ชีวิตอิสระ
ชื่มชม มอหินขาว
จังหวัดชัยภูมิ นอกจากจะมีทุ่งดอกกระเจียว ให้หลงใหลในช่วงฤดูฝนแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอีกหลายแห่ง ให้คนรักชีวิตอิสระอย่างคุณได้ค้นหา จุดหมายปลายทางของเราในครั้งนี้ คือ กลุ่มหินทรายทรงตั้งขนาดใหญ่ เจ้าของฉายา "สโตนเฮนจ์เมืองไทย" หรือ "มอหินขาว" UNSEEN IN THAILAND อีกแห่ง และเป็นหนึ่งใน "12 เดือน 7 ดาว 9 ตะวัน" ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จะอัศจรรย์ขนาดไหน ไปชมพร้อมกันเลย !
เดินทางสู่ชัยภูมิ
ด้วยเส้นทาง 201
เราสามารถขับรถสู่จังหวัดชัยภูมิได้หลายเส้นทาง แต่เราเลือกเส้นทางสาย 2 (ถ. มิตรภาพ) เนื่องจากเป็นถนนสายหลัก สามารถใช้ความเร็วได้พอสมควร เหมาะสมกับเพื่อนเกลอเก่าของผมอย่าง เชฟโรเลต์ โคโลราโด ซี-แคบ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่มีกำลังให้เรียกใช้ถึง 200 แรงม้า จากขนาดเครื่องยนต์เพียง 2.8 ลิตร ซึ่งนับว่าแรงสุดในรถระดับเดียวกัน
ผมเพลิดเพลินกับอัตราเร่งที่ทันใจ และช่วงล่างนุ่มหนึบอยู่พักใหญ่ ไม่นานนักก็ถึง อ. สีคิ้ว เราต้องเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 201 เพื่อเข้าถนนสู่จังหวัดชัยภูมิต่อไป ถนนสายนี้ในช่วงต้น จะเป็นเลนสวนประมาณ 50 กม. หลักจากนั้นจะเป็นถนนลาดยาง 4 เลน ขับสบายยาวๆ จนถึงตัวจังหวัดกันเลย
จากตัวเมือง ขึ้นเหนือไปอีกประมาณ 40 กม. ก็ถึงมอหินขาว เส้นทางดีตลอดทาง มีป้ายบอกชัดเจน ไม่หลงแน่นอนครับ
ตำนานความเชื่อ
สิ่งศักดิ์สิทธิ์มอหินขาว
มอหินขาว ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูแลนคา บ้านวังคำแคน ตำบลท่าหินโงม อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ ประกอบด้วยกลุ่มหินทรายสีขาวขนาดใหญ่วางเรียงรายกันดูคล้าย "สโตนเฮนจ์" ในประเทศอังกฤษ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์บอกว่า เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก ที่สะสมทับถมดินตะกอนเป็นเวลาหลายล้านปี จนกลายเป็นหินรูปทรงแปลกตา ตามจินตนาการของผู้พบเห็น ซึ่งนับเป็นลักษณะเด่นทางธรณีวิทยาที่หาได้ยาก และถือว่าเป็นหนึ่งเดียวในทวีปเอเชียเลยก็ว่าได้
จากคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ ในทุกคืนวันพระ (15 ค่ำ, 8 ค่ำ) จะมีแสงสีขาวส่องขึ้นมาจากกลุ่มหินก้อนใหญ่ 5 ก้อน ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก คนเฒ่าคนแก่สมัยนั้น จึงเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า มอหินขาว
แต่อีกตำนานหนึ่งก็พูดถึงความเชื่อของมอหินขาวว่า เสาหินแต่ละต้นมีชื่อของตัวเอง และจะให้พรแก่ผู้ที่ได้กราบไหว้แตกต่างกันไป ไล่เรียงกันตั้งแต่ "ขุนศรีวิชัย" เชื่อกันว่าให้พรด้านการเอาชัยชนะมาสู่ตน "หลวงปู่ฤาษี" เชื่อกันว่าให้พรด้านโชคลาภและหายจากอาการเจ็บป่วย "หลวงสมชาย" เชื่อว่าให้พรด้านความมีสง่าราศี
