เมร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอส รุ่นที่ 3 อวดโฉม “ครั้งแรกในโลก” ที่งานมหกรรมยานยนต์ลอสแองเจลิส เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2017 แล้วข้ามน้ำข้ามทะเลมาอวดโฉมในบ้านเราช่วงปลายเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา โดยเป็นรถในกลุ่ม “ดรีมคาร์” รุ่นแรกของบริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เปิดตัวในปีนี้
อภิชาต : ดูภายใน ความหรูหรา พอๆ กับ เอส-คลาสส์ แต่เจ้าของต้องการรถที่ดูสปอร์ท
ภัทรกิติ์ : เป็นการขายอารมณ์ ความรู้สึก มากกว่าเหตุผล
อภิชาต : ส่วนหนึ่งที่ผมสังเกตเห็นใน ซีแอลเอส ใหม่ คันนี้ ด้านข้างไม่มีเส้นโค้งยาว ซึ่งต่างจากตัว เมร์เซเดส-เอเอมจี จีที รุ่น 4 ประตู ที่มันยาวไปถึงด้านท้ายเลย คนตัวสูงนั่งหลัง จะนั่งไม่สบาย เพราะหลังคาจะเตี้ย
ภัทรกิติ์ : ผมเคยลองนั่งแล้ว ไม่มีปัญหา ศีรษะไม่ติดหลังคา เพราะมีการกดเบาะหลังให้ต่ำ แต่ไม่ได้นั่งชันเข่านะ เบาะหลังผมนั่งสบาย หลายคนแปลกใจที่รถทรงนี้ นั่งสบาย เพราะรถมันใหญ่ เสียอย่างเดียว คือ ขึ้น/ลงยาก เพราะมันเตี้ย
อภิชาต : ประเด็นสำคัญ คือ รูปร่าง เขาเปลี่ยนดีไซจ์น ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ไม่มีสันเหลี่ยม รถออกแนวสปอร์ท ตัวนี้น่าจะเป็นตัวมาตรฐาน ช่องแอร์ ถ้าจำไม่ผิด น่าจะมาจากรถคอนเซพท์ เมื่อ 5 ปีที่แล้ว มีคริสตัลฝังอยู่พื้นผิวตัวรถ เพื่อดึงจุดเด่นของรูปแบบเฉพาะตัวออกมา ผมถือว่าเป็นภาษาดีไซจ์นแบบใหม่ที่เขาเพิ่งทำ
ภัทรกิติ์ : รุ่นนี้ ถ้าเทียบกับ ซีแอลเอส ทั้ง 2 รุ่นที่ผ่านมา แต่คันนี้เป็นรุ่นที่ 3 แต่มันดึงความรู้สึกกลับไปเหมือนรุ่นที่ 1
อภิชาต : รุ่นที่ 1 มีคนเกาหลีร่วมออกแบบ
ภัทรกิติ์ : ต้องเทียบกับรุ่นที่ 2 แต่รุ่นนั้นยังไม่หมดจดเท่านี้
อภิชาต : มีการนำจุดเด่นของ เบนท์ลีย์ มาใช้ด้วย
ภัทรกิติ์ : เห็นชัดเลยว่า คันนี้กลับไปสู่เบสิคของรุ่นที่ 1 รูปร่างเรียบง่าย ตรงไปตรงมา เราชินกับรุ่นที่ 2 พอมาเห็น รุ่นที่ 3 จะมีความรู้สึกว่า ทำไมมันดูเกลี้ยงจัง ทั้งๆ ที่ตอนรุ่นที่ 1 ออกมา หลายคนบอกว่าสวย แต่รุ่นที่ 2 บอกไม่สวย แล้วรุ่นที่ 3 ออกมา เหมือนรุ่นที่ 1 แต่กลับบอกว่า ไม่สวย นี่คือ คนครับ ที่เป็นอย่างนี้ เพราะคนยึดติดด้วยความเคยชิน ไม่มีสายตามาตรฐาน แปรเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับว่าเขาชินกับอะไร
