้มีส่วนท้ายเหมือนรถคูเป คือ สไตล์เดียวกับรถ บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 6 (BMW X6) ที่คนรักรถคงคุ้นเคยกันดี ที่น่าติดตามและจับตามองเช่นกัน คือ ระบบเชื่อมต่อระหว่างคนกับคน และคนกับรถ ที่บรรจุไว้มากมายในรถแนวคิดคันนี้ และจะใช้ได้จริงเมื่อเป็นรถตลาดABOUT THE AUTHOR
ช
ชูศักดิ์ ชมจินดา
ภาพโดย : ชูศักดิ์ ชมจินดา และผู้จัดงานนิตยสาร 399 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2560
คอลัมน์ Online : มหกรรมยานยนต์ต่างประเทศ