ที่งานมหกรรมยานยนต์เจนีวาครั้งที่ 87 ซึ่งมีขึ้นในเมืองนาฬิกาเมื่อต้นเดือนมีนาคมของปีปูไข่ไก่หลง มีผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นอยู่ 3 ราย ที่นำรถครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ออกอวดตัวแบบ WORLD PREMIERE หรือ "ครั้งแรกในโลก" นั่นคือ เจ้าของเครื่องหมายการค้า "สามเพชร" อวด มิตซูบิชิ เอคลิพส์ ครอสส์ (MITSUBISHI ECLIPSE CROSS) รถอนุกรมใหม่ติดป้ายชื่อใหม่ ค่าย "ดาวลูกไก่" อวด ซูบารุ เอกซ์วี (SUBARU XV) รถยอดนิยมรุ่นที่ 2 และยักษ์รอง นิสสัน ดึงดูดความสนใจของผู้ใช้รถในยุโรปด้วย นิสสัน กัชไก (NISSAN QASHQAI) รุ่นปรับปรุงแบบ "ยกหน้า" เดือนนี้ตัดสินใจนำเฉพาะเรื่องราวของสองแบบแรกมาเล่าสู่กันฟังที่จริง เอคลิพส์ (ECLIPSE) ไม่ใช่ชื่อใหม่ ตามข้อมูลในสารานุกรมออนไลน์ WIKIPEDIA ยักษ์เล็กของเมืองยุ่นเคยทำรถติดป้ายชื่อนี้มาแล้วรวม 4 รุ่น ในช่วงปี 1989-2012 และทุกรุ่นล้วนเป็นรถเก๋งสปอร์ทคูเป หรือรถเปิดประทุน ที่ออกแบบ/พัฒนาโดยมีอเมริกาเหนือเป็นตลาดเป้าหมาย ชื่อรุ่นนี้ได้จากชื่อม้าแข่งของอังกฤษซึ่งมีชีวิตในช่วงปี 1764-1789 เป็นยอดม้าซึ่งชื่อเสียงโด่งดังมาก เพราะชนะทุกครั้งในการแข่งขันรวม 18 ครั้ง ส่วน มิตซูบิชิ เอคลิพส์ ครอสส์ (MITSUBISHI ECLIPSE CROSS) ที่กำลังอวดโฉมอยู่นี้ นับเป็นรถอนุกรมใหม่ล่าสุดของค่าย "สามเพชร" เป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดเล็กกะทัดรัดผลิตในญี่ปุ่น ที่แทรกอยู่กลางระหว่างรถแบบเก่า 2 อนุกรม ซึ่งล้วนไม่มีจำหน่ายในประเทศไทยขณะนี้ คือ มิตซูบิชิ อาร์วีอาร์ (MITSUBISHI RVR) กับ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ (MITSUBISHI OUTLANDER) ตัวถังยาว 4.405 ม. กว้าง 1.805 ม. และสูง 1.685 ม. เป็นผลงานที่ทำขึ้นใหม่ทั้งหมดตั้งแต่หัวจรดหาง มีรูปทรงองค์เอวตามสมัยนิยม คือ ส่วนท้ายเหมือนรถเก๋งคูเป ห้องโดยสารซึ่งออกแบบอย่างทันสมัย มีเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนเลยในรถ "สามเพชร" แบบใดๆ อยู่มากมาย ตัวอย่างเช่น เครื่องเสียงพร้อมระบบ TOUCHPAD CONTROL ระบบสื่อสารสนเทศ SMARTPHONE LINK DISPLAY AUDIO (SDA) และแผงอุปกรณ์ติดตั้งระบบ HEAD UP DISPLAY (HUD) เป็นรถที่ค่าย "สามเพชร" ตั้งใจจะนำออกขายทั้งในยุโรปในญี่ปุ่นในทวีปอเมริกาเหนือในออสเตรเลียในภูมิภาคอื่นๆ และแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ระบุว่าน่าจะเข้ามาในประเทศไทยด้วย เป็นรถขับล้อหน้าหรือขับทุกล้อ ซึ่งจะมีเครื่องยนต์ให้เลือกเพียง 2 ขนาด คือ เครื่องเทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรงความจุ 1.5 ลิตร ซึ่งให้แรงม้าและแรงบิดสูงเหมือนเครื่องยนต์ขนาด 2.0 หรือ 2.4 ลิตร กับเครื่องเทอร์โบดีเซลฉีดเชื้อเพลิงโดยตรงความจุ 2.2 ลิตร โดยที่เครื่องแรกจะทำงานร่วมกันกับระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ส่วนเครื่องหลังใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