อภิชาต : เมร์เซเดส-เบนซ์ เป็นรถระดับพรีเมียม ซึ่งยุคปัจจุบันนี้ใช้เส้นสายจากธรรมชาติ ไหลลื่น จะไม่เห็นพื้นผิวที่ตัดขอบเลยทันที ส่วน เอาดี ถือเป็นยุคที่ปฏิเสธสิ่งเดิมๆ แต่สำหรับรถพรีเมียม เน้นอะไรใหม่ๆ เราในฐานะดีไซจ์เนอร์วิเคราะห์ได้ว่า งานออกแบบรถที่เป็นรูปทรงเคลื่อนไหวตลอดอย่างนี้ เมร์เซเดส-เบนซ์ ถือเป็นผู้นำด้านการผลิต ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ทำให้ดู ว่องไว รวดเร็ว ดูพรีเมียม เกิดมูลค่าในเรื่องพื้นผิวเวลาโดนไฮไลท์ ผมเคยเห็นสีอื่นเขาดูสวยดีนะ ทำไมเลือกสีเทาด้านมาพโรโมทก็ไม่ทราบ การออกแบบจุดตัดของเส้นสายต้องประณีตมาก ฉะนั้นการทำไฮไลท์ให้เกิดขึ้นจึงยาก
ภัทรกิติ์ : เมร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอส ถ้าจะว่าไปแล้ว คือ การทำรถที่ขัดแย้งกับรถซีดานของค่ายทุกรุ่น รถเหล่านั้นของ เมร์เซเดส-เบนซ์ จะเต็มไปด้วยเส้นสาย ตัวอย่างเช่น เอส-คลาสส์ เส้นจะวิ่งจากไหนไปถึงไหน อี-คลาสส์ เส้นจะหยุดตรงนี้ ส่วน ซี-คลาสส์ จะมีเส้นตรงนี้ แต่คันนี้กลับไม่มีเส้นสายเลย มันคือ ความพิเศษ ในอดีตการไม่มีเส้นสาย คือ มาตรฐาน ถ้ามีเส้นสาย คือ ความพิเศษ ปัจจุบันทุกคันมีเส้นสายหมด หากไม่มี นั่นคือ ความพิเศษ เมร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอส คันนี้ คือ การที่เราได้ย้อนเอาสิ่งที่ดี ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต นำสิ่งธรรมดาๆ กลับมาประยุกต์ใช้ใหม่อีกครั้ง ในรูปแบบที่ทันสมัย จับต้องได้จริง ในเรื่องเกี่ยวกับ สัดส่วน และพื้นผิว
อภิชาต : ถือว่าคลีนมาก
ภัทรกิติ์ : ประตูไม่มียุบเลยครับ ไม่มีคัทลาย แต่ที่แน่ๆ ท่อไอเสีย เป็นแค่กรอบ ตัวจริงเป็น กลมๆ อยู่ด้านใน
อภิชาต : ถามผมว่ามันพรีเมียมไหม ต้องบอกว่าพรีเมียมมากๆ
ฟอร์มูลา : เมร์เซเดส-เบนซ์ รุ่นใหม่ มองผ่านๆ จะแยกไม่ค่อยออกว่าเป็นรุ่นใดแน่ ?
ภัทรกิติ์ : เขาตั้งใจให้ทิศทางการออกแบบเดียวกัน แต่ตัวนี้ไม่เหมือน คนละเรื่องกันเลย แต่ยังมีรุ่นที่ใช้ทิศทางการออกแบบเดียวกัน นั่นคือ เอ-คลาสส์ รุ่นล่าสุด ที่ยังไม่เปิดตัวในบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็น กระจังหน้า, ไฟหน้า และไฟท้าย แต่สำหรับภายในห้องโดยสารของ ซีแอลเอส ได้รับอิทธิพลมาจาก เอส-คลาสส์ เรื่องดีไซจ์นไม่ต้องพูดอะไรมาก ดูหวือหวา ก้าวล้ำไปไกล ซึ่งตรงตามที่แจ้งไปแล้วว่า ลูกค้ากลุ่มนี้ สามารถซื้อ เอส-คลาสส์ ได้ แต่ไม่เอา เพราะมันใหญ่ เทอะทะ แล้วฉันก็ไม่อยากใช้ คูเป 2 ประตู อารมณ์นี้อาจจะมีบางคราว อยากพาเพื่อนไปแฮงเอาท์บ้าง
อภิชาต : เพราะ เอส-คลาสส์ ขับเองไม่ได้ ต้องมีคนขับ แต่ ซีแอลเอส คือ กลุ่มลูกค้าที่ชอบขับรถเอง
ภัทรกิติ์ : เศรษฐีรักสนุก มีความต้องการที่ไม่เหมือนใคร ถ้าคนส่วนใหญ่ทำแบบนี้ ก็จะหนีไปทำอีกอย่าง แล้วถ้ามีคนเฮตาม ก็จะต้องหนีไปทำแบบตรงกันข้าม เพื่อไม่ให้เหมือนใคร 
