ภาพสะท้อนรถสปอร์ทเครื่องยนต์วางหน้า 250 จีที“ระเบียงรถใหม่” ในเดือนแห่งการชุมนุมรถสปอร์ทระดับ “ซูเพอร์คาร์” หากไม่มีผลงานของค่าย แฟร์รารี (FERRARI) รสชาติคงขาดหายไปเยอะ จึงต้องนำเรื่องราวของรถสปอร์ท “ม้าลำพอง” มาบรรจุไว้ด้วย เป็นรถรุ่นใหม่ล่าสุดซึ่งเพิ่งเปิดตัวในเมืองมะกะโรนีเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน 2019 พร้อมกับป้ายชื่อ แฟร์รารี โรมา (FERRARI ROMA) และคำประกาศยืนยันสรรพคุณว่าเป็น THE MOST POWERFUL AND FUN TO DRIVE MID-FRONT-ENGINED V8 2+ IN FERRARI HISTORY หรือรถติดตั้งเครื่องยนต์ วี 8 สูบ แบบวางกลางลำค่อนไปข้างหน้า ขนาด 2+ ที่นั่ง ซึ่งทรงพลัง และขับสนุกที่สุดในประวัติศาสตร์ของ แฟร์รารี ก่อนการปรากฏตัวของรถรุ่นนี้ ค่าย “ม้าลำพอง” มีรถคูเปติดตั้งเครื่องยนต์ วี 8 สูบ ให้คนรักรถสปอร์ทเลือกใช้ 3 โมเดล คือ แฟร์รารี 488 ปิสตา (FERRARI 488 PISTA) กับ แฟร์รารี เอฟ 8 ตรีบูโต (FERRARI F8 TRIBUTO) ติดตั้งเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 8 สูบ 90 องศา 3,902 ซีซี 529 กิโลวัตต์/720 แรงม้า และแฟร์รารี เอสเอฟ 90 สตราดาเล (FERRARI SF90 STRADALE) ติดตั้งระบบขับไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ ซึ่งใช้เครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 8 สูบ 90 องศา 3,990 ซีซี 574 กิโล-วัตต์/780 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ชุด ให้กำลังสุทธิสูงสุด 735 กิโลวัตต์/1,000 แรงม้า รถรุ่นใหม่นี้จึงเป็นรถเครื่องยนต์ วี 8 สูบ โมเดลที่ 4 เป็นรถที่คนของค่าย “ม้าลำพอง” บอกว่า รังสรรค์ขึ้นโดยมีผู้รักจะขับรถสปอร์ทแต่ยังรู้สึกแหยง หรือไม่กล้าเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ตั้งชื่อว่า ROMA เพราะตัวถังซึ่งยาว 4.656 ม. กว้าง 1.974 ม. และสูง 1.301 ม. มีรูปทรงองค์เอวและรายละเอียดหลายชุดที่สะท้อนถึงการใช้ชีวิตอย่างอิสระของชาวกรุงโรมในยุคสมัยหลังปี 1950 และ 1960 รวมทั้งได้แรงบันดาลใจหลายอย่างจากรถวางเครื่องหน้า แฟร์รารี 250 จีที แบร์ลิเนตตา (FERRARI 250 GT BERLINETTA) ที่โด่งดังในยุคนั้น ออกแบบพัฒนาโดยใช้โครงฐาน และระบบรองรับชุดเดียวกันกับรถเปิดประทุนเครื่องยนต์ วี 8 สูบ แฟร์รารี โปร์โตฟีโน (FERRARI PORTOFINO) ห้องโดยสารนั่งได้ 2 คน และยังมีพื้นที่ส่วนท้ายสำหรับบรรทุกของ หรือติดตั้งเก้าอี้ที่นั่งตัวเล็กๆ ได้อีก 1 ตัว จึงเรียกว่ารถ 2+ ที่นั่ง ที่ดูแปลกไปจากรถ “ม้าลำพอง” โมเดลอื่นๆ ก็คือ ระหว่างเก้าอี้ที่นั่งของผู้ขับ และผู้โดยสาร มีคอนโซลและชิ้นส่วนแผงกั้นเตี้ยๆ ที่ทำขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อแยกพื้นที่ออกจากกันเป็นสัดเป็นส่วนดังที่เห็นในภาพประกอบ ที่พิเศษเช่นกันก็คือ ผู้โดยสารมีจอสัมผัสของตัวเองโดยเฉพาะ ไม่ต้องไปยุ่งกับของผู้ขับ เป็นรถขับเคลื่อนล้อหลัง ด้วยพลังของเครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 8 สูบ 90 องศา 3,855 ซีซี บลอคเดียวกับที่ติดตั้งในรถเปิดประทุน แฟร์รารี โปร์โตฟีโน (FERRARI PORTOFINO) แต่ปรับแต่งใหม่จนกำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นนิดหน่อย คือจาก 441 กิโลวัตต์/600 แรงม้า เป็น 456 กิโลวัตต์/620 แรงม้า หรือเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 3.3 อย่างไรก็ตาม เนื่องจากรถรุ่นนี้มีน้ำหนักตัวเปล่าเพียง 1,472 กก. หรือเบากว่ารถ แฟร์รารี โปร์โตฟีโน (FERRARI PORTOFINO) ประมาณ 80 กก. จึงมีค่า DRY WEIGHT/POWER หรืออัตราส่วนน้ำหนักตัวต่อกำลังเครื่องยนต์ที่ต่ำเพียง 2.37 กก./แรงม้า คือ ดีที่สุดเมื่อเทียบกับรถระดับเดียวกันทุกรุ่นทุกแบบที่มีขายขณะนี้ สมรรถนะความเร็วตามตัวเลขของผู้ผลิต อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 3.4 วินาที อัตราเร่ง 0-200 กม./ชม. ทำได้ใน 9.3 วินาที ความเร็วสูงสุดไม่ระบุตัวเลขชัดเจน บอกเพียงว่าสูงกว่า 320 กม./ชม. มีกำหนดออกตลาดตอนกลางปี 2020 ค่าตัวในยุโรปเมื่อคิดเป็นเงินบาทไทย คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 7.0 ล้านบาท และอาจมีเงินทอนนิดหน่อย