มหกรรมยานยนต์ต่างประเทศ
มหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ 2019
ในแต่ละปีมีงานแสดงรถยนต์ และสินค้ารถยนต์เกิดขึ้นนับร้อยนับพันรายการในโลกเล็กๆ ใบนี้ อย่างไรก็ตามงานแสดงรถยนต์ที่ทั่วโลกยอมรับกันว่าเป็น MOST IMPORTANT INTERNATIONAL MOTOR SHOWS หรืองานแสดงรถยนต์ระดับอินเตอร์ที่ทรงความสำคัญจนพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง มีอยู่เพียง 5 งาน คือ มหกรรมยานยนต์ ดีทรอยท์กับมหกรรมยานยนต์เจนีวา ซึ่งมีขึ้นเป็นประจำทุกปีไม่มีเว้น มหกรรมยานยนต์ ฟรังค์ฟวร์ทกับมหกรรมยานยนต์โตเกียว ซึ่งมีขึ้นในทุกปีคริสตศักราชที่ลงท้ายด้วยเลขคี่ และมหกรรมยานยนต์ปารีส ซึ่งมีขึ้นในทุกปีคริสตศักราชที่ลงท้ายด้วยเลขคู่ในช่วงเวลาเกือบ 3 ทศวรรษที่ผ่านพ้นไป ทีมงานของ "สื่อสากล" เดินทางไปทำข่าวมหกรรมยานยนต์ เหล่านี้ทุกครั้งไม่เคยขาด ไม่มีการลากิจ ลาป่วย (ยกเว้นงานที่ดีทรอยท์เพียงรายการเดียวที่เพิ่งเริ่มไปเยือนเมื่อปี 2007 อันเป็นปีที่งานนี้มีอายุครบ 100 ปีพอดิบพอดี) นับรวมกันแล้วมากกว่า 70 ครั้ง ประเด็นอยู่ตรงที่ว่า ในบรรดางานแสดงรถยนต์รายการสำคัญมากกว่า 70 ครั้งนี้ ไม่มีครั้งใดเลยแม้เพียงครั้งเดียวที่เราไม่มีโอกาสสัมผัสงานของค่าย เมร์เซเดส-เบนซ์ (MERCEDES-BENZ) ไม่มีครั้งใดเลยแม้เพียงครั้งเดียวที่เราไม่มีโอกาสสัมผัสรถใหม่ของค่าย บีเอมดับเบิลยู (BMW) และก็ไม่มีครั้งใดเลยแม้เพียงครั้งเดียวที่เราไม่มีโอกาสเหยียบย่างลงไปพื้นที่ปูด้วยพรมของค่าย เอาดี (AUDI) ที่งานมหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ครั้งล่าสุด ซึ่งมีขึ้นระหว่างวันที่ 14-27 มกราคม 2019 ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมัน 3 รายนี้ หายหน้าหายตาไปหมด เป็นอุบัติการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ในช่วงเวลาไม่น้อยกว่า 3 ทศวรรษ ที่ทีมงานของเรามีโอกาสสัมผัสงานแสดงรถยนต์ระดับ "อินเตอร์" เกิดอะไรขึ้นกับงานที่ ดีทรอยท์ ? ซึ่งเคยถือกันว่าเป็นงานสำคัญที่สุดในรอบปีของวงการรถยนต์เมืองมะกัน การขาดหายไปของยักษ์ใหญ่เหล่านี้ และอีกหลายราย ทำให้งานดูหงอยเหงา และรายงานนี้มีรถสายพันธุ์ยุโรปหลงเหลืออยู่เพียง 2 แบบ 2 คัน อีกประเด็นก็คือ การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับงานแสดงรถยนต์รายการนี้ นั่นคือ งานครั้งล่าสุดในปี 2019 นี้ เป็นปีสุดท้ายที่งานมหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์เปิดฉาก และปิดฉากในเดือนมกราคม เพราะผู้จัดงานประกาศยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่า งานครั้งหน้าจะเลื่อนไปจัดในเดือนมิถุนายน 2020 เป็นการเปลี่ยนแปลงที่โดนใจทีมงานของเราอย่างยิ่ง และเห็นดีด้วยอย่างมาก ไม่มีการระบุที่มาที่ไปของการเปลี่ยนเดือนอย่างชัดเจน แต่ก็เชื่อได้เลยว่าเหตุผลสำคัญข้อหนึ่งน่าจะอยู่ที่อุณหภูมิอากาศ เพราะในเดือนมกราคมเมืองดีทรอยท์มีอุณหภูมิเฉลี่ย -7 องศาเซลเซียส แต่เดือนมิถุนายนตัวเลขจะสูงขึ้นเป็น 21 องศา จึงคาดหวังได้เลยว่ารูปลักษณ์ของมหกรรมยานยนต์รายการนี้น่าจะเปลี่ยนไปมาก จะมีการจัดแสดงในพื้นที่ที่ไม่มีหลังคา มีการบรรเลงดนตรี มีงานบันเทิงเริงรมย์ ฯลฯ คล้ายกับการจัดงานอย่างที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า CAR-THEMED FESTIVAL นั่นเอง ที่ยืนยันได้ว่าจะไม่มีแน่นอนก็คือ หิมะ
- COBO CENTER สถานที่จัดงานนี้ เป็นกลุ่มอาคาร 2-3 ชั้น ตั้งอยู่ริมแม่น้ำดีทรอยท์ ติดชายแดน แคนาดา (ภาพของผู้จัดงาน)
CADILLAC XT6
