เมื่อไทยร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น ข้าพเจ้าอยู่ที่เมืองนครปฐม อายุ 10 ขวบ การศึกษาอยู่ระหว่างเตรียมขึ้นระดับมัธยมต้น (1-6 ปี) ไม่สนใจสงครามตามประสาเด็ก แต่สนใจหลุมหลบภัยที่รัฐบาลสั่งให้ขุดคุณพ่อข้าพเจ้ารับราชการในสังกัดกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง เป็นสมุห์บัญชีตามอำเภอต่างๆ เริ่มตั้งแต่คุ้งสำเภา ลงมาหลายอำเภอตามคำสั่งย้ายแต่ละครั้ง ซึ่งแต่ละอำเภอจะติดแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นไปตามพฤติกรรมการคมนาคมของชาวสยามเวลานั้น ที่ใช้เรือเป็นพาหนะสำหรับการเดินทาง ข้อดีของเด็กเช่นข้าพเจ้า คือ สามารถว่ายน้ำเป็นโดยไม่ต้องเข้าเรียนการว่ายน้ำ ข้าพเจ้ามีเพื่อนร่วมสายน้ำ คือ ผักตบชวา และเรือโยง คุณพ่อย้ายเข้านครปฐม เพื่อรับตำแหน่ง “ศุภมาตราจังหวัด” หมายถึง ผู้ช่วยสรรพากรจังหวัด เมืองนครปฐม มีน้ำ และมีห้วยจระเข้ ที่ข้าพเจ้าใช้สืบสานการเล่นน้ำ นับเป็นแหล่งเล่นน้ำหลังสุดของข้าพเจ้าก่อนจบชั้นมัธยม 6 แล้วเข้ากรุงเทพฯ เรียนอักษรศาสตร์ ชั้นมัธยม 7 และ 8 ที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย วัดเลียบ เชิงสะพานพุทธ สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เริ่มจากญี่ปุ่นยกพลเข้าประเทศไทย ขอเป็นเส้นทางผ่านไปโจมตีพม่าอาณานิคมของอังกฤษ เพื่อบุกอินเดีย ทำสงครามมหาเอเชียบูรพา ข้าพเจ้าได้เห็นกองทหารญี่ปุ่นเดินเรียงแถวผ่านหน้าบ้าน ถนนเทศา ระหว่างสงครามที่ยุติลงในปี 2488 ข้าพเจ้ามีส่วนร่วมแค่ลงหลุมหลบภัยในบ้านของเราทุกคืน หลังจากได้ยินเสียงหวอ ก่อนเครื่องบินทิ้งระเบิดฝ่ายสัมพันธมิตรบินผ่านเข้าไปทิ้งระเบิดกรุงเทพฯ ซึ่งได้ยินเสียงครืนๆ ชัดเจน ไทยร่วมสงครามโลกเพราะญี่ปุ่น ดังนั้นเมื่อญี่ปุ่นยอมแพ้ ประเทศไทยจึงประกาศสันติภาพ ประกาศว่า การประกาศสงครามกับอังกฤษ และสหรัฐอเมริกา ของรัฐบาล จอมพล ป.พิบูลสงคราม เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2485 นั้นเป็นโมฆะ ประเทศไทยเป็นภาคีสมาชิก อันดับที่ 55 ขององค์การสหประชาชาติ เมื่อปี 2489 ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 จะสงบลง มีเครื่องบินฝ่ายสัมพันธมิตรบินมาตอนกลางวัน และทิ้งใบปลิวภาษาไทย สงครามยุติแล้ว มีร้านอาหารเอกชนเกิดในรูปแบบสวนอาหารบริเวณหน้าองค์พระปฐมเจดีย์ ลูกค้าสำคัญ คือ ทหารฝรั่ง หรืออดีตเชลยศึก ข้าพเจ้าได้พบทหารฝรั่งคนหนึ่ง ซึ่งถามข้าพเจ้าว่าเกิดที่ไหน ? “ชัยนาท” ข้าพเจ้าตอบ “ว้าว ! เกิดที่ ไชนา (เมืองจีน) เรอะ ?” วันนี้ โลกของเราเดินทางมาถึงปี 2563 ไม่มีสงครามโลกครั้งที่ 3 มา 74 ปี มีแต่สงครามจำกัดเขต เช่น สงครามเกาหลี สงครามเวียดนาม สงครามอัฟกานิสถาน และสงครามตะวันออกกลาง ข้าพเจ้าบันทึกเรื่องที่ท่านกำลังอ่านนี้เมื่อต้นเดือนมกราคม เป็นช่วงเวลาที่ตะวันออกกลางร้อนแรงมาก ด้วยมีเหตุร้ายเกิดขึ้นหลังจาก ประธานาธิบดีทรัมพ์ แห่งสหรัฐอเมริกา ใช้ดโรนสังหารนายพลชั้นนำของอิหร่านพร้อมพวก เป็นศพไป 8 ราย ขณะเดินทางอยู่ในอิรัก อิหร่านตอบโต้สหรัฐอเมริกา ใช้ขีปนาวุธยิงถล่มฐานทัพอเมริกันในอิรัก สหรัฐอเมริกาเพิ่มจำนวนทหารในอิรัก ราคาหุ้นตลาดโลกหล่นฮวบ ราคาน้ำมันดิบสูงขึ้น และราคาทองคำพุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์ ยังไม่มีรายงานการกักตุนสินค้า