ชีวิตอิสระ
ปากพนัง ยั่งยืนด้วยพระบารมี
"ชีวิตอิสระ" ฉบับนี้เรายังอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อตามรอยโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ครั้งนี้ เรามากันที่ "ปากพนัง" อำเภอเล็กๆ ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย แถมยังเป็นแหล่งผลิตอาหารทะเลที่สำคัญของภาคใต้อีกด้วย แต่รู้หรือไม่...ก่อนหน้านี้ปากพนังเคยมีสภาพเสื่อมโทรมจนระบบนิเวศขาดสมดุล น้ำเค็มรุก น้ำจืดขาดแคลน ไม่สามารถทำเกษตรกรรมได้ จนในหลวงรัชกาลที่ 9 ต้องพระราชทานความช่วยเหลือ จนคนปากพนังรักท่านทุกคน และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "ที่มีทุกวันนี้ได้ ก็เพราะในหลวง รัชกาลที่ 9"
มุ่งหน้าปากพนัง แวะถ่ายรูปกังหันลม
จากตัวเมืองนครศรีธรรมราชไปยังปากพนังง่ายมาก เพียงขับรถไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ตามทางหลวงหมายเลข 4013 (นครศรีธรรมราช-ปากพนัง) ประมาณ 30 กว่ากม. ก็ถึงแล้ว ทุกวันนี้เป็นถนน 4 เลน ลาดยางตลอดทาง มิตซูบิชิ ทไรทัน ของผมใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว
เมื่อใกล้จะถึงปากพนัง จะสังเกตเห็นกังหันลมขนาดใหญ่ที่หมุนช้าๆ อยู่ไกลๆ กังหันลมนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อรับลมทะเลมาผลิตกระแสไฟฟ้า และจำหน่ายให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยมีเป้าหมายจะสร้างให้ครบ 500 ตัว จากอำเภอปากพนัง ยาวไปจนถึงอำเภอสทิงพระ ในจังหวัดสงขลา ว้าว...อะไรจะขนาดนั้น ! แต่ก็ดีครับ เพราะนอกจากจะได้ใช้ไฟฟ้าพลังงานสะอาดแล้ว บริเวณรอบๆ การก่อสร้างกังหันลม เขาจะปรับภูมิทัศน์ให้กลายเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจอีกด้วย เลยกลายเป็นจุดถ่ายรูปที่นักเดินทางอย่างเราไม่ควรพลาด
พลิกฟื้นความเสื่อมโทรม ด้วยพระอัจฉริยภาพ
ก่อนหน้านี้ปากพนังมีสภาพเสื่อมโทรมจากแหล่งน้ำที่ขาดสมดุล เกิดปัญหาน้ำเค็มรุก น้ำจืดขาดแคลน น้ำเปรี้ยวจากป่าพรุแพร่กระจายสู่ธรรมชาติ น้ำเสียจากบ่อเลี้ยงกุ้งไหลลงแหล่งน้ำ จนไม่สามารถทำการเกษตรได้ อีกทั้งตามชุมชนต่างๆ ก็ปลูกสิ่งก่อสร้างขวางทางน้ำ ทำให้ไม่สามารถระบายน้ำได้ดี เมื่อฝนตกก็มักเกิดน้ำท่วมหลายแห่ง และยาวนาน สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านตามมา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงเล็งเห็นว่า บริเวณลุ่มน้ำปากพนังแต่เดิมมีความอุดมสมบูรณ์ มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง จึงได้พระราชทานแนวพระราชดำริให้หาทางพิจารณาแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง น้ำเค็ม โดยริเริ่มโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริขึ้น เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความทุกข์ยากของประชาชนในลุ่มน้ำปากพนัง พระองค์เสด็จมาปากพนัง ถึง 13 ครั้ง โดยครั้งสำคัญที่สุด เสด็จมาเมื่อปี 2536 และทรงมีพระราชดำริให้ก่อสร้างประตูระบายน้ำปากพนัง หรือประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ หรือที่รู้จักในชื่อ "เขื่อนปากพนัง" เพื่อบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนชมเขื่อนปากพนัง ระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ
- ป้ายโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของที่นี่
- พิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติ
ปล่องสีไฟ ยังมีให้เห็น
- ปล่องสีไฟ ยังมีให้เห็นอยุ่หลายที่ บริเวณริมปากแม่น้ำ
- วิถีชีวิตที่ผูกพันกับสายน้ำ
ตลาดเก่า 100 ปี ของดีที่ต้องมา
- บ้านเรือนในย่านตลาดเก่า 100 ปี
- อาหารทะเลสด ผักผลไม้ต่างๆ ราคาถูก
- ปูดำที่นี่ ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 150 บาท เท่านั้น
แหลมตะลุมพุก มหาวาตภัยที่ไม่มีวันลืม
- ภาพจากมุมสูงบริเวณปลายแหลมตะลุมพุก
- หอคอยชมวิว ที่ต้องไปสัมผัส
- ชาวบ้านแหลมตะลุมพุก ยังยึดอาชีพทาํประมง
- ปลาทะเลตากแห่ง หนึ่งในอาหารยอดนิยม ของที่นี่
แผนที่
ที่กิน
มาแหล่งผลิตอาหารทะเลทั้งที ก็ต้องไม่พลาดที่จะลิ้มรสอาหารทะเล ผมเลือกร้าน "เม็ดทรายซีฟู้ด" เนื่องจากอยู่ชายทะเล ใกล้กับสะพานปลา ร้านนี้คนเยอะทั้งวันครับ ผมสั่ง ปูนิ่มทอดกระเทียม ปูม้านึ่ง หอยนางรมสด และปลาหมึกย่าง รสชาติต้องบอกว่าอร่อยเลยละครับ แถมราคาก็ถูกกว่าที่ผมคาดไว้พอสมควร ถ้ามีโอกาสมาปากพนัง ต้องมาลองชิมร้านนี้ให้ได้นะครับ
ขอขอบคุณ
บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จํากัด ที่เอื้อเฟื้อพาหนะสําหรับการเดินทางครั้งนี้
ABOUT THE AUTHOR
ว
วิธวินท์ ไตรพิศ
ภาพโดย : สายชล อรรถาเวชนิตยสาร 417 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2560
คอลัมน์ Online : ชีวิตอิสระ(4wheels)