เปิดรายงานด้วย เอสยูวี สุดหรูรุ่นปี 2020 ซึ่งอวดตัวแบบ GLOBAL DEBUT หรือ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ และจะเริ่มการจำหน่ายในฤดูใบไม้ผลิ 2019 พร้อมกับป้ายชื่อ แคดิลแลค เอกซ์ที 6 (CADILLAC XT6) เป็น FULL-SIZE CROSSOVER SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดโตเต็มพิกัด ในตัวถังขนาด 5.050x1.964x1.750-1.784 ม. ซึ่งตำแหน่งในตลาดจะแทรกอยู่ตรงกลางระหว่างรถ 2 แบบที่มีอยู่แล้วในสายการผลิตขณะนี้ คือ แคดิลแลค เอกซ์ที 5 (CADILLAC XT5) กับ แคดิลแลค เอสกาเลด (CADILLAC ESCALADE) จะมีให้เลือกทั้งแบบขับล้อหน้า และแบบขับทุกล้อ แต่เลือกเครื่องยนต์ไม่ได้เพราะมีขนาดเดียว คือ เครื่องเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 6 สูบ 3,649 ซีซี 229 กิโลวัตต์/310 แรงม้า ซึ่งทำงานร่วมกันกับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ และมีโหมดการทำงานให้เลือก 4 แบบ ห้องโดยสารซึ่งยืดแข้งยืดขาสบาย ติดตั้งเก้าอี้ที่นั่ง 3 แถว นั่งได้ 6 คนCHEVROLET BLAZER
ในบูธของยักษ์ใหญ่เมืองมะกันที่ผู้ใช้รถในบ้านเรารู้จักกันดี มีผลงานใหม่ให้ชมหลายชิ้น แต่มีอยู่เพียงชิ้นเดียวที่เห็นว่าสมควรบรรจุไว้ในรายงานนี้ คือ เอสยูวี แบบใหม่ที่เพิ่งออกตลาดพร้อมกับป้ายชื่อ เชฟโรเลต์ บเลเซอร์ (CHEVROLET BLAZER) เป็น MID-SIZE CROSSOVER SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดกลาง ในตัวถังขนาด 4.917x1.915x1.745 ม. ซึ่งติดตั้งเก้าอี้ที่นั่ง 2 แถว นั่งได้รวม 5 คน มีทั้งแบบขับทุกล้อ และขับทุกล้อ มีการตกแต่ง/ติดอุปกรณ์รวม 3 ระดับ คือ BLAZER-BLAZER RS-BLAZER PREMIER มีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 ขนาด คือ เครื่องเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC 4 สูบเรียง 2.5 ลิตร 143 กิโลวัตต์/193 แรงม้า กับเครื่องเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 6 สูบ 3.6 ลิตร 227 กิโลวัตต์/305 แรงม้า ส่วนระบบเกียร์มีแบบเดียว คือ เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ ค่าตัว MSRP เริ่มต้นที่ 28,000 เหรียญ หรือประมาณ 922,000 บาท เท่านั้นเองLINCOLN CONTINENTAL COACH DOOR EDITION
เปิดตัวในเมืองมะกัน เมื่อกลางเดือนธันวาคมปีน้องหมา แต่ทีมงานของเราเพิ่งมีโอกาสได้สัมผัสตัวจริงของรถเก๋งซีดานสุดหรูติดป้ายชื่อ ลินคอล์น คอนทิเนนทัล โคช ดอร์ เอดิชัน (LINCOLN CONTINENTAL COACH DOOR EDITION) เป็นครั้งแรกที่งานนี้ เป็นรถที่ทำขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 80 ปีของรถหรู ลินคอล์น คอนทิเนนทัล (LINCOLN CONTINENTAL) ซึ่งเริ่มจำหน่ายเมื่อปี 1939 และจะทำเพียง 80 คัน ทุกคันไม่ได้ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด แต่ดัดแปลงจากรถรุ่นปัจจุบันซึ่งเริ่มจำหน่ายเมื่อปลายปี 2016 ในฐานะรถรุ่นปี 2017 การดัดแปลงที่ว่านี้ก็ไม่มีอะไรมาก คือ เพียงแต่เปลี่ยนลักษณะการเปิด/ปิดประตูข้างทั้ง 2 ด้าน จากเปิดไปทางเดียวกันเหมือนรถเก๋งทั่วไป เป็นเปิดแยกจากกันโดยยังมีเสาค้ำยันกลางอย่างที่เห็นในภาพ เป็นประตูที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า SUICIDE-DOOR หรือ "ประตูฆ่าตัวตาย" และเป็นรูปแบบของประตูที่รถอนุกรมนี้บางรุ่นในอดีตเคยใช้มาแล้วLINCOLN AVIATOR
ผลงานใหม่อีกชิ้นหนึ่งของผู้ผลิตรถหรูที่อยู่ภายใต้ร่มเงาของค่าย "วงรีสีฟ้า" คือ เอสยูวี ติดป้ายชื่อ ลินคอล์น เอวิเอเตอร์ (LINCOLN AVIATOR) ซึ่งต้องรอจนถึงครึ่งหลังของปีหมูทองท้องแห้งนี้ จึงจะเริ่มการจำหน่ายในฐานะรถรุ่นปี 2020 เป็น MID-SIZE CROSSOVER SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดกลาง ติดตั้งเก้าอี้ที่นั่ง 3 แถว ที่จะมีให้เลือกทั้งแบบขับล้อหลัง และขับทุกล้อ มีระบบขับ 2 แบบ คือ ด้วยพลังของเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบเบนซิน DOHC วี 6 สูบ 3.0 ลิตร ที่คาดว่าจะให้กำลังสูงถึง 298 กิโลวัตต์/400 แรงม้า และส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ SELECTSHIFT กับระบบขับ ไฮบริดชนิดต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟแบทเตอรี หรือ PLUG-IN HYBRID ซึ่งใช้เครื่องยนต์ ทวินเทอร์โบเบนซิน DOHC 6 สูบเรียง 3.0 ลิตร ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า เป็นระบบขับที่ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะให้กำลังสุทธิที่สูงถึง 336 กิโลวัตต์/450 แรงม้านั่นเทียวFORD EXPLORER