"หลวงจันทร์" เชื่อว่าให้พรด้านยศฐาบรรดาศักดิ์ และ "หมื่นสิงห์ขร" เชื่อกันว่าให้พรด้านความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ส่วนจะจริงหรือไม่นั้น อันนี้ไม่รู้ครับ แต่ผมก็ขอพรไปแล้วล่ะ
เดินชมกลุ่มหิน
สัมผัสความเสียวที่ผาหัวนาค
มอหินขาว ประกอบไปด้วยประชากรกลุ่มหินหลายชุด กลุ่มหินชุดแรก คือ "เสาหิน 5 ต้น" ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ที่มีความโดดเด่นที่สุด อันเป็นสัญลักษณ์ของมอหินขาว ที่เราคุ้นเคยกันดีจากภาพโฆษณาของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย แต่ละต้นมีความสูงประมาณ 12 เมตร เสาหินที่ใหญ่ที่สุดมีขนาดเท่ากับ 22 คนโอบ
ถัดไปจะเป็นกลุ่มหินชุดที่ 2 และ 3 มีชื่อว่า หินโขลงช้าง และหินต้นไทร ตามลำดับ อยู่ห่างจากกลุ่มแรกประมาณ 500 เมตร หินกลุ่มนี้เรียกว่า "ดงหิน" มีลักษณะเป็นแท่งหินทรงแปลกตา รูปร่างคล้ายโขลงช้าง, กระดองเต่า หรือรองเท้าบูท จากจุดนี้สามารถขึ้นไปชมวิวที่กว้างไกลสุดสายตาของที่นี่ได้ ระหว่างเดินชมจะมีป้ายบอกตำแหน่งจุดถ่ายภาพยนตร์โฆษณาของพี่เบิร์ด ธงชัย แมคอินไตย์ ที่มานอนดูดาว ถ้าใครที่พอจำได้ จะสนุกสนานกับการเดินหาจุดถ่ายทำโฆษณาในบริเวณนี้ แต่น่าเสียดาย ในวันที่เราไปมีเมฆฝนสีเทาลอยต่ำหนาแน่น จนบดบังกลุ่มดาวนับล้านจากบริเวณนี้ ว่ากันว่าที่นี่เป็นจุดชมดวงดาวอีกแห่งหนึ่ง ที่สวยที่สุดของเมืองไทย
เราเดินทางต่อด้วยรถยนต์อีกประมาณ 1,500 เมตร เพื่อไปจุดชมวิว "ผาหัวนาค" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมอหินขาว ที่จุดนี้เราจะได้ชมทิวทัศน์มุมสูงที่สวยงาม จากระดับน้ำทะเลปานกลาง 905 เมตร ซึ่งหน้าผาหินบริเวณนี้ จะเป็นกลุ่มหินที่ยื่นออกไปเล็กน้อย ใครที่กลัวความสูง จะเสียวจี๊ดๆ ที่หัวใจทันที (เหมือนผม) แต่ภาพที่เห็นเบื้องล่างต้องบอกเลยว่า คุ้มค่าจริงๆ
ใครคิดจะมานอนค้างแรมที่นี่ ต้องเตรียมตัวให้พร้อมกันสักหน่อย เตรียมเทนท์ พร้อมอาหารมาเอง เนื่องจากที่นี่ไม่มีที่พักให้บริการ มีแต่ห้องน้ำเท่านั้น ถ้าใครข้องใจสงสัย สามารถสอบถามได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูแลนคา โทร. (044) 810-902-3
แวะชมเขื่อนลำประทาว
ผ่อนคลายอารมณ์ด้วยการตกปลา
หลังจากเพลิดเพลินกับสิ่งมหัศจรรย์มอหินขาวไปแล้ว ก่อนกลับผมขอแวะชมความงดงามของเขื่อนลำประทาวกันเสียหน่อย เพราะอยู่ไม่ไกลนักจากมอหินขาว เขื่อนลำประทาวเป็นเขื่อนดินที่กั้นน้ำลำประทาว ประกอบด้วยเขื่อน 2 แห่ง คือ เขื่อนบน มีขนาดความจุน้ำ 44 ล้านลูกบาศก์เมตร และเขื่อนล่าง มีขนาดความจุน้ำ 14 ล้านลูกบาศก์เมตร ใช้ผลิตกระแสไฟ้ฟ้าจ่ายให้กับพื้นที่ อำเภอแก้งคร้อ และอำเภอคอนสวรรค์ นอกจากนี้ยังจ่ายน้ำให้พื้นที่การเกษตรของ อำเภอแก้งคร้อ และอำเภอเมืองชัยภูมิ รวมทั้งจ่ายน้ำไปยังน้ำตกตาดโตน รวมถึงส่งไปผลิตน้ำประปาของการประปาจังหวัดชัยภูมิ กันอีกด้วย