โดยเฉพาะประเทศไทย ซึ่งกำลังเริ่มต้น เลิกใช้ถุงพลาสติค ผลกระทบก็มี ตลาดหุ้น และราคาทองคำ รวมทั้งราคาน้ำมันเชื้อเพลิงตามสถานีบริการทั่วไป โลกครุ่นคิดแต่คำว่า “สงครามโลกครั้งที่ 3” โลกคิดถึงคำทำนายของ “นอสตราดามุส” ชาวฝรั่งเศสที่ทำนายว่า หลังปีพุทธศักราช 2500 อันเป็นปีกึ่งพุทธกาล สิ่งน่ากลัวของชาวโลก คือ สงครามที่ร้ายแรงกว่าสงครามโลกครั้งที่ 2 จะเกิด และต่างฝ่ายต่างล้มตายกันฝ่ายละมากๆ กึ่งพุทธกาลผ่านมาถึงปี 2563 ยังไม่มีสงครามโลกครั้งที่ 3 มีแต่สงครามที่เกิดจากความเคียดแค้นของสหรัฐอเมริกา หลังจากถูกผู้ก่อการร้ายถล่มตึกสูงในมหานครนิวยอร์ค อย่างไม่คาดคิด สงครามโลกจึงถูกคิดว่า ที่สุดแล้ว ก็คงไม่น่ากลัวเท่ากับจิตใจอันเคียดแค้นของมนุษย์ ! คงไม่ผิด หากเราจะพูดว่า สงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลงเพราะความน่าสยดสยองของระเบิดลูกใหม่ที่เรียกว่า “ระเบิดปรมาณู” ซึ่งสหรัฐอเมริกาคิดค้นขึ้นมาทำลายเมืองญี่ปุ่น จนญี่ปุ่นต้องประกาศยอมแพ้สงคราม ดังนี้ เมื่อสงครามที่น่ากลัวครั้งใหม่จะเกิด ก็ต้องคิดกันไปว่า อาวุธอันใดจะร้ายแรงกว่าระเบิดปรมาณู โลกมี “นอสตราดามุส” นักทำนายชาวฝรั่งเศส แต่โลกก็มี อัลเบิร์ท ไอน์ชไตน์ อัจฉริยะบุคคลของโลก ชาวเยอรมันเชื้อสายยิวผู้นี้ เคยคิดค้นอาวุธฆ่าคนด้วยแกสคลอรีนที่ทำให้มนุษย์ล้มตายในสนามเพลาะ ด้วยมันลงไปเผาลำคอ และปอด อย่างสุดทรมาน ไอน์ชไตน์ มีคำคมหลายบท ที่น่าจดจำไว้ก็มี เช่น “การเมืองนั้นแสนสั้น แต่สมการนั้น คงอยู่ชั่วนิรันดร์” และเขาทิ้งวาจาคมกริบไว้ในเรื่องราวแห่งสงครามว่า สงครามโลกครั้งที่ 3 มนุษย์จะรบราฆ่าฟันกันยังไงไม่รู้ แต่ที่รู้ก็คือ สงครามโลกครั้งที่ 4 มนุษย์จะรบกันด้วย “ไม้” ! คนไทยวันนี้ รู้จักตะวันออกกลาง โดยเฉพาะเมืองดูไบ ศูนย์กลางการบินโดยสาร เช่น สุวรรณภูมิของเรา ส่วนมากที่รู้จักก็เพราะเมืองนี้เป็นที่พักอาศัยของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตะวันออกกลางมีหลายประเทศ สหรัฐอเมริกาก็ใช้ทางการทูตเข้าไปแลดูมานานแล้ว นับแต่ตะวันออกกลางเริ่มมีบ่อน้ำมันดิบ ซึ่งเป็นอาวุธสำคัญอีกอย่างที่มนุษย์จำเป็นต้องใช้ระหว่างสงครามร้ายแรง กองทัพรถถังเยอรมนีระหว่างสงคราม กลายเป็นเศษเหล็กทั้งกองทัพ เพราะไม่มีน้ำมันเชื้อเพลิงให้เคลื่อนที่ อิหร่าน ประกาศสงครามจำกัดเขตกับสหรัฐอเมริกา ด้วยการชักธงสีเลือด แต่ประธานาธิบดีทรัมพ์ ของคนอเมริกัน ตอบโต้อย่างผิดความคาดหมายของชาวโลก ทรัมพ์ บอกว่า สหรัฐอเมริกาไม่มีอะไรเสียหาย เพราะขีปนาวุธอิหร่าน ดังนั้นสหรัฐอเมริกาก็จะตอบโต้ทางเศรษฐกิจ ไม่ใช่ด้วยการสงคราม นี่เป็นรายงานล่าสุดเท่าที่ข้าพเจ้าพบ ก็ต้องติดตามพฤติกรรมของ ทรัมพ์ ต่อไป เพราะมัน คือ สิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมอ สงครามโลกครั้งที่ 3 จึงต้องรอต่อไป... เหตุที่สงครามโลกครั้งที่ 3 ยังเกิดไม่ได้นั้น ตามความคิดสั้นๆ ของข้าพเจ้าผู้ไม่ได้เรียนรัฐศาสตร์ คิดว่าเป็นเพราะสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจโลกกำลังรันทด เงินบาทไทยแข็งปั๋ง เงินสกุลยุโรปร่วง โดยเฉพาะเงินสกุลปอนด์ของจักรภพอังกฤษ เคยมีค่าปอนด์ละ 70 บาท ตอนนี้เหลือแค่ 39 บาท สงครามเป็นเรื่องของการใช้เงิน ต้องขายอาวุธ ต้องซื้ออาวุธ เพื่อมาล้างผลาญกันและกัน ดังนั้น เมินมองข้ามโลกเศรษฐกิจไม่ได้ฮะ !