จุดโฟคัสความสนใจในบูธของค่าย "วงรีสีฟ้า" คือ เอสยูวี ติดป้ายชื่อ ฟอร์ด เอกซ์พลอเรอร์ (FORD EXPLORER) รุ่นใหม่ ซึ่งปรากฏตัว "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ และต้องรอจนถึงฤดูร้อนของปีหมูทองร้องจ๊ากนี่แหละจึงจะเริ่มออกโชว์รูมในฐานะรถรุ่นปี 2020 เป็น FULL-SIZE CROSSOVER SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดโตเต็มพิกัด ในตัวถังขนาด 5.050x2.005x1.775-1.783 ม. ติดตั้งเก้าอี้ที่นั่ง 3 แถว ที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมดตั้งแต่พื้นรถจรดหลังคา มีหน้าตา และรูปทรงองค์เอวที่ดูธรรมดาๆ ไม่มีจุดเด่นตรงไหนที่สมควรกล่าวถึง จะมีทั้งแบบขับล้อหลังแบบขับทุกล้อ และมีขุมพลังขับเคลื่อนให้เลือกถึง 3 แบบ คือ ด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินฉีดตรง DOHC 4 สูบเรียง 2.3 ลิตร 300 แรงม้า ด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินฉีดตรง DOHC วี 6 สูบ 3.0 ลิตร 365/400 แรงม้า และด้วยระบบขับไฮบริดชนิดไม่มีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ ที่ให้กำลังสุทธิสูงสุด 318 แรงม้าFORD MUSTANG SHELBY GT500
ดึงดูดความสนใจจากสื่อมวลชนอย่างอึงคนึง คือ รถแรง และเร็วติดป้ายชื่อ ฟอร์ด มัสแตง เชลบี จีที 500 (FORD MUSTANG SHELBY GT500) ซึ่งปรากฏตัว "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ พร้อมคำยืนยันสรรพคุณว่าเป็น "รถมัสแตงที่ทรงพลังที่สุด และก้าวหน้าที่สุด" นับเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงอีกชิ้นหนึ่งของสำนัก แต่งรถ คาร์โรลล์ เชลบี (CARROLL SHELBY) ซึ่งทำรถเร็วรถแรงให้แก่ค่าย "วงรีสีฟ้า" มานมนาน รถรุ่นใหม่นี้นับเป็นรถรุ่นที่ 3 จะเริ่มการขายก่อนสิ้นปีนี้ในฐานะรถรุ่นปี 2020 พัฒนาจากรถที่มีขายอยู่ก่อนแล้ว คือ ฟอร์ด มัสแตง เชลบี จีที 350 (FORD MUSTANG SHELBY GT350) และหัวใจของการพัฒนาที่ว่านี้ คือ การปรับปรุงเครื่องยนต์เบนซิน DOHC วี 8 สูบ 5,163 ซีซี 526 แรงม้า ที่ใช้อยู่เดิม จนคาดว่าจะได้กำลังสูงสุดที่สูงกว่า 700 แรงม้า จึงทำให้คาดหมายได้ว่า รถโมเดลใหม่นี้จะทำอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ในเวลาแค่ MID-THREE-SECOND หรือ 3 วินาทีครึ่งRAM HEAVY DUTY 2500/HEAVY DUTY 3500
ที่งานเดียวกันนี้เมื่อต้นปี 2018 ค่ายแรม (RAM) เรียกความสนใจจากผู้คนโดยการนำรถติดป้ายชื่อ แรม 1500 (RAM 1500) ออกอวดตัว "ครั้งแรกในโลก" พร้อมให้คำอธิบายว่าเป็นรถพิคอัพขนาดครึ่งตันรุ่นใหม่ ที่กำลังจะออกโชว์รูมในฐานะรถรุ่นปี 2019 ที่งานนี้ผู้ผลิตรถยนต์ซึ่งอยู่ในเครือข่ายของค่าย FCA (FIAT CHRYSLER AUTOMOBILES) ใช้กลยุทธ์เดิม แต่คราวนี้รถที่นำออกแสดงแบบ "ครั้งแรกในโลก" เป็นรถพิคอัพ แรม เฮพวี ดิวที 2500 (RAM HEAVY DUTY 2500) กับ แรม เฮฟวี ดิวที 3500 (RAM HEAVY DUTY 3500) ซึ่งเห็นชื่อรุ่นก็เข้าใจได้ทันทีว่าเป็นรถที่ใช้งานได้สมบุกสมบันกว่า และบรรทุกน้ำหนักได้มากกว่านั่นเอง เป็นรถสายพันธุ์มะกันที่ไม่ได้ผลิตในสหรัฐอเมริกา แต่ใช้โรงงานในเมกซิโกเป็นที่ผลิต เริ่มจำหน่ายแล้วและมีเครื่องยนต์รวม 3 ขนาด คือ เครื่องเบนซิน วี 8 สูบ 6.4 ลิตร 410 แรงม้า กับเครื่องเทอร์โบเบนซินฉีดตรง 6 สูบเรียง 6.7 ลิตร 370/400 แรงม้าJEEP GLADIATOR
