“ฟอร์มูลา” สนทนาธุรกิจกับ ปิยะนุช จตุรภัทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและพัฒนาเครือข่าย บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เกี่ยวกับผลประกอบการปี 2561 และทิศทางนโยบายในปีนี้ฟอร์มูลา : ในปีที่ผ่านมา เชฟโรเลต์ ประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด ? ปิยะนุช : ปี 2561 เป็นปีที่ดีเลอร์ให้ความร่วมมือดีมาก ยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2559-2561 โตขึ้น 36 % ดีวันดีคืน เพราะเริ่มลุยเรื่องดิจิทอลมาร์เกทิงมากยิ่งขึ้น ลูกค้าใหม่ 60-70 % มาจากสื่อดิจิทอล เฟศบุค และยูทูบ ยอดขายก็ค่อนข้างดี ถ้าเทียบปี 2561 กับ 2560 เติบโตประมาณ 10 % โดยที่ตลาดโตกว่าเรา เพราะว่าปีที่แล้ว คาดการณ์ยอดขายทั้งตลาดน่าจะอยู่ที่ประมาณ 930,000 คัน ไม่เกิน 950,000 คัน สุดท้ายปิดที่ 1,370,000 คัน เกินกว่าที่คาดการณ์ไว้เกือบ 50,000 คัน เราก็พยายามโตให้ทันตลาด ต้องบอกว่า เชฟโรเลต์ อาจจะห่างหายไปจากการคิดคำนึงของลูกค้าอยู่พักหนึ่ง ตอนนี้พยายามที่จะกลับมา และที่เราประสบความสำเร็จมากๆ คือ เดือนธันวาคม 2561 รุ่น ทเรลบเลเซอร์ ขายได้ถึง 728 คัน เพราะการปรับราคารุ่นตกแต่งพิเศษ ทเรลบเลเซอร์ ฟีนิกซ์ ลงมาอยู่ที่ 999,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ลูกค้ามองว่าสมเหตุสมผล ฟอร์มูลา : ปีนี้ เชฟโรเลต์ วางนโยบาย และกลยุทธ์การรุกตลาดไว้อย่างไร ? ปิยะนุช : ปี 2562 จะชูคำว่า อเมริกัน เพราะ เชฟโรเลต์ เป็นรถสัญชาติอเมริกันพันธุ์แท้ แต่จะแยกย่อยออกไปให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละโมเดล โดยทำการตลาดแบบหาลูกค้าก่อน แล้วสื่อสารออกไปให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย พร้อมแนะนำรถรุ่นตกแต่งพิเศษทั้ง โคโลราโด และทเรลบเลเซอร์ รวมถึงเปิดตัวเอสยูวี รุ่นใหม่ ในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 40 พร้อมส่งรถได้ในช่วงปลายปี โดยรถรุ่นใหม่จะช่วยทั้งกระตุ้นยอดขาย และความร่วมมือของดีเลอร์ ฟอร์มูลา : กลุ่มลูกค้าของ เชฟโรเลต์ แต่ละรุ่นคือใคร ? ปิยะนุช : กลุ่มลูกค้า ทเรลบเลเซอร์ คือ กลุ่มคนที่มองรถ เอสยูวี ที่ความคุ้มค่า เป็นรถอเมริกันที่เอื้อมถึง ส่วน โคโลราโด ตอนครึ่ง ตัวเตี้ย และ 4 ประตู ตัวเตี้ย คือ กลุ่มที่มองหารถที่หน้าตาดี แล้วเอาไปตกแต่งเพิ่ม สำหรับใช้งานในชีวิตประจำวัน อยู่ในราคาที่ไม่สูงจนเกินไป โคโรลาโด ตอนครึ่ง ยกสูง และ 4 ประตู ยกสูง เป็นรถที่ตกแต่งพร้อมใช้งาน และเอสยูวี ใหม่ เน้นความคุ้มค่า คุ้มราคา ใหญ่ และยาวที่สุดในตลาด เหมาะสำหรับการใช้งานในเมือง ฟอร์มูลา : ปีที่ผ่านมา เชฟโรเลต์ มียอดขายเท่าไร ปีนี้ตั้งเป้าการเติบโตไว้อย่างไร ? ปิยะนุช : ปี 2561 เชฟโรเลต์ ได้ส่วนแบ่งการตลาด 2 % แต่นับเฉพาะตลาดรถกระบะ และเอสยูวี ที่ เชฟโรเลต์ มีรถจำหน่าย จะมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ 7.4 % สำหรับปีนี้ตั้งเป้าแบบไม่รวม เอสยูวี ใหม่ ตั้งเป้าเติบโต 2.8 % จากปีที่แล้ว สิ่งที่จะกระตุ้นตลาดได้ คือ การทำให้ลูกค้าเห็นบแรนด์ว่า เชฟโรเลต์ มีการเคลื่อนไหว ด้วยการแนะนำรถรุ่นตกแต่งพิเศษ ฟอร์มูลา : คุณมองว่าอุตสาหกรรมยานยนต์โดยรวมเป็นอย่างไร ? ปิยะนุช : ปีนี้ตลาดโดยรวม ไม่น่าเกิน 981,000-1,000,000 คัน ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง อาทิ เรื่องไฟแนนศ์ที่น่าจะเริ่มควบคุมมากยิ่งขึ้น การอนุมัติลูกค้าเข้มงวดขึ้น น่าจะเห็นภาพชัดเจนในช่วงไตรมาส 2 ฟอร์มูลา : ปัจจุบันการขยายโชว์รูม พร้อมศูนย์บริการเป็นอย่างไร ? ปิยะนุช : ตั้งแต่ปี 2558 เชฟโรเลต์ ประกาศที่จะเน้นเฉพาะรถกระบะ และเอสยูวี มีหลายๆ ดีเลอร์เริ่มเปิดบแรนด์อื่นๆ เสริม ถ้าบแรนด์ไหนทำเงินให้มากกว่า ก็จะดูแลบแรนด์นั้นเป็นพิเศษ ฉะนั้น ถ้า เชฟโรเลต์ ต้องการเพิ่มยอดขาย ต้องทำให้ดีเลอร์กลับมาหาเรา ด้วยผลกำไรที่ดีขึ้น โดยการสนับสนุนการตลาดด้านโซเชียลมีเดีย รวมถึงการอบรมพนักงานด้านการทำตลาดดิจิทอลมากยิ่งขึ้น พอเรามีเครื่องมือในการขายที่มีคุณภาพ ก็ขายได้ดีขึ้น โดยมีค่าการทำตลาดลดลง ลูกค้าก็ได้รถในราคาสมเหตุสมผล และดีเลอร์ได้ผลตอบแทนดีขึ้น ปัจจุบัน เชฟโรเลต์ มีดีเลอร์ 88 แห่ง ถ้าเรื่องการขายมองว่าเพียงพอ แต่ที่ต้องเพิ่ม คือ ศูนย์บริการ เพราะลูกค้าต้องการจะนำรถเข้ารับบริการได้ง่ายขึ้น อยู่ใกล้บ้านมากขึ้น ซึ่ง เชฟโรเลต์ มีบิสซิเนสอยู่ 3 โมเดล ได้แก่ 3S คือ โชว์รูม เซอร์วิศ และอะไหล่, 3S LIVE สำหรับตลาดเล็กๆ สามารถโชว์รถได้สัก 2-3 คัน ส่วนใหญ่จะอยู่ต่างจังหวัด และ 2S ศูนย์บริการอย่างเดียวมี เซอร์วิศ กับอะไหล่ เป็นโอกาสในการขยายการบริการออกไปในจังหวัดที่ยังไม่มีศูนย์บริการรองรับลูกค้า และเพิ่มโอกาสในการขายได้ด้วย ตั้งเป้าหมายว่าภายในปี 2020 ต้องมีศูนย์ให้ลูกค้าเข้ารับบริการได้ทุกจังหวัด ตอนนี้ยังขาดอยู่ 12 จังหวัด อาทิ แม่ฮ่องสอน ตราด กำแพงเพชร พัทลุง พะเยา ลำพูน ลำปาง ฯลฯ ฟอร์มูลา : กลยุทธ์ที่จะสร้าง เชฟโรเลต์ ให้แข็งแกร่ง คืออะไร ? ปิยะนุช : ชูคำว่า อเมริกัน เพราะเข้าถึงง่าย และเน้นการดูแลลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องศูนย์บริการ ราคาที่เอื้อมถึง รวมถึงเน้นทำให้ดีเลอร์แข็งแรง ทำอย่างไรให้ดีเลอร์ขายได้มากขึ้น สนับสนุนดีเลอร์ในการประชาสัมพันธ์ผ่านดิจิทอลออนไลน์ อยากให้มีรถ เชฟโรเลต์ วิ่งอยู่บนถนนเยอะๆ ลูกค้าเข้าศูนย์บริการตามปกติ ดีเลอร์ก็มีรายได้ประจำที่แน่นอน มีเงินเก็บมากพอที่จะขยาย พอดีเลอร์แข็งแรง และพร้อมที่จะทำการตลาดในพื้นที่ของตัวเอง ก็จะแข็งแกร่งทั้งบแรนด์ และดีเลอร์เอง ฟอร์มูลา : เชฟโรเลต์ มองที่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าหรือไม่ อย่างไร ? ปิยะนุช : เจเนอรัล มอเตอร์ฯ บริษัทแม่ มีรถที่เป็น อีวี ไม่ต่ำกว่า 20 โมเดล อยู่ที่ว่าเราพร้อมจะหยิบมาทำตลาดเมื่อไร ไม่ใช่ยังไม่มีของ ไม่ได้อยู่ในขั้นตอนของการพัฒนา แต่รถ อีวี ของเรากำลังจะเริ่มวิ่งทั้ง 20 รุ่น ภายในปี 2023 นอกจาก อีวี ยังมี เอวี ซึ่งเริ่มขายแล้วเหมือนกัน อยู่ที่ว่าถ้าเอารถ อีวี เข้ามาขาย ต้องวิ่งได้ทั่วประเทศ ตอนนี้แบทเตอรีที่ใช้ในรถไฟฟ้า ยังมีราคาแพง ถ้ายังไม่มีการซัพพอร์ทภาษีจากรัฐบาล ผู้บริโภคต้องจ่ายแพงมาก อีกเรื่อง คือ สถานีชาร์จ ถ้ามีครอบคลุมทั่วประเทศเมื่อไร เราก็แค่หยิบของที่เรามีมาขาย อยู่ที่ว่าจะให้ชาร์จที่ไหน จะให้ขายเท่าไร เรารอความชัดเจนเรื่องนี้อยู่