ช่วงวิกฤติโรคระบาด COVID-19 คนทั่วโลกต่างพากันชื่นชม ไช่ อิงเหวิน ประธานาธิบดีหญิงของไต้หวัน ที่แสดงวิสัยทัศน์อันกว้างไกล และการตัดสินใจเด็ดขาด จนสามารถยับยั้ง และจำกัดการแพร่ระบาดในไต้หวันได้อย่างน่าทึ่ง ทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อระดับหลัก 100 ต้นๆ เท่านั้น ทั้งที่เกาะไต้หวันอยู่ห่างจากแผ่นดินจีนไม่ถึง 200 กม.ตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นงานของ ไช่ อิง เหวิน คือ เธอตั้งศูนย์รับมือไวรัสโคโรนา ตั้งแต่จีนเพิ่งติดเชื้อกัน 100 กว่าคน และสั่งระงับการส่งออกหน้ากากอนามัย ทันทีที่จีนมีผู้ป่วยเกิน 1,000 ราย ซึ่งก็คงโชคดีด้วยที่ในรัฐบาลของเธอไม่มีผู้ช่วยรัฐมนตรีกักตุน และลักลอบส่งออกโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำให้ชาวไต้หวันไม่ต้องแย่งกันซื้อหน้ากากชิ้นละ 20 บาท ขณะเดียวกัน ถ้าไม่มองเฉพาะผู้นำประเทศ ช่างน่าภูมิใจที่สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล (ของผม) มีผู้นำที่ชื่อ จือร์เกน คโลพพ์ แน่นอนว่า ผู้จัดการทีมฟุตบอล ไม่ได้มีหน้าที่วางแผน หรือกำหนดมาตรการใดๆ เกี่ยวกับโรคระบาด แค่ทำทีมให้เป็นแชมพ์พรีเมียร์ลีก ครั้ง-แรกในรอบ 30 ปี และครองแชมพ์ต่อไปเรื่อยๆ ก็พอแล้ว แต่ “สาร” ที่ คโลพพ์ ส่งถึงบรรดา “เธอะคอพ” หรือแฟนๆ ของทีมลิเวอร์พูลทั่วโลกเกี่ยวกับสถานการณ์ COVID-19 นั้นยอดเยี่ยม และน่าประทับใจไม่แพ้ “สปีช” ของผู้นำระดับโลกเลยทีเดียว คโลพพ์ บอกว่า “ผมเป็นผู้จัดการทีมของสโมสรนี้ และในฐานะผู้นำ ผมต้องรับผิดชอบต่ออนาคต และผลงานในสนามของทีม แต่ในช่วงเวลาที่ผู้คนมากมายในเมือง ในประเทศ และในโลกกำลังกังวล และเผชิญความไม่แน่นอน มันคงเป็นเรื่องผิดมหันต์ถ้าจะพูดถึงเรื่องอื่น นอกเหนือจากให้คุณปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ และคอยดูแลกันและกัน ข้อความจากสโมสรสู่แฟนบอลของเรานั้น เกี่ยวกับความสบายดีของพวกคุณ สุขภาพของพวกคุณต้องมาก่อน อย่าเสี่ยง คิดถึงอันตรายในตอนนี้ และช่วยเหลือเมื่อคุณทำได้ด้วยความเห็นอกเห็นใจ โปรดดูแลตัวเอง และดูแลกันและกัน คุณจะไม่มีวันเดินเดียวดาย” (ขอบคุณเพจ “ต้นทางฟุตบอล”) เห็นไหมครับ คำพูดของผู้นำในยามวิกฤติ สำคัญแค่ไหน โดยเฉพาะ เมื่อเทียบกับสิ่งที่ เอลอน มัสค์ ผู้นำ เทสลา พ่นออกมาในช่วงเวลาเดียวกัน “การตื่นตระหนกกับ COVID-19 เป็นเรื่องโง่เง่าสิ้นดี” และ “อุบัติเหตุบนท้องถนนน่ากลัวกว่า ไวรัสมรณะ” แค่ 2 ประโยคนี้ก็ทำให้เขาเหมาะ-สมกับอักษรย่อ “ผนงรจตกม” ยิ่งกว่าใคร !