อวดตัว "ครั้งแรกในโลก" ที่งานมหกรรมยานยนต์ลอสแองเจลิส เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนปีน้องหมาไม่กล้าเห่า และฉายซ้ำสองที่งานนี้ คือ จีพ กแลดิเอเตอร์ (JEEP GLADIATOR) รถพิคอัพแบบแรกของค่ายนี้นับแต่เลิกผลิตรถพิคอัพรุ่นก่อน คือ จีพ โคแมนชี (JEEP KOMANCHE) เมื่อปี 1992 ไม่ใช่รถที่ทำขึ้นใหม่ทั้งหมด แต่พัฒนาต่อกิ่งต่อยอดจากรถเอสยูวี จีพ แรงเลอร์ (JEEP WRANGLER) รุ่นปัจจุบันที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อต้นปี 2018 เป็นการพัฒนาดัดแปลงที่ส่งผลให้มีตัวถังที่ยาวขึ้นประมาณ 80 ซม. แต่หน้าตา และรูปทรง องค์เอวของตัวถังส่วนครึ่งหน้าแทบไม่มีอะไรเลยที่ผิดเพี้ยนจากรถซึ่งเป็นที่มา จะเริ่มการจำหน่ายในฐานะรถรุ่นปี 2020 โดยมีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 ขนาด คือเครื่องเบนซิน วี 6 สูบ 3.6 ลิตร 213กิโลวัตต์/285 แรงม้า กับเครื่องเทอร์โบเบนซิน วี 6 สูบ 3.0 ลิตร 194 กิโลวัตต์/260 แรงม้า ทั้ง 2 ขนาดส่งกำลังสู่ล้อคู่หน้าคู่หลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรือเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะTOYOTA SUPRA
1 ในบรรดารถตลาดสายพันธุ์ยุ่นเพียงไม่กี่แบบซึ่งปรากฏตัว "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ คือ โตโยตา ซูพรา (TOYOTA SUPRA) ที่ผู้ผลิตเอ่ยอ้างว่าเป็น ONE OF THE WORST KEPT SECRETS IN THE AUTO INDUSTRY เพราะข่าวคราวของรถรุ่นนี้รั่วไหลออกมาเรื่อยๆ นานเป็นปีก่อนการเปิดตัวครั้งนี้ นับเป็นรถรุ่นที่ 5 และกำลังจะเริ่มการผลิตหลังจากรถรุ่นที่ 4 หายหน้าหายตาไปแล้ว 17 ปี ที่สมควรบอกกล่าวก็คือ รถรุ่นใหม่นี้เป็นผลงานจากความร่วมมือกับค่าย "ใบพัดเครื่องบินสีฟ้าขาว" และเป็นคู่แฝดต่างฝากับ บีเอมดับเบิลยู เซด 4 โรดสเตอร์ (BMW Z4 ROADSTER) รุ่นล่าสุดซึ่งชิงเปิดตัวไปก่อนแล้ว ที่ต่างกันก็คือ ผลงานของฝ่ายเยอรมันเป็นรถเปิดประทุน ส่วนของฝ่ายญี่ปุ่นเป็นรถคูเป ยังยึดโครงสร้างของรถรุ่นก่อนๆ คือ วางเครื่องหน้า/ขับเคลื่อนล้อหลังไว้อย่างเหนียวแน่น ต้องรอจนถึงฤดูใบไม้ผลิปี 2019 นี้จึงจะเริ่มการจำหน่ายในเมืองแม่ รายละเอียดมากกว่านี้โปรดติดตามใน "ระเบียงรถใหม่"LEXUS LC CONVERTIBLE CONCEPT
ปรากฏตัวแบบ WORLD DEBUT หรือ "ครั้งแรกในโลก" เช่นกัน คือ เลกซัส แอลซี คอนเวอร์ทิเบิล คอนเซพท์ (LEXUS LC CONVERTIBLE CONCEPT) ซึ่งเห็นหน้าตา และพิจารณารายละเอียดแล้วเข้าใจว่าเป็นรถตลาดที่กำลังจะออกโชว์รูม แต่ที่จริงยังติดป้ายชื่อว่าเป็นรถแนวคิด และคาดหมายกันว่าภายในปี 2020 จะเปลี่ยนฐานะเป็นรถตลาดสมบูรณ์แบบ เป็นงานรังสรรค์ของทีมงานในญี่ปุ่นที่มี ทาดาโอะ โมริ (TADAO MORI) นักออกแบบเลือดซามูไรเป็นผู้นำ เช่นเดียวกันกับรถเปิดประทุนอีกหลายแบบ รถแนวคิดคันนี้ไม่ใช่รถที่ทำขึ้นใหม่ทั้งคัน แต่พัฒนาต่อยอดมาอีกทอดหนึ่งจากรถคูเปชื่อเดียวกัน ซึ่งปรากฏตัว ครั้งแรกที่งานเดียวกันนี้เมื่อปี 2017 ตัวถังขนาด 4.770x1.920x1.340 ม. คือ เท่ากันในทุกมิติกับรถซึ่งเป็นที่มา เป็นผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลงจากหลังคาแข็งติดตายเป็นหลังคาเปิดประทุน ซึ่งจนถึงวันที่พิมพ์รายงานข่าวนี้ก็ยังหาข้อมูลยืนยันไม่ได้ว่า จะใช้ประทุนหลังคาแบบอ่อน หรือแบบแข็ง ? หรือมีทั้ง 2 แบบ ?LEXUS RC F
รถตลาดสายพันธุ์ยุ่นอีกแบบหนึ่งซึ่งอวดตัว "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ คือ รถหรูรถแรงรถเร็วติดป้ายชื่อ เลกซัส อาร์ซี เอฟ (LEXUS RC F) ซึ่งต้องรอจนถึงไตรมาส 2 ของปีหมูทองร้องหาคะแนนจึงจะเริ่มการผลิต และเป็นการผลิตในญี่ปุ่นมิใช่ในสหรัฐอเมริกา ไม่ใช่รถใหม่แท้ๆ แต่เป็นรถรุ่นแรกซึ่งเริ่มจำหน่ายในเมืองยุ่น เมื่อเดือนตุลาคม 2014 และเพิ่งได้รับการปรับปรุงแบบ FACELIFT หรือ "ยกหน้า" เป็นครั้งแรก มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดในหลายจุดเพื่อเพิ่มสมรรถน ะและลดน้ำหนักตัว จุดที่เป็นหัวใจก็คือ การปรับแต่งเครื่องยนต์บลอคเดิมซึ่งเป็นเครื่องเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 8 สูบ 4,968 ซีซี จนกำลังสูงสุดเพิ่มขึ้น 5 แรงม้า เป็น 472 แรงม้า ส่วนระบบเกียร์เพื่อส่งกำลังสู่ล้อคู่หลังยังคงเป็นเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะเช่นเดิม ในเมืองมะกันจะมีรถ 2 โมเดล คือ LEXUS RC F กับ LEXUS RC F TRACK EDITION โมเดลหลังนี้ใช้เวลาไม่ถึง 4.0 วินทีในการทำ 0-96 กม./ชม.SUBARU STI S209
