มีผลงานของค่าย "ดาวสามแฉก" เพียง 1 แบบ เป็นรถที่เปิดตัวเมื่อปลายปี 2017 แต่เพิ่งเริ่มการจำหน่ายในเยอรมนีเมื่อต้นเดือนตุลาคม 2018 นี่เอง คือ รถเก๋งซีดานระดับหรูขนาดใหญ่ติดป้ายชื่อ เมร์เซเดส-เบนซ์ เอส 560 อี (MERCEDES-BENZ S 560 E) รถไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ หรือ พลัก-อิน ไฮบริด (PLUG-IN HYBRID) โมเดลที่ 8 ของค่ายนี้ไม่ใช่รถที่ออกแบบ/พัฒนาขึ้นใหม่ทั้งคัน แต่พัฒนาแตกหน่อต่อยอดจากรถเก๋งซีดาน เมร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาสส์ (MERCEDES-BENZ S-CLASS) รุ่นปัจจุบัน ซึ่งเริ่มจำหน่ายเมื่อเดือนกรกฎาคม 2013 และปรับปรุงแบบ FACELIFT หรือ "ยกหน้า" ไปแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 2017 เป็นการพัฒนาจากรถฐานล้อยาว ซึ่งมีขนาดตัวถังยาว 5.255 ม. กว้าง 1.899 ม. สูง 1.494 ม. และมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศที่เยี่ยมมาก คือ แค่ 0.24 จุดใหญ่ใจความของการพัฒนาที่กล่าวข้างต้น คือ การเปลี่ยนระบบขับแบบยกชุด คือ เปลี่ยนจากขับด้วยพลังของเครื่องยนต์สันดาปภายในซึ่งมีทั้งเครื่องเบนซิน และเครื่องดีเซล เป็นขับด้วยระบบไฮบริดชนิดต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟแบทเตอรี ที่ค่ายนี้และผู้ผลิตรถยนต์อีกหลายรายเห็นต้องกันว่า ให้ประโยชน์อย่างมากแก่ผู้ใช้รถในยุคสมัยนี้ ที่ยังไม่มีการใช้รถที่ขับด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ อย่างแพร่หลาย ด้วยสามารถวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าจากแบทเตอรีเพียงอย่างเดียวเมื่อใช้งานในเมือง และใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากเครื่องยนต์สันดาปภายในเมื่อเดินทางไกล เป็นระบบขับ พลัก-อิน ไฮบริด ขนาดกะทัดรัด ที่ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินฉีดตรง DOHC วี 6 สูบ 2,996 ซีซี 270 กิโลวัตต์/367 แรงม้า 500 นิวตัน-เมตร/51.0 กก.-ม. ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า 90 กิโลวัตต์/122 แรงม้า 440 นิวตัน-เมตร/44.9 กก.-ม. ที่ค่ายนี้ร่วมพัฒนากับค่าย BOSCH แบทเตอรีลิเธียม-ไอออน (LITHIUM-ION) ขนาด 13.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง และระบบเกียร์อัตโนมัติ 9G TRONIC PLUS ได้กำลังสุทธิสูงสุด 350 กิโลวัตต์/476 แรงม้า แบทเตอรีที่กล่าวข้างต้น ติดตั้งระบบชาร์จไฟระบายความร้อนด้วยน้ำ ที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า WATER-COOLED ON-BOARD CHARGER ขนาด 7.4 กิโลวัตต์ ไว้ด้วย เมื่อชาร์จไฟด้วยไฟบ้านจะใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง แต่เมื่อใช้ด้วยอุปกรณ์พิเศษที่เรียกว่า WALLBOX การชาร์จไฟจากร้อยละ 10 ถึงร้อยละ 100 จะใช้เวลาเพียง 1.5 ชั่วโมงเท่านั้นเอง ตามตัวเลขของผู้ผลิต รถไฮบริดสุดหรูซึ่งมีน้ำหนักรถรวมผู้ขับ 2,215 กก. โมเดลนี้ สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 5.0 วินาที มีความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่เยี่ยมยอดมาก คือ 2.8 ลิตร/100 กม. หรือ 35.7 กม./ลิตร เมื่อวัดตามมาตรฐาน WLTP/NEDC และมีอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 57-59 กรัม/กม. กรณีวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ จะวิ่งได้ไกล 50 กม. และสามารถทำความเร็วสูงสุด 130 กม./ชม. ปัจจุบันค่าย "ดาวสามแฉก" ในเยอรมนี มีรถไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟอยู่โมเดลเดียว คือ เมร์เซเดส-เบนซ์ เอส 560 อี (MERCEDES-BENZ S 560 E) ที่กำลังอวดโฉมอยู่นี้ ส่วนรถโมเดลอื่นๆ เช่น เมร์เซเดส-เบนซ์ ซี 350 อี (MERCEDES-BENZ C 350 E) เมร์เซเดส-เบนซ์ อี 350 อี (MERCEDES-BENZ E 350 E) เมร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลซี 350 อี 4 เมทิค (MERCEDES-BENZ GLC 350 E 4MATIC) และเมร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลอี 500 อี 4 เมทิค (MERCEDES-BENZ GLE 500 E 4MATIC) ขณะนี้เลิกผลิตไปหมดแล้ว