NISSAN LEAF E+ วิ่งได้ไกลขึ้นเพราะมอเตอร์ใหญ่ขึ้นแบทเตอรีจุไฟมากขึ้น

สหรัฐอเมริกา/ญี่ปุ่น-เปิดตัวในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ทั้งในญี่ปุ่น และที่งาน CES (CONSUMER ELECTRONIC SHOW) หรือมหกรรมสินค้าอีเลคทรอนิคเพื่อผู้บริโภค ซึ่งมีขึ้นที่เมืองลาสเวกัสในสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 8-11 มกราคม 2019 คือ รถพลังไฟฟ้าติดป้ายชื่อ นิสสัน ลีฟ อีพลัส (NISSAN LEAF E+)

ไม่ใช่รถที่ยักษ์รองเมืองยุ่นทำขึ้นใหม่ทั้งคัน แต่เป็นรถแบบใหม่ที่พัฒนาต่อกิ่งต่อยอดมาอีกทอดหนึ่งจากรถพลังไฟฟ้า นิสสัน ลีฟ (NISSAN LEAF) รุ่นที่ 2 ที่เพิ่งเข้ามาจำหน่ายในเมืองไทย เมื่อมองจากภายนอกรถแบบใหม่นี้แทบไม่มีอะไรเลยที่แตกต่างจากรถซึ่งเป็นที่มา ตัวถังขนาดโตเท่าเดิมแต่สูงขึ้นเล็กน้อย คือ ยาว 4.480 ม. กว้าง 1.790 ม. และสูง 1.565 ม. มีจุดเปลี่ยนภายนอกที่สัมผัสได้ด้วยตาอยู่เพียงไม่กี่จุด   จุดเปลี่ยนสำคัญไม่ได้อยู่ที่ตัวถัง หากเป็นการเปลี่ยนขนาดมอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้ขับล้อคู่หน้า จากขนาด 110 กิโลวัตต์/147 แรงม้า เป็น 160 กิโลวัตต์/214 แรงม้า หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 45 รวมทั้งเปลี่ยนแบทเตอรี ลิเธียม-ไอออน (LITHIUM-ION) จากขนาด 40 เป็น 62 กิโลวัตต์ชั่วโมง หรือเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 55 ผลลัพธ์ที่ชั่งตวงได้ คือ CURB WEIGHT หรือน้ำหนักรถพร้อมขับ เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันจาก 1,558-1,591 กก. เป็น 1,714-1,748 กก. คือ หนักขึ้นถึง 156 กก. ที่สำคัญกว่าการเปลี่ยนแปลงด้านน้ำหนักตัวก็คือ เมื่อวัดตามมาตรฐาน EPA (ENVIRONMENTAL PROTECTION AGENCY) หรือสำนักพิทักษ์สิ่งแวดล้อมของสหรัฐอเมริกา ระยะทางที่รถวิ่งได้หลังการชาร์จไฟแบทเตอรีแต่ละครั้ง จะเพิ่มจาก 150 ไมล์ (ประมาณ 240 กก.) เป็น 226 ไมล์ (ประมาณ 364 กม.) คือ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 51 เป็นตัวเลขที่เชื่อว่าจะทำให้ผู้อยากใช้รถไฟฟ้าหมดความกังวลเรื่องระยะทางไปได้เลย   ในการเปิดตัวครั้งนี้ นิสสัน บอกว่าในเมืองปลาดิบจะเริ่มการจำหน่ายในเดือนมกราคม 2018 พร้อมกับป้ายค่าตัวซึ่งเริ่มต้นที่ 4.162 ล้านเยน หรือเท่ากับประมาณ 1.249 ล้านบาทไทย ส่วนในสหรัฐอเมริกาต้องรอจนถึงฤดูใบไม้ผลิ