เจ้าของเครื่องหมายการค้า "ดาวลูกไก่" ซึ่งยอดขายรถในเมืองมะกันเพิ่มขึ้นทุกเดือนต่อเนื่องกันนาน 85 เดือน ใช้งานนี้เป็นที่เปิดตัวรถติดป้ายชื่อ ซูบารุ เอสทีไอ เอส 209 (SUBARU STI S209) ซึ่งเป็นรถเล็ก รถแรงรถเร็ว ที่จะเริ่มการจำหน่ายตอนปลายปี 2019 และจะผลิตในจำนวนจำกัด (LIMITED-EDITION) เพียง 200 คัน เป็นรถที่มีสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดเป้าหมาย และจะไม่มีขายในญี่ปุ่น ผู้ผลิตบอกด้วยว่า เป็นรถหวังได้กล่องไม่ใช่เงิน และไม่ได้ทำขึ้นใหม่ทั้งคัน แต่พัฒนาต่อกิ่งต่อยอดมาอีกทอดหนึ่ง จากรถรุ่นสามัญที่จำหน่ายในชื่อ SUBARU WRX STI โดยปรับเปลี่ยนรายละเอียดหลายจุด ทั้งในส่วนของตัวถัง กลไก และ แชสซีส์ เพื่อบรรลุเป้าหมายด้านความเร็วตามสไตล์ของรถประเภทนี้ จึงกล่าวได้ว่าหัวใจของการปรับเปลี่ยนอยู่ที่เครื่องยนต์ คือ การปรับแต่งเครื่องเทอร์โบเบนซิน 4 สูบนอนยัน (บอกเซอร์) ความจุ 2.5 ลิตร จนได้กำลังสูงสุดที่สูงถึง 254 กิโลวัตต์/341 แรงม้าNISSAN IMS
ยกตำแหน่งสุดยอดรถแนวคิดประจำงานให้ไปเลย คือ นิสสัน ไอเอมเอส (NISSAN IMS) 1 ในบรรดารถแนวคิดสายเลือดซามูไรเพียง 3 คัน ซึ่งปรากฏตัว "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถเก๋งซีดานขนาดกลางสุดไฮเทค ทั้งในส่วนของตัวถัง และระบบขับ ตัวถังขนาด 4.845x1.900x1.500 ม.ดูแปลกแหวกแนว และมีจุดสะดุดตาสะดุดใจอยู่มากมาย ตัวอย่างคือ ประตูข้างที่เปิดแยกจากกันโดยไม่มีเสาค้ำยันกลาง และกระทะล้อขนาดโต 22 นิ้ว ห้องโดยสารออกแบบให้นั่งได้ 5 คน (2+1+2) โดยที่เก้าอี้ที่นั่งตัวหลังมีลักษณะเป็นม้ายาวซึ่งนั่งได้รวม 3 คน แต่จะเปลี่ยนสภาพเป็นเก้าอี้พรีเมียม (PREMIUM SEAT) นั่งคนเดียวเมื่อพับส่วนยื่นทั้ง 2 ข้าง ติดตั้งระบบขับด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด ชุดหนึ่งขับล้อคู่หน้าอีกชุดขับคู่หลัง ได้กำลังรวม 360 กิโลวัตต์/483 แรงม้า ส่วนแบทเตอรีซึ่งติดตั้งอยู่ใต้พื้นรถมีขนาด 115 กิโลวัตต์ชั่วโมง ชาร์จไฟแต่ละครั้งจะวิ่งได้ไกลกว่า 600 กม.INFINITI QX INSPIRATION
รถแนวคิดสายเลือดซามูไรอีกคันหนึ่งซึ่งอวดตัว "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ คือ อินฟินิที คิวเอกซ์ อินสไปเรชัน (INFINITI QX INSPIRATION) ซึ่งเป็นจุดโฟคัสความสนใจในบูธของผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในฮ่องกง เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถกิจกรรมกลางแจ้งขนาดกลาง ซึ่งบ่งบอกทิศทางของรถกิจกรรมกลางแจ้งพลังไฟฟ้าที่ค่ายนี้ตั้งใจจะผลิตจำหน่ายเป็นแบบแรก ตัวถังยาว 4.650 ม. และสูง 1.630 ม. ออกแบบได้ดี ถ้ามีคะแนนก็ต้องให้เต็ม 10 รูปทรงองค์เอวตัวถังดูสะอาดเกลี้ยงเกลาไม่มีสันไม่มีครีบที่จะสะดุดการไหลของกระแสลม ประตูข้างที่เปิดแยกจากกันโดยไม่มีเสาค้ำยันกลางช่วยให้การขึ้นลงรถทำได้โดยสะดวก ภายในห้องโดยสารก็ออกแบบได้อย่างวิลิศมาหรา และได้ความรู้สึก มีระบบแสงที่ทำให้เปลี่ยนได้ถึง 4 สี คือ สีเขียวอ่อน สีเหลืองละมุน สีชมพู และสีม่วง ที่น่าชื่นชม และทำให้เป็นรถสะอาดที่แท้จริง คือ ระบบขับทุกล้อไร้ไอเสียซึ่งติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด ชุดหนึ่งขับล้อคู่หน้า อีกชุดขับล้อคู่หลังINFINITI PROTOTYPE 10
จุดดึงดูดความสนใจอีกจุดหนึ่งในบูธของผู้ผลิตรถพรีเมียมพันธุ์ยุ่น คือ อินฟินิที พโรโทไทพ์ 10 (INFINITI PRTOTYPE 10) ซึ่งปรากฏตัวครั้งแรกที่งานมหกรรมการกุศล PEBBLE BEACH CONCOURS D'ELEGANCE ซึ่งมีขึ้นในรัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2018 และฉายซ้ำ 2 ที่งานนี้ เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของ SINGLE-SEAT SPEEDSTER หรือรถเปิดประทุนที่นั่งเดียว ที่ค่ายนี้รังสรรค์ขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นว่า จะผสมผสานเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้า (ELECTRIFIED POWERTRAIN) เข้ากับรถยนต์สไตล์โบราณได้อย่างไร เชื่อว่าไม่ใช่ต้นแบบของรถที่ผู้ผลิตรถระดับพรีเมียมรายนี้จะทำขายอย่างเป็นเรื่องเป็นราว หากเป็นแนวทางในการศึกษาเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้กับรถหลายๆ แบบ เพราะมีการยืนยันเมื่อไม่นานมานี้แล้วว่า ตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นไป รถติดยี่ห้อ อินฟินิที (INFINITI) ทุกแบบทุกโมเดลที่จำหน่าย ต้องติดตั้งระบบขับอย่างที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า ELECTRIFIED POWERTRAINHONDA PASSPORT
ปรากฏตัวแบบ WORLD DEBUT หรือ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานมหกรรมยานยนต์ลอสแองเจลิส เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2018 และฉายซ้ำ 2 ที่งานนี้เช่นกัน คือ ฮอนดา พาสสปอร์ท (HONDA PASSPORT) จุดโฟคัสสายตาในบูธของยักษ์รองเมืองปลาดิบ เป็น MID-SIZE CROSSOVER SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดกลาง ในตัวถังขนาด 4.839x1.996x1.819 ม. ติดตั้งเก้าอี้ที่นั่ง 2 แถว ซึ่งออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมดตั้งแต่หัวจรดหาง เป็นรถญี่ปุ่นที่ออกแบบ และพัฒนาโดยทีมงานในเมืองมะกัน รวมทั้งจะใช้โรงงานในรัฐอลาบามาของสหรัฐอเมริกาเป็นที่ผลิตด้วย การผลิตที่ว่านี้เริ่มต้นแล้วเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่เพิ่งผ่านพ้นไป ส่วนการขายกำหนดไว้แล้วว่าจะเริ่มตอนต้นปีใหม่ เป็นรถที่จะมีเครื่องยนต์ขนาดเดียว คือ เครื่องเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง วี 6 สูบ 3,471 ซีซี 209 กิโลวัตต์/280 แรงม้า ส่งกำลังสู่ล้อคู่หน้า หรือทั้งคู่หน้า และคู่หลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะKIA TELLURIDE
ยักษ์รองเมืองโสมตกแต่งบูธเป็นป่า มีถนนให้รถวิ่งได้อย่างที่เห็นในภาพนี้และภาพแรกของรายงาน แล้วใช้เป็นที่เปิดตัว เกีย เทลลูไรด์ (KIA TELLURIDE) รถแบบแรกของค่ายนี้ที่ออกแบบขึ้นโดยเฉพาะสำหรับตลาดอเมริกัน และใช้โรงงานที่รัฐจอร์เจียของสหรัฐอเมริกาเป็นที่ผลิต เป็น FULL-SIZE CROSSOVER SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดโตเต็มพิกัดที่ออกแบบ/พัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมดตั้งแต่พื้นรถจรดหลังคาที่ศูนย์ออกแบบซึ่งตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ตัวถังขนาด 5.001x1.989x1.750-1.760 ม. ติดตั้งเก้าอี้ที่นั่ง 3 แถว นั่งได้ 7/8 คน (2+2/3+3) แบ่งการตกแต่ง/ติดตั้งอุปกรณ์เป็น 4 ระดับ กำกับด้วยรหัส LX-S-EX-SX มีทั้งแบบขับล้อหน้าและขับทุกล้อ แต่มีเครื่องยนต์ขนาดเดียวเลือกไม่ได้ คือ เครื่องเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 6 สูบ 3,778 ซีซี 217 กิโลวัตต์/291 แรงม้า ระบบเกียร์ก็เลือกไม่ได้เพราะมีแบบเดียวเช่นกัน คือ เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะKIA SOUL
รถใหม่อีกแบบหนึ่งซึ่งปรากฏตัว "ครั้งแรกในโลก" ที่งานมหกรรมยานยนต์ลอสแองเจลิส ครั้งล่าสุดเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2018 และฉายซ้ำ 2 ที่งานนี้ คือ เกีย โซล (KIA SOUL) รุ่นใหม่ ซึ่งขณะพิมพ์รายงานนี้เริ่มการจำหน่ายในเมืองโสมไปแล้วพร้อมกับป้ายชื่อ เกีย โซล บูสเตอร์ (KIA SOUL BOOSTER) แต่ในเมืองมะกันยังต้องรออีกหน่อย นับเป็นรถรุ่นที่ 3 และเป็นรถที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด ตัวถังมีขนาด 4.196x1.800x1.600 ม. คือ ยาวขึ้น 5.6 ซม. แต่กว้าง และสูงเท่าเดิม รูปทรงองค์เอวดูแล้วฟันธงได้เลยว่า ผู้ออกแบบยังอาลัยอาวรณ์รถรุ่นเดิมอยู่มาก จะเริ่มการจำหน่ายในฐานะรถรุ่นปี 2020 และจะมีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 ขนาด คือ เครื่องเบนซิน 4 สูบเรียง 2.0 ลิตร 110 กิโลวัตต์/147 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรือเกียร์อัตโนมัติ CVT กับเครื่องเทอร์โบดีเซลฉีดตรง 4 สูบเรียง 1.6 ลิตร 150 กิโลวัตต์/201 แรงม้า ทำงานร่วมกับเกียร์คลัทช์คู่ 7 จังหวะKIA SOUL EV
ปรากฏตัวเคียงคู่กันกับรถ เกีย โซล (KIA SOUL) เครื่องยนต์เบนซิน คือ เกีย โซล อีวี (KIA SOUL EV) ซึ่งในเมืองโสมขาว เริ่มการจำหน่ายไปแล้วเมื่อกลางเดือนมกราคม 2019 พร้อมกับป้ายชื่อ เกีย โซล บูสเตอร์ อีวี (KIA SOUL BOOSTER EV) และป้ายราคาค่าตัวซึ่งเริ่มต้นที่ระดับ 46 ล้านวอน หรือเท่ากับประมาณ 1.5 ล้านบาทไทย ส่วนในสหรัฐอเมริกายังหาข้อมูลไม่ได้ว่าจะเริ่มการจำหน่ายในเดือนใดของปี ? รถรุ่นใหม่นี้ก็เช่นเดียวกับรถรุ่นเดิมซึ่งเริ่มจำหน่ายในเมืองโสม เมื่อเดือนพฤษภาคม 2014 คือ ติดตั้งระบบขับด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 1 ชุด ทำงานร่วมกับแบทเตอรี ที่เปลี่ยนไป คือ ขนาดที่โตขึ้น และจุขึ้น นั่นคือมอเตอร์ไฟฟ้าเพิ่มขนาดจาก 81 กิโลวัตต์/111 แรงม้า เป็น 150 กิโลวัตต์/201 แรงม้า และแบทเตอรี LITHIUM-ION POLYMER เพิ่มขนาดจาก 30 เป็น 64 กิโลวัตต์ชั่วโมง ผลลัพท์สุดท้ายก็คือ ระยะทางที่เคยทำได้แค่ 180 กม. ก็คาดว่าจะเพิ่มเป็นไม่น้อยกว่า 2 เท่าHYUNDAI PALISADE
ชิงเปิดตัวไปก่อนแล้วที่งานมหกรรมยานยนต์ลอสแองเจลิส เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2018 และฉายซ้ำ 2 ที่งานนี้ คือ รถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดโตเต็มพิกัดติดป้ายชื่อ ฮันเด พาลิเสด (HYUNDAI PALISADE) คู่แฝดต่างฝาของ เกีย เทลลูไรด์ (KIA TELLURIDE) ที่เห็นในภาพใหญ่ และรายงานข้อมูลไปแล้ว นอกจากหน้าตาที่ดูไม่เหมือนกันเลย และรูปลักษณ์ภายนอกที่ผิดเพี้ยนกันไปหลายจุดหลายรายการแล้ว ความแตกต่างประการสำคัญอยู่ที่ว่า รถแบบหลังนี้ผลิตในเกาหลีใต้ ที่โรงงานซึ่งตั้งอยูในเมืองอุลซาน (ULSAN) ไม่ใช่ผลิตในสหรัฐอเมริกา กำหนดออกโชว์รูมในเมืองมะกันคือฤดูร้อนปี 2019 และจะติดป้ายว่าเป็นรถรุ่นปี 2020 เช่นเดียวกับคู่แฝดต่างฝา รถที่มีขนาดตัวถัง 4.981x1.976x1.750 ม. และมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.33 นี้ จะมีเครื่องยนต์ขนาดเดียว คือเครื่องเบนซินฉีดตรง DOHC วี 6 สูบ 3,778 ซีซี 217 กิโลวัตต์/291 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะGAC ENTRANZE
คู่ควรกับตำแหน่งสุดยอดรถแนวคิดประจำงานเช่นกัน คือ รถติดป้ายชื่อ จีเอซี เอนทรานเซ (GAC ENTRANZE) จุดโฟคัสความตื่นตาใจในบูธของค่าย GAC MOTOR (GUANGZHOU AUTOMOBILE GROUP MOTOR) ผู้ผลิตรถยนต์นั่งรายใหญ่อันดับ 6 ของเมืองมังกร ซึ่งกำลังจะส่งรถหลายแบบหลายรุ่นเข้าไปจำหน่ายในเมืองมะกัน เป็นรถแนวคิดซึ่งออกแบบ/พัฒนาในสหรัฐอเมริกา ที่ศูนย์ออกแบบอันก้าวหน้าของค่ายนี้ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองลอสแองเจลิส และเป็นรถที่ผู้ผลิตรถยนต์จีนบอกว่ารังสรรค์ขึ้นเพื่อสนองความ จำเป็นของผู้ใช้รถในประเทศนี้ ตัวถังซึ่งมีจุดโดดเด่นสะดุดตามากมายรวมทั้งประตูข้างที่เปิดเลื่อนจากกันโดยไม่มีเสาค้ำยันกลางดังที่เห็นในภาพ เป็นผลลัพธ์ของการออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจจากรูปลักษณ์ของกระสุนปืน ส่วนห้องโดยสารซึ่งติดตั้งเก้าอี้ที่นั่งในลักษณะ 3+2+2 ได้ความคิดจากอากาศยาน ที่เหมาะสมมากกับยุคกับสมัยก็คือ ส่วนใหญ่ของวัสดุที่ใช้ผลิตล้วนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมMAHINDRA ROXOR OFFROAD
มหินทรา กรุพ (MAHINDRA GROUP) กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ของเมืองภารตะ สร้างปรากฏการณ์ที่ไม่เคยทำมาก่อน คือ ควักเงินก้อนโตซื้อพื้นที่ของงานนี้เป็นครั้งแรกในช่วงเวลาที่ยาวนานกว่า 1 ศตวรรษ รถใหม่ที่นำไปอวดมีอยู่หลายคันทั้งรถแนวคิดและรถตลาด ที่เลือกมาบรรจุไว้ในรายงานนี้ คือ มหินทรา รอกเซอร์ ออฟโรด (MAHINDRA ROXOR OFFROAD) รถ เอสยูวี พันธุ์แท้ขนาดจิ๋ว ที่กำลังมีคดีกับค่าย เฟียต/ไครสเลอร์ (FIAT/CHRYSLER) ว่าลอกเลียนแบบรถจีพ (JEEP) เป็นรถประกอบในสหรัฐอเมริกา ที่โรงงานซึ่งตั้งอยู่ในรัฐมิชิแกน ตัวถังเหล็กกล้าขนาด 3.760x1.575x1.905 ม. ที่ออกแบบให้นั่งได้ 2 คน และบรรทุกของได้หนัก 160 กก. ติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง 4 สูบเรียง 2.5 ลิตร 62 แรงม้า ส่งกำลังสู่ล้อคู่หน้า และคู่หลังผ่านระบบเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ สามารถทำความเร็วสูงสุด 90 กม./ชม.VOLKSWAGEN ATLAS
ดังที่บอกไปแล้วแต่ต้นว่า การขาดหายไปของผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่หลายๆ ราย ทำให้มีรถสายพันธุ์ยุโรปหลงเหลืออยู่ในรายงานนี้เพียง 2 แบบ แบบแรก คือ โฟล์คสวาเกน แอทลาส (VOLKSWAGEN ATLAS) ในภาพซ้ายมือ เป็น FAMILY-SIZED CROSSOVER SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดครอบครัวที่ออกแบบสำหรับตลาดอเมริกัน และใช้โรงงานในรัฐเทนเนสซีเป็นที่ผลิต เพิ่งเริ่มการจำหน่ายเมื่อเดือนกันยายน 2018 ในฐานะรถรุ่นปี 2019 พร้อมกับป้ายราคาค่าตัวซึ่งเริ่มต้นที่ 30,895 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 989,000 บาทไทย ตัวถังขนาด 5.037x1.989x1.778 ม. และติดตั้งเก้าอี้ที่นั่ง 3 แถว มีทั้งแบบขับล้อหน้าแบบขับทุกล้อ และมีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 ขนาด คือ เครื่องเทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง 4 สูบเรียง 1,984 ซีซี 235 แรงม้า กับเครื่องเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง วี 6 สูบ 3,597 ซีซี 276 แรงม้า ระบบเกียร์เลือกไม่ได้ เพราะมีแต่เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะVOLKSWAGEN PASSAT
ปิดรายงานมหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ครั้งสุดท้ายที่จัดตอนต้นปี ด้วยรถสายพันธุ์ยุโรปอีกแบบหนึ่ง คือ โฟล์คสวาเกน พาสสัท (VOLKSWAGEN PASSAT) ซึ่งเป็นคนละแบบกับรถชื่อเดียวกันที่จำหน่ายในเยอรมนี และอีกหลายประเทศในยุโรป ปรากฏตัว "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ แต่ต้องรอจนถึงฤดูร้อนของปี 2019 นี้ จึงจะเริ่มการจำหน่ายในเมืองมะกันในฐานะรถรุ่นปี 2020 เป็นรถเก๋งซีดานขนาดกลางที่ส่วนท้ายมีรูปลักษณ์คล้ายรถคูเป ติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC 4 สูบเรียง 2.0 ลิตร 130 กิโลวัตต์/174 แรงม้า ส่งกำลังสู่ล้อคู่หน้าผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ TIPTRONIC มีอุปกรณ์ช่วยขับและอุปกรณ์ความปลอดภัยสมยุคสมสมัยและไม่น้อยหน้ารถระดับเดียวกันแบบใดๆ ตัวอย่าง คือ ระบบควบคุมความเร็ว ADAPTIVE CRUISE CONTROL ห้ามล้อฉุกเฉิน AUTONOMOUS EMERGENCY BRAKING และระบบช่วยจอดรถ PARKING STEERING ASSISTANT (PARK ASSIST)ABOUT THE AUTHOR
ช
ชูศักดิ์ ชมจินดา
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิตนิตยสาร 399 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2562
คอลัมน์ Online : มหกรรมยานยนต์ต่างประเทศ