เขื่อนบน ถือเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของชาวชัยภูมิ และจังหวัดใกล้เคียง เนื่องจากมีทัศนียภาพที่สวยงาม โดยเฉพาะในยามเย็น บริเวณโดยรอบของเขื่อนบนเป็นหาดทรายน้ำจืดขนาดใหญ่ สามารถลงเล่นน้ำได้ ส่วนใครที่ชอบตกปลา ถ้าอยากประลองฝีมือก็ทำได้ เพราะที่นี่เขาไม่ห้าม ชาวบ้านแถบนี้นิยมมาตกปลากัน แต่ถ้าใครไม่อยากตก ในบริเวณเขื่อนยังมีร้านอาหารให้เลือกชิมมากมาย พร้อมบรรยากาศสบายๆ โดยมีเมนูที่ขึ้นชื่ออย่าง ทอดมันปลาสลาด หรือที่รู้จักกันในชื่อ ทอดมันปลากราย ซึ่งถือเป็นเมนูเด็ดของที่นี่
คลายร้อนที่น้ำตกตาดโตน
สักการะศาลปู่ด้วง
น้ำตกตาดโตน ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติตาดโตน อยู่ห่างจากตัวจังหวัดเพียง 21 กม. เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดชัยภูมิ เนื่องจากมีความสวยงาม มีน้ำไหลตลอดปี โดยเฉพาะในฤดูฝนจะสวยงามเป็นพิเศษ ด้านบนเป็นธารน้ำไหลผ่านลานหิน 2 ฝั่ง ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ เหมาะมากที่จะนั่งพักผ่อนชมธรรมชาติ และเล่นน้ำ ด้านบนน้ำตกเป็นลานหิน กว้างประมาณ 50 เมตร และยาวไปตามลำน้ำ ประมาณ 300 เมตร ทำให้น้ำไหลลาดมาตามลานหิน มีแอ่งน้ำที่สามารถเล่นน้ำได้เป็นจุดๆ และไหลลงมาตกที่หน้าผา เป็นน้ำตกตาดโตนที่มีความสูงประมาณ 6 เมตร และกว้าง 50 เมตร
บริเวณน้ำตกตาดโตน ยังมีศาลเจ้าพ่อตาดโตน (ศาลปู่ด้วง) สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวชัยภูมิให้ความนับถือ กราบไหว้และขอพร ว่ากันว่าขออะไร มักจะสมหวัง ศาลเจ้าพ่อตาดโตนมีเรื่องเล่าว่า เจ้าพ่อตาดโตนเป็นคนเชื้อสายเขมร และได้อพยพเข้ามาอยู่เมืองไทย ช่วงเวลาใกล้เคียงกับพ่อพระยาแล (พระยาภักดีชุมพล) ท่านบำเพ็ญตนเป็นชีปะขาวยึดมั่นในสมถะ กรรมฐาน ปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด และช่วยรักษาคนไข้ จึงเป็นที่นับถือเลื่อมใสของราษฎรเป็นอย่างมาก เมื่อถึงแก่กรรม จึงมีการสร้างศาลขึ้นเพื่อเป็นที่เคารพสักการะอยู่หลายแห่ง นอกจากที่น้ำตกตาดโตนแล้วยังมีศาลปู่ด้วงที่ช่องสามหมอก และที่วัดชัยภูมิพิทักษ์ อีกด้วย มักมีประเพณีรำผีฟ้า ผีทรงบวงสรวงเจ้าพ่อเป็นประจำ
แผนที่เส้นทาง
ที่นอน
เราเลือกพักที่ "ปาริมารีสอร์ท" เนื่องจากอยู่บนเนินสูง สามารถมองเห็นวิวสวยของทะเลสาบเล็กๆ จากเขื่อนลำประทาวได้จากที่พัก ที่นี่มีบ้านพักประมาณ 20 หลัง เป็นแบบยกเรือนสูง มีที่จอดรถ พร้อมเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน ในราคาเริ่มต้นที่ 1,000 บาทเท่านั้น
ขอขอบคุณ
บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เอื้อเฟื้อพาหนะสำหรับการเดินทางในครั้งนี้
ABOUT THE AUTHOR
วิธวินท์ ไตรพิศ
ภาพโดย : เกรียงศักดิ์ ปันสมนิตยสาร 417 ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2557
คอลัมน์ Online : ชีวิตอิสระ(4